เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 376 ต้องดีกับฉันให้มากๆ / ตอนที่ 377 ถ้ามีคนเพิ่มอีกสักคนก็คงดี
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 376 ต้องดีกับฉันให้มากๆ / ตอนที่ 377 ถ้ามีคนเพิ่มอีกสักคนก็คงดี
ตอนที่ 376 ต้องดีกับฉันให้มากๆ
“ไม่ต้องพูดมาก สรุปก็คือ แม่ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านเด็ดขาด ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ” เอ่ยจบแล้วกดตัดสายทันที
จิ้นหยวนได้ยินเสียงตัดสายไปแล้ว เขาได้แต่ถอนหายเฮือก พอหมุนตัวพลันเห็นเฉียวซือมู่ยืนอยู่ข้างหลังตน
สายตาคมกริบมองไปยังเธออย่างจับสังเกต “คุณมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็ตั้งแต่ที่คุณพูดว่าเราสองคนจดทะเบียนกันแล้ว” เธอเดินเข้าไปใกล้ เอ่ยโดยไม่ละสายตาไปจากเขา “คุณป้าไม่ชอบฉันใช่ไหมล่ะคะ?”
สีหน้าเขาเคร่งเครียด ก่อนหน้านี้คุณแม่ก็ชอบเธอนี่นา แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่ชอบเธอแล้วล่ะ
เธอเห็นเขาเอาแต่เงียบจึงเข้าใจในทันที เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “เมื่อก่อนตอนที่ฉันเจอท่านก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินี่นา ไม่คิดเลยว่า… ฉันว่าท่านน่าจะกำลังเข้าใจอะไรฉันผิด ถ้างั้น เราหาเวลาไปเยี่ยมท่านดีไหมคะ?”
จิ้นหยวนแอบทอดถอนอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้เขาคำนึงถึงสภาพจิตใจของคุณแม่ ถึงได้คิดถึงวิธีจดทะเบียนสมรสก่อนโดยที่ยังไม่จัดงานแต่งงาน เพียงเพราะหวังว่าท่านจะยอมเข้าใจจิตใจของลูกชายคนนี้บ้าง แต่นึกไม่ถึงเลยว่า จนถึงตอนนี้แล้วยังต้องให้มู่มู่เป็นคนกลับไปเอาใจท่านอีก
เขาส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ผมรู้จักนิสัยคุณแม่ดี ถ้าคุณไป ท่านจะต้องทำให้คุณลำบากแน่”
เฉียวซือมู่หัวเราะเบาๆ “ท่านเป็นคุณแม่ของคุณนี่คะ ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องของคุณ ถึงท่านจะไม่ชอบหน้าฉัน แต่ท่านก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ อย่างมากก็แค่พูดอะไรที่มันไม่น่าฟังบ้าง เรื่องแค่นี้เอง ฉันทนได้อยู่แล้วล่ะค่ะ”
“ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ ไหนๆ เราก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้วนี่” จิ้นหยวนยังคงไม่ยินยอม เพราะเขาไม่อยากเห็นเธอต้องลำบาก
เธอส่ายศีรษะ “ถึงยังไงท่านก็เป็นคุณแม่นะคะ คุณทำแบบนี้ท่านจะเสียใจมากแค่ไหน ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เรากลับไปเยี่ยมท่านกันนะคะ ถ้าท่านเปลี่ยนใจมาชอบฉัน นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถ้าท่านยังไม่ชอบฉันเหมือนเดิม เราค่อยคิดหาทางอื่นก็ได้นี่คะ”
เขามองเธอนิ่ง รู้สึกว่าเธอพูดแทงใจดำเขาทุกอย่าง จะว่าไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณพ่อไม่ดีนัก เขาทะเลาะกับคุณพ่อเรื่องหร่วนเซียงเซียงไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ช่วงนั้นคุณแม่เป็นคนคอยประสานรอยร้าวระหว่างเขากับคุณพ่อตลอด ท่านต้องลำบากมาก ดังนั้น สำหรับเขาแล้ว ความรักระหว่างเขากับคุณแม่ยังคงแน่นแฟ้นเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าจะไม่กลับบ้าน เขาเองก็รู้สึกแย่มากเหมือนกัน พอได้ยินเธอชวนเขากลับบ้าน เขาจึงรู้สึกซึ้งใจมาก เขามองเธอนิ่งพลางเอ่ยเบาๆ “ขอบคุณนะ คุณวางใจเถอะ ผมไม่ยอมให้คุณแม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก”
เธอพยักหน้า เอียงคอพิงไหล่เขาแล้วเอ่ยเสียงเบา “คุณก็เห็นฉันกับคุณแม่เป็นตัวอย่างแล้วนี่คะ ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นเหมือนฉัน ทั้งๆ ที่มีครอบครัว แต่กลับต้องแยกจากพวกเขา ที่สำคัญ พวกท่านไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย พวกท่านก็อายุเยอะแล้ว ถ้าเราถอยได้ก็ยอมพวกท่านเถอะค่ะ”
จิ้นหยวนฟังแล้วจูบกระหม่อมเธอเบาๆ “เมียจ๋าดีที่สุดในโลกเลย จิ้นหยวนคนนี้โชคดีเหลือเกินที่ได้คุณมาเป็นภรรยา”
เฉียวซือมู่ฟังคำพูดขี้เล่นของเขาแล้วย่นจมูก “งั้นคุณยังไม่รีบทำดีกับฉันอีก ระวังนะ ถ้าฉันรู้สึกว่าคุณไม่ดีขึ้นมา ฉันจะทิ้งคุณทันทีเลย!”
นับตั้งแต่เธอแต่งงานกับเขา เฉียวซือมู่รู้สึกว่าตนมีความสุขมากที่สุดในชีวิตตั้งแต่คบกับเขา เธอไม่จำเป็นต้องคอยเป็นกังวลเรื่องคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป และไม่จำเป็นต้องคอยกังวลว่าจิ้นหยวนจะเปลี่ยนใจไปจากเธอ เพราะแม้แต่คนตาบอดก็คงดูออกว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดไหน ช่วงเวลาแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดหรือเรื่องอะไรที่สมบูรณ์แบบ เธอเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เพียงไม่นาน จิ้นหยวนเริ่มงานยุ่งอีกแล้ว เฉียวซือมู่ยังคงแอบหนีออกไปทำงานนอกบ้านเหมือนเดิม เพราะเธอมักจะทำงานไม่ตรงเวลา ทำให้คุณหวังที่เป็นหัวหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอจึงไม่เคยต่อว่าเธอ และนั่นทำให้เธอรู้สึกคลางแคลงใจมาก
แต่เพียงไม่นานเธอก็ลืมความสงสัยนี้ไปจนสิ้น มันก็แค่งานพาร์ทไทม์ที่ต้องทำงานแค่วันละสามชั่วโมงเท่านั้น ถ้าเธอต้องเสียงานนี้ไป เธอก็แค่หางานใหม่ทดแทนก็เท่านั้น
วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละวันๆ อย่างช้าๆ จนเธอลืมเรื่องที่จะกลับไปเยี่ยมคุณแม่ของจิ้นหยวนไปเสียสนิท วันหนึ่ง จิ้นหยวนกลับจากที่ทำงาน เขานอนกอดเธอพลางใคร่ครวญสักพัก จากนั้นเอ่ยกับเธอ “พรุ่งนี้เรากลับไปทานข้าวเย็นที่บ้านนะ กินข้าวเสร็จแล้วก็กลับ”
“ค่ะ” เธอชะงักเล็กน้อย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเคยคุยเรื่องนี้กับเขาสักพักแล้ว จึงรีบตกปากรับคำทันที
เธอไม่ได้คาดหวังกับการรับประทานอาหารเย็นในครั้งนี้เลย คิดเพียงแค่ว่าจะสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณแม่เขาได้หรือไม่เท่านั้น เพราะเธอไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณแม่เกิดรอยร้าว เขาดีกับเธอมากขนาดนี้ เธอเองก็ต้องตอบแทนให้สมกับความดีที่เขามีให้เธอเช่นเดียวกัน
จิ้นหยวนลูบผมเธอเบาๆ “คุณสบายใจเถอะ ผมไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณได้หรอก”
ตอนที่ 377 ถ้ามีคนเพิ่มอีกสักคนก็คงดี
เฉียวซือมู่รู้สึกขำ “ดูพูดเข้า ทำไมพูดซะบ้านคุณเหมือนถ้ำเสือเลยล่ะคะ?”
จิ้นหยวนหัวเราะพลางจิ้มจมูกเธอเบาๆ “ก็ผมกลัวคุณถูกรังแกนี่นา”
“คุณจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ ฉันเหมือนคนที่จะถูกรังแกง่ายๆ อย่างนั้นเหรอคะ?” เธอแย้งอย่างไม่ยอมแพ้
เขาหัวเราะเบาๆ หากแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
เฉียวซือมู่นอนทับอยู่บนอกเขาอย่างสบายอารมณ์ เธอทอดถอนใจ “ฉันเพิ่งรู้ว่าความสุขมันเป็นยังไง”
เขาครางตอบเสียงเบา มือใหญ่ลูบวนหน้าท้องเธอเงียบๆ “ถ้ามีคนเพิ่มอีกสักคนก็คงจะดี”
เธอชะงักนิ่งอึ้ง สีหน้าแข็งเกร็ง
เธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เธอยังเคยแอบสงสัยว่าเหตุใดเธอจึงยังไม่ท้องเสียที หรือว่าเป็นเพราะสุขภาพร่างกายเธอไม่สมบูรณ์แข็งแรง?
เขาดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงส่ายศีรษะน้อยๆ “คุณไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เราสองคนแข็งแรงดี ถึงเวลาเดี๋ยวลูกก็มาเอง”
ความกลัดกลุ้มผุดขึ้นในใจ เธอเอ่ยตอบอืมเสียงเบา
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี จิ้นหยวนพาเธอไปที่บริษัทแต่เช้า เธออยู่เป็นเพื่อนเขาทั้งเช้า ตกบ่ายทั้งสองจึงขับรถไปยังคฤหาสน์ตระกูลจิ้น
ในรถ เธอนั่งมองจิ้นหยวนแปลกๆ
เขาจึงเอ่ยถาม “ทำไมถึงมองหน้าผมแบบนั้นล่ะ?”
เธอทอดถอนใจ “ไม่นึกเลยว่าคุณทำงานเหนื่อยขนาดนี้ ฉันก็คิดว่าคุณแค่มานั่งเซ็นเอกสารเท่านั้นเสียอีก” ไม่เพียงแค่นั้น วันหยุดสุดสัปดาห์ยังต้องมาทำงานอีก ทำงานเยอะมากขนาดนั้นทุกวัน จนเธอสงสัยว่าเขาไปเอาแรงเยอะแยะมาจากไหน
เขาหัวเราะพรืด “จะเป็นไปได้ยังไง คุณคิดว่าบริษัทผมหล่นลงมาจากฟ้าหรือไง?”
เขาทอดถอนใจ “ตอนที่ผมมารับไม้ต่อจากคุณพ่อ ตอนนั้นบริษัทแย่มาก ภายนอกดูดี แต่ภายในเละไม่เป็นชิ้นดี ตอนนั้นผมได้นอนแค่วันละสี่ชั่วโมงเท่านั้น กว่าจะผ่านทุกอย่างมาได้ ตอนหลังผมได้รู้จักกับพี่น้องของผม บริษัทถึงได้ค่อยๆ เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ คุณเห็นผมเหนื่อย แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ถือว่าสบายขึ้นเยอะมากแล้ว”
เขาหันไปมองเธอแล้วยิ้มบางๆ “ผมไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้กับคุณเลย คุณแค่อยู่บ้านแล้วทำตัวดีๆ ก็พอแล้ว เรื่องนอกบ้านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมคนนี้ เข้าใจหรือยัง?”
เธอถอนหายใจเบาๆ คิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มที่ถูกยกย่องว่าเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลจิ้น ชายหนุ่มในฝันที่สาวๆ อยากแต่งงานด้วยเป็นอันดับหนึ่ง จะเคยผ่านช่วงชีวิตยากลำบากมาก่อน เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าเขาเป็นแค่คุณชายที่ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงเสียอีก คิดๆ แล้วรู้สึกว่าตนไร้เดียงสาจนน่าหัวเราะ
ถึงกระนั้นก็เถอะ เธอยังคงได้ยินประโยคสุดท้ายของเขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงเอ่ยขึ้นอย่างเคืองๆ “อยู่แต่ในบ้านมันน่าเบื่อนี่คะ ฉันเรียนมาตั้งเยอะ แต่ตอนนี้กลับใช้ชีวิตอย่างไร้ประโยชน์ รู้อย่างนี้ฉันอยู่แต่ในบ้าน ไม่ต้องไปเรียนหนังสือให้เสียเวลาหรอก” เอ่ยพลางปั้นหน้าสลด
จิ้นหยวนเห็นแล้วถึงกับส่ายศีรษะ “ยัยโง่เอ๊ย ผมกลัวคุณต้องลำบากต่างหากเล่า”
“ไม่ลำบากซะหน่อย แต่ละวันทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวก็เลิกงานแล้ว ไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลยนี่คะ” เธอเห็นแสงสว่างแห่งความหวังอยู่รำไร ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ รีบฉวยจับมือเขาเอาไว้แน่
จิ้นหยวนถอนหายใจ “โอเค ผมจะลองคิดดูก็แล้วกัน” ความจริงเขาไม่ได้กลัวว่าเธอจะลำบากเท่านั้น แต่เขายังอยากจะทำให้คุณแม่ประทับใจในตัวเธอด้วย แต่เขาก็ไม่สะดวกที่จะพูดเรื่องนี้กับเธอ
เขาจ้องมองใบหน้าสงบนิ่งของเธอ แอบหวังลึกๆ ในใจ หวังว่าวันนี้เธอจะสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณแม่ได้ มิเช่นนั้น เขาคงต้องตัดใจเสียแล้ว