เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 322 สิ่งที่เฉียวจื่อจี้คิด / ตอนที่ 323 ทำอะไรน่ะ
ตอนที่ 322 สิ่งที่เฉียวจื่อจี้คิด
ยาสลบนั่นห่วยจริงๆ รู้อย่างนี้น่าจะโปะให้มากกว่านี้อีกหน่อยก็คงจะดี…
เฉียวซือมู่มองคุณพ่อของตนเองด้วยสายตาเย็นชาราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า “คุณพ่อคิดจะทำอะไรกันแน่คะ?”
“ทำอะไรนะเหรอ?” เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เฉียวจื่อจี้ไม่เหลือทางให้ถอยอีกแล้ว เขาจึงเผยแผนการของตนเองออกมาเสียเลย “เจ้าหนี้ของพ่อเปลี่ยนใจอยากจะเจอลูกสักครั้ง แล้วเขาจะยกหนี้ทั้งหมดให้พ่อ มันคุ้มมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
เฉียวซือมู่เอ่ยถาม “ถ้างั้นสิ่งที่คุณพ่อบอกหนูก่อนหน้านั้นก็เป็นเรื่องโกหกนะสิคะ?” เสียแรงที่เธออุตส่าห์คิดหาทางช่วยใช้หนี้ให้เขา ที่แท้ก็โกหกทั้งเพ! เธอรู้สึกเสียใจกับความโง่เขลาของตัวเองเป็นอย่างมาก
เฉียวจื่อจี้ส่ายศีรษะ “พ่อไม่ได้โกหก ถ้าลูกยอมช่วยพ่อใช้หนี้ห้าล้านจริง พ่อก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก แต่ลูกไม่ยอมเอง ถ้างั้น ก็เหลือแค่ทางนี้ทางเดียวแล้ว”
“เขาอยากเจอหนูเหรอคะ? อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อไม่รู้ว่าเจอกันมันหมายความว่ายังไง คุณพ่อส่งหนูไปลงนรกแบบนี้ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอคะ? อ้อ หนูลืมไป คุณพ่อเคยทำเรื่องแบบนี้ครั้งหนึ่งแล้วนี่ ทำอีกสักครั้งก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก” เธอเอ่ยประชดประชันด้วยความเย็นชา
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จู่ๆ เฉียวจื่อจี้ก็รู้สึกละอายแก่ใจขึ้นมา แต่มันก็เป็นความรู้สึกเพียงแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น ไม่ทันไรเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเอ่ยกับเธอ “ลูกไม่ต้องเป็นห่วง พ่อเคยพบคุณอินแล้ว เขาทั้งหล่อทั้งรวยไม่แพ้แฟนของลูกคนนั้น ลูกเจอเขาแล้วต้องชอบเขาแน่”
เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของคุณพ่อ “คุณพ่อรู้ตัวไหมคะว่าตอนนี้คุณพ่อเหมือนอะไร?”
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอคงไม่มีคำพูดดีๆ ให้ แต่เขาก็อดถามไม่ได้ “เหมือนอะไร?”
“เหมือนพ่อเล้าในซ่องโสเภณีที่คอยเรียกแขกไงคะ” คำพูดโหดร้ายของเธอทำให้เฉียวจื่อจี้หน้าถอดสีแล้วถอดสีอีก ในที่สุดเขาก็สู้สายตาเกลียดชังของเธอไม่ได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับเธอ “อีกหลายชั่วโมงกว่าเขาจะมาถึงที่นี่ ลูกพักผ่อนก่อน ถึงยังไงลูกก็เป็นลูกสาวพ่อ พ่อไม่คิดร้ายกับลูกหรอก”
สิ่งที่เขาพูดเหมือนคำพูดปลอบใจตนเองมากกว่า เขาพูดจบแล้วไม่กล้ามองหน้าเธออีก รีบเดินก้มหน้างุดออกจากห้องทันที
เธอสูดหายใจลึก รู้สึกเสียใจมากที่หลงเชื่อเขาง่ายเกินไป เขากล้าทิ้งลูกเมียตัวเองได้ แล้วยังจะไปหวังให้เขารู้ผิดบาปได้อย่างไร? ครั้งนี้คงต้องถือว่าเธอดวงซวยมาก
เธอจะมัวแต่นั่งงอมืองอเท้าไม่ได้แล้ว ต้องคิดหาทางออกให้ได้
เธอครุ่นคิดไปมา พยายามขยับแขนขา สองแขนสองขาของเธอถูกมัดด้วยเชือกที่มีความหนาเท่านิ้วหัวแม่มืออย่างแน่นหนาจนขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ดูเหมือนคุณพ่อจะไม่ไว้ใจเธอจริงๆ ด้วย เธอยิ้มขื่น พลันสายตาเหลือบไปเห็นกระเป๋าของตนเองที่ถูกทิ้งเอาไปตรงมุมห้อง
ถ้าเธอหาวิธีเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าได้ล่ะก็ บางทีอาจจะ…
แต่สภาพของเธอในตอนนี้ อย่าว่าแต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเลย แค่จะลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เธอบังคับตัวเองให้ทำใจสงบนิ่ง ต้องคิดให้ออก มิเช่นนั้น ถ้าคุณอินอะไรนั่นมาถึงที่นี่คงไม่ดีแน่
เฉียวจื่อจี้ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูอย่างมีความสุข อีกเดี๋ยวเขาก็จะหมดหนี้หมดสินแล้ว ไม่แน่นะ ถ้าเกิดคุณอินพอใจขึ้นมา เขาอาจจะได้เงินเพิ่มก็ได้ จะได้มีทุนไปถอนทุนคืนด้วย
เขาละเมอเพ้อพกถึงภาพอนาคตอันสวยงามของตนเองแล้วอดยิ้มไม่ได้ แม้ครั้งนี้ลูกสาวจะถูกเขาหลอกใช้อีกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้เอาเปรียบเธอ ดูผู้ชายที่ชื่อจิ้นหยวนคนนั้นสิ เงินแค่ห้าล้านหยวนก็ไม่ยอมให้เธอ นั่นย่อมแสดงว่าผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แถมตอนนี้เขายังช่วยหาผู้ชายที่ดีกว่าให้เธออีก เธออาจจะนึกขอบคุณเขาในภายหลังก็ได้
ตอนที่ 323 ทำอะไรน่ะ
เฉียวจื่อจี้ยืนฝันกลางวันอย่างมีความสุขอยู่ตรงหน้าประตู ส่วนเฉียวซือมู่ที่ถูกจับมัดและขังอยู่ในห้องกำลังร้อนรนใจดั่งไฟลน
เธอใช้แรงเอวขยับเขยื้อนกายทีละนิดๆ พยายามกระเสือกกระสนไปจนถึงขอบเตียง จากนั้นค่อยๆ ยื่นเท้าออกไปเพื่อลงจากเตียง
ไม่นึกเลยว่าเรื่องง่ายๆ ในยามปกติ มาบัดนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ต้องเสียแรงมากมายขนาดนี้ เธอแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อแตะเท้าลงบนพื้น
คงต้องขอบคุณเฉียวจื่อจี้ที่ไม่ได้มัดเธอติดกับเตียง หากเป็นเช่นนั้นเธอคงยอมแพ้ไปนานแล้ว
สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าเธอยังมีสิทธิ์พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
เธอภาวนาขออย่าให้เฉียวจื่อจี้เข้ามาตอนนี้ อีกใจก็ร้อนรนจะหาโทรศัพท์มือถือให้ได้โดยเร็ว เธอจำได้ว่าเก็บโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในกระเป๋า และกระเป๋าใบนั้นก็ถูกทิ้งไว้ข้างกำแพงอย่างไม่ไยดี
ถ้าเธอเจอโทรศัพท์มือถือแล้วโทรออกไปขอความช่วยเหลือเธอก็รอดแล้ว
เธอคำนวณระยะห่างระหว่างกระเป๋าที่ถูกทิ้งไว้ข้างกำแพงกับตนเอง จากนั้นเม้มริมฝีปากแน่น ค่อยๆ กระถดตัวออกไปทีละนิดๆ
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าระยะห่างที่ใกล้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว มาบัดนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่ยากเหลือแสน เธอกระถดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็รู้สึกปวดเมื่อยตรงเอวและขาอ่อนปวกเปียกเสียแล้ว มันเหนื่อยมากจริงๆ
เธอกัดฟันอย่างไม่ยอมแพ้ บังคับตนเองให้อดทนกับความเหนื่อยล้าทางกาย กระถดตัวทีละก้าวๆ อย่างไม่ลดละ
ในที่สุด เป้าหมายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่กลับมีโต๊ะตัวหนึ่งวางขวางทางเอาไว้เสียอย่างนั้น
เธอกัดริมฝีปากแน่น ขณะที่กำลังกระถดตัวอ้อมโต๊ะตัวนั้น ด้วยความไม่ระวัง ทำให้เธอชนเข้ากับโต๊ะตัวนั้นจนส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บ
เธอกลั้นหายใจทันที ไม่กล้าส่งเสียงดังใดๆ อีก
เสียงดังขนาดนี้ ถ้าเขาอยู่ตรงประตูจะต้องได้ยินแน่ เสี้ยววินาทีนั้น หัวใจเธอเย็นวาบทันที
แต่เหนือความคาดหมาย เพราะเธอยืนนิ่งอยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่เห็นใครเข้ามาสักคน เธอพยายามชะโงกมองไปยังยังนอกประตูห้องและพบว่ามันเงียบเชียบมาก ไม่มีแม้แต่เงาคน
หรือว่าเขาออกไปแล้ว? ดีเลย เธอถอนหายใจโล่งอก รีบกระถดตัวต่อ แต่คราวนี้แย่กว่าเดิม เพราะร่างกายเธอเสียศูนย์จนล้มลงบนโต๊ะเสียอย่างนั้น
และสิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือเธอดันไปกระแทกโดนถ้วยน้ำชาเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดัง “เคร้ง”
คราวนี้เสียงดังมากของจริงแล้ว
เธอใช้สองแขนยันโต๊ะเอาไว้ พยายามพยุงตัวให้ยืนตรง ขณะเดียวกัน เสียงเสียงหนึ่งดังลอยมาจากนอกห้อง “นั่นลูกทำอะไรน่ะ!”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งสติ เฉียวจื่อจี้ก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องแล้ว
เธอยืนมองเขาเงียบๆ เม้มริมฝีปากแน่น
เฉียวจื่อจี้เห็นท่าทางเธอแล้วหรี่ตาแคบมองเธอด้วยความระแวง “ลูกกำลังทำอะไร? คิดจะหนีเหรอ?”
แย่แล้ว เธอควรจะแก้ตัวอย่างไรดี?
จู่ๆ เธอก็คิดออก “หนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ”
“ฮึ เรื่องมากจริง” แม้เธอจะเป็นลูกสาวของเขา แต่เวลานี้สีหน้าเขาไร้ซึ่งความปรานี ในทางกลับกัน เห็นได้ชัดว่าเขาดูรำคาญใจมากเสียด้วยซ้ำ
หัวใจเธอเย็นวาบ คุณพ่อตรงหน้าไม่ใช่คุณพ่อคนเก่าของเธออีกต่อไปแล้ว
แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยเขาจึงก้มกายลงแก้มัดทั้งหมดออกให้เธอ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาชี้ไปยังห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น แล้วอย่าคิดทำอะไรโง่ๆ ล่ะ เพราะลูกหนีไม่พ้นหรอก”
เธอได้ยินแล้วค่อยๆ เดินไปยังห้องที่เขาบอกอย่างเงียบๆ