เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 360 หลายใจเหมือนพ่อ / ตอนที่ 361 เรื่องจริงหรือ?
ตอนที่ 360 หลายใจเหมือนพ่อ
จิ้นหยวนเลิกคิ้วมองโทรศัพท์มือถือในมือ สรุปท่านอนุญาตหรือไม่อนุญาตกันแน่?
เขากลับไปถามเฉียวซือมู่ เธอฟังแล้วหัวเราะพรืด “ก็อนุญาตนะสิคะ ถ้าไม่อนุญาต ท่านคงด่าคุณเปิงไปแล้ว”
เธอเดาว่าหลังจากคุณแม่ได้ยินแล้วไม่เพียงแค่อนุญาตเท่านั้น แต่ท่านต้องดีใจมากด้วยแน่ ก่อนหน้านี้คุณแม่ยังบ่นกับเธออยู่หยกๆ ว่าเหตุใดเธอจึงไม่พูดเรื่องแต่งงานกับจิ้นหยวน ดูตอนนี้สิ ว่าที่ลูกเขยเสนอตัวถึงที่เลย
เธอแอบยิ้มในใจ ใบหน้าปกปิดความดีใจเอาไว้ไม่มิด จิ้นหยวนเห็นแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณยิ้มอะไรน่ะ?”
เธอรีบส่ายศีรษะ “เปล่า ไม่มีอะไร” พูดเป็นเล่น เธอจะให้เขารู้ความคิดเธอไม่ได้เด็ดขาด ขืนรู้เข้า มีหวังเธอได้อับอายขายหน้าจนต้องแทรกแผ่นดินหนีแน่
อาการบาดเจ็บของเธอไม่หนักหนาอะไร แค่บวมช้ำเท่านั้น หลังจากหยอดน้ำเกลือไปหลายขวด อาการเธอก็เริ่มดีขึ้น แต่จิ้นหยวนยังคงไม่วางใจ เขาบังคับให้เธอนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลต่ออีกหลายวัน เธอเบื่อจนแทบจะร้องขอชีวิต โชคดีที่จิ้นหยวนไม่ทำเกินไป เขายังอุตส่าห์ใจดีโทรศัพท์ขอให้ว่าที่แม่ยายมาอยู่เป็นเพื่อนเธอเพื่อคลายเหงา
เวินเยวี่ยฉิงเห็นเฉียวซือมู่ที่ต้องนอนโรงพยาบาลแล้วตกอกตกใจยกใหญ่ แต่พอรู้สาเหตุแล้วถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เธอใช้นิ้วจิ้มหน้าผากลูกสาว “ไม่รู้ว่าหลายใจเหมือนพ่อหรือเปล่า?”
เฉียวซือมู่ทำปากจู๋ “หนูไม่ได้หลายใจสักหน่อย ฉีหย่วนเหิงกับหนู เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าจิ้นหยวนจะบ้าขนาดนั้น มาถึงก็ต่อยเอาๆ”
“ลูกเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น แต่เขาเห็นลูกเป็นแค่เพื่อนด้วยหรือเปล่าล่ะ?” เวินเยวี่ยฉิงพูดเหมือนจิ้นหยวนเปี๊ยบ “ลูกต้องระวังตัวรู้ไหม ลูกกำลังจะแต่งงานแล้ว จะทำตัวเลื่อนลอยแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เดี๋ยวจิ้นหยวนก็ไม่เอาหรอก”
“เขาไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอทำเสียงฮึ่มๆ
เวินเยวี่ยฉิงส่ายศีรษะ “อย่าคิดว่าเขารักลูกมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ ถ้าเขาไม่เอาลูกขึ้นมาจริงๆ ดูซิว่าจะแอบไปร้องไห้ขี้มูกโป่งที่ไหนได้”
“มีแม่ที่ไหนเขาพูดอย่างนี้กันคะ?” เฉียวซือมู่ชักโมโห
“ได้ ไม่พูดแล้วก็ได้ ยังไงลูกก็ต้องระวังตัวเอาไว้บ้าง อย่าทำอะไรให้มันเกินไปก็แล้วกัน รักษาระยะห่างกับผู้ชายคนอื่นเอาไว้บ้าง เข้าใจหรือยัง?” เวินเยวี่ยฉิงอดจ้ำจี้จ้ำไชไม่ได้
ยังไม่ทันที่ลูกสาวจะได้เอ่ยตอบ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จากนั้นเดินไปคุยสายนอกประตูห้อง
เฉียวซือมู่หรี่ตามอง รู้สึกว่าสีหน้าคุณแม่ดูแปลกๆ ความคลางแคลงใจเรื่องโทรศัพท์เมื่อครั้งก่อนหวนกลับมาอีกครา
เธอคิดๆ แล้วย่องลงจากเตียง เธอเจ็บแขนไม่ใช่ขา เดินแค่นี้ไม่เป็นปัญหาหรอก
เธอเดินย่องไปถึงตรงประตู สีหน้าของคุณแม่ที่เธอเห็นนั้นเป็นสีหน้าที่กำลังขัดเขินมาก มากเสียจนสาวๆ อย่างเธอขนลุกซู่
คุณแม่คุยสายกับใคร?
เธอสงสัยมาก รีบเงี่ยหูฟังทันที “ฉันรู้แล้วน่า คุณนี่บ่นอยู่ได้…”
สักพักเวินเยวี่ยฉิงเอ่ยขึ้นใหม่ “อื้ม เข้าใจแล้ว งั้นพรุ่งนี้ฉันเตรียมอาหารเอาไว้นะคะ…”
นี่คุณแม่…
ความคิดหนึ่งแวบขึ้นในสมอง แต่เธอกลับไม่อยากจะเชื่อความคิดนั้น ไม่ใช่หรอกมั้ง แต่คุณแม่รักคุณพ่อมาตลอดนี่นา อย่าบอกนะว่าคุณแม่ติดต่อกับคุณพ่ออีกแล้ว?
เธอหวนนึกถึงคำปฎิเสธของคุณแม่แล้วครุ่นคิดไปมา รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คุณพ่อจริงๆ เธอเองก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรเหมือนกัน แต่เธอคงต้องปรึกษาจิ้นหยวน กันไว้ดีกว่าแก้นี่นา
เฉียวซือมู่เห็นเวินเยวี่ยฉิงคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจึงรีบย่องกลับไปนอนลงบนเตียง ขณะที่เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มนั้น เวินเยวี่ยฉิงก็เดินเข้ามาในห้องพอดี ในมือเธอกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ สีหน้าฉายแววกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย เธอนั่งลงแล้วใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมทัดหู ท่าทางเหมือนคนที่เพิ่งทำอะไรผิดมาไม่มีผิด
ตอนที่ 361 เรื่องจริงหรือ?
เฉียวซือมู่เห็นท่าทางคุณแม่แล้วมั่นใจในทันทีว่าท่านต้องมีเรื่องปิดบังตนแน่ เธอเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างแนบเนียน คืนนี้เธอต้องขอให้จิ้นหยวนช่วยสืบเรื่องนี้เสียแล้ว
เมื่อจิ้นหยวนไปถึงโรงพยาบาลตอนหัวค่ำก็เห็นเธอกำลังนอนเล่นแท็บเล็ตอย่างสบายอารมณ์ เขาเดินเข้าไปริบมันอย่างไม่เกรงใจ “เลิกเล่นได้แล้ว”
เฉียวซือมู่เพิ่งจะเล่นได้ครึ่งเกม จึงร้องประท้วงด้วยความกระวนกระวายใจ “เอาคืนมานะ ฉันเพิ่งเล่นได้ครี่งเกมเอง”
“ไม่ได้” จิ้นหยวนปิดเครื่องทันที “คุณยังอยากจะกลับบ้านเร็วๆ อยู่หรือเปล่า คุณเป็นคนป่วยนะ ทำตัวให้มันเหมือนคนป่วยหน่อยสิ”
เธอทำแก้มป่องพองลมอย่างไม่พอใจ จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ เขาเปิดถุงหิ้วออก “เถอะน่า อย่าโมโหเลยนะ ผมซื้อของชอบของคุณมาให้ด้วยนะ ดูซิว่าถูกใจหรือเปล่า?”
เธอชะโงกหน้าดู เห็นว่าเป็นอาหารที่เธอชื่นชอบทั้งนั้น ความโมโหจึงลดลงไปเล็กน้อย แต่ยังคงปั้นหน้าไม่ปั้นปึ่งเหมือนเดิม
เขาเห็นท่าทางเธอแล้วคีบอาหารใส่ปากเธอด้วยสีหน้ายิ้มๆ ทำให้เธอต้องเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ จนค่อยๆ ลืมเรื่องไม่พอใจไปเสียสนิท
อารมณ์เธอมาเร็วไปเร็ว เธอรีบเข้าเรื่องทันที “ฉันมีอะไรจะบอกคุณค่ะ คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
“พูดมาสิ” จิ้นหยวนเอ่ยตอบ
เธอเล่าเรื่องที่ช่วงนี้คุณแม่ทำตัวแปลกๆ ให้เขาฟัง เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คุณพูดจริงเหรอ?” เขาสั่งให้ลูกน้องไปเช็คแล้วเช็คอีก แต่ก็ไร้ร่องรอยของเฉียวจื่อจี้ หรือว่าเฉียวจื่อจึ้จะเก่งฉกาจมากจนสามารถหลบหลีกสายตาลูกน้องของเขาไปได้ แล้วยังสามารถติดต่อว่าที่คุณแม่ยายได้อีก?
ว่าที่พ่อตาของเขาฝีมือใช่ย่อยจริงๆ จิ้นหยวนแอบคิดในใจ
เขารับปากเธอทันที ในใจคิดหาสารพัดวิธีที่จะพาตัวเขามาให้ได้ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าเขาและเมียจ๋าจะคิดผิดไปถนัด เพราะคนที่ติดต่อกับเวินเยวี่ยฉิงเป็นผู้ชายจริงๆ แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ใช่เฉียวจื่อจี้อย่างที่คิด
เขาส่งข้อมูลที่ตรวจสอบมาได้ให้เฉียวซือมู่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเดาผิด ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เฉียวจื่อจี้อย่างที่เคยคาดเดาเอาไว้
หลังจากเฉียวซือมู่ดูข้อมูลและรูปถ่ายที่ลูกน้องของจิ้นหยวนแอบถ่ายเอาไว้แล้ว เธอก็ตะลึงนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ เธอเอ่ยขึ้นหลังเรียกสติคืนกลับมาได้ “นี่มัน… นี่มันเรื่องจริงเหรอคะ?”
จิ้นหยวนพยักหน้า “ลูกน้องที่ผมเชื่อใจได้มากที่สุดเป็นคนไปตรวจสอบเอง ไม่มีทางพลาดหรอก”
เฉียวซือมู่เอ่ยเสียงแหบแห้ง “ทำไมคุณแม่ถึงอยู่กับคนคนนี้? ผู้ชายคนนี้เป็น… เป็น…”
เธอเอ่ยตะกุกตะกักจนไม่เป็นประโยค จิ้นหยวนต่อประโยคให้เธอ “เป็นหมอคนนั้นใช่ไหม?”
“ค่ะ ทำไมคุณแม่ถึงอยู่กับคุณหมอคนนั้น แล้วชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครคะ?” เธอชี้ไปยังรูปถ่ายตรงหน้า
จิ้นหยวนกวาดสายตามองรูปถ่าย เอ่ยสีหน้าราบเรียบ “หมอคนนั้นเป็นพ่อหม้าย สภาพครอบครัวคล้ายกับครอบครัวคุณ เพียงแต่คุณแม่คุณเจอผู้ชายเลว ส่วนเขาเจอผู้หญิงชั่ว ชายหนุ่มในรูปเป็นลูกชายเขา หลังหย่าเขาได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกชายคนเดียว” เขาอธิบายเสร็จแล้วยื่นหน้าดูชายหนุ่มในรูปถ่าย “ดูสีหน้าเขาแล้ว ดูเหมือนจะเข้ากับคุณแม่ยายได้ดีเหมือนกันนะ”
เฉียวซือมู่เหม่อลอยอยู่ครึ่งค่อนวันกว่าจะยอมรับความจริงได้ แต่เธอยังไม่เข้าใจอยู่ดี “มันก็เป็นเรื่องดีค่ะ แต่ทำไมคุณแม่ต้องปิดบังฉันด้วยล่ะคะ?”
จิ้นหยวนคาดเดา “คงกลัวคุณคัดค้านล่ะมั้ง หรือกลัวคุณหัวเราะท่าน แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะคบกันได้สักพักแล้วนะ”
เธอพยักหน้าน้อยๆ “ใช่ ดูทุกคนเข้ากันได้ดีมากเลยค่ะ”
ทั้งสามคนในรูปหน้าตายิ้มแย้ม เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไม่มีผิด เธอเห็นแล้วรู้สึกเจ็บแปลบในอก คุณแม่ไม่ใช่ของเธอคนเดียวอีกต่อไปแล้ว