เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 380 มู่มู่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก / ตอนที่ 381 จะเล่นละครถึงเมื่อไหร่
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 380 มู่มู่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก / ตอนที่ 381 จะเล่นละครถึงเมื่อไหร่
ตอนที่ 380 มู่มู่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก
ท่าทีของฉินเพ่ยหรงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้จิ้นหยวนรู้สึกโล่งอกมาก เขาเอ่ยกับเธอ “คุณแม่วางใจเถอะครับ มู่มู่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ถ้าคุณแม่รู้จักเธอมากว่านี้ คุณแม่จะต้องชอบเธอแน่ๆ ครับ”
ฉินเพ่ยหรงครางเสียงฮึ “นั่นมันเรื่องในอนาคต พวกลูกอยู่กันเองข้างนอก แล้วแม่จะมีโอกาสรู้จักได้ยังไงล่ะ?”
จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้ว “เรายังมีเวลาอีกมากนี่ครับ”
เธอส่ายศีรษะ “ในเมื่อแต่งงานกันแล้วก็ควรจะกลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา แม่จะได้รู้ด้วยว่าเธอมีดีอะไร ถึงทำให้ลูกหลงได้ขนาดนี้”
จิ้นหยวนรีบส่ายศีรษะปฏิเสธทันที “ไม่ได้หรอกครับ เราต้องการพื้นที่ส่วนตัวนะครับ”
เธอมองเขาด้วยความโมโห “อาหยวน ลูกนี่ยิ่งโตยิ่งไม่รู้เรื่อง เมื่อก่อนยังไม่แต่งงานก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้แต่งงานมีเมียยังไม่กลับมาอยู่ที่บ้านอีก แบบนี้มีลูกก็เหมือนไม่มี จะให้พ่อกับแม่คอยชะเง้อมองตาละห้อยคอยพวกลูกกลับบ้านทุกวันหรือไง? นี่ลูกยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า รู้จักหรือเปล่า คำว่ากตัญญูน่ะ?”
เธอด่าเป็นพรวนจนจิ้นหยวนต้องคลึงหว่างคิ้วด้วยความกลุ้มใจ ไม่รู้ว่าคุณแม่ที่เข้าใจทุกอย่างหายไปไหนแล้ว หากไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาและการพูดการจาที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เขาคงคิดว่าคุณแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นตัวปลอมแน่ๆ
“คุณแม่… คุณแม่ไม่ชอบเธอ แล้วจะให้เรากลับมาอยู่ที่นี่ทำไมครับ?”
“ไม่ชอบก็ส่วนไม่ชอบ ไหนลูกบอกว่าเธอดีนักหนาไง? แม่เองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าดียังไง อีกอย่าง มีอย่างที่ไหน แต่งงานกันแล้วไม่ยอมกลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่ชาวต่างชาติซะหน่อย แม่มีลูกชายกับเขาแค่คนเดียวนะ ความหวังเล็กๆ แค่นี้ลูกก็ทำให้แม่ไม่ได้เหรือไง?”
ดูเหมือนวันนี้คุณแม่จะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พูดแต่ละประโยคคล่องปรื๋อจนจิ้นหยวนหมดทางโต้ตอบ
“ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องฟังความเห็นเธอก่อน” จิ้นหยวนหมดคำโต้แย้ง ได้แต่โยนเผือกร้อนไปให้เฉียวซือมู่แทน
เฉียวซือมู่นั่งฟังอยู่เงียบๆ มาโดยตลอดราวกับเธอไม่มีตัวตน ฉินเพ่ยหรงทำเหมือนเพิ่งเห็นเธอ เธอครางเสียงฮึ “ไม่มีมารยาท” เห็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วก็ไม่รู้จักทักทาย ลูกสะใภ้ที่ไหนเขาทำอย่างนี้?
ฉินเพ่ยหรงให้คะแนนในใจ เฉียวซือมู่คะแนนตกทันที ถึงขั้นคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเสียอีก
จิ้นหยวนจับมือเธอพลางเอ่ย “เมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้ว คุณคิดว่าไง? ไม่ว่าคุณตัดสินใจยังไงก็ตาม ผมอยู่ข้างคุณเสมอ พูดมาเถอะ จะกลับไปอยู่ด้วยกันสองคนหรือกลับมาอยู่ที่นี่?”
เฉียวซือมู่ชายตามองเขา “ความจริงฉันอยากกลับไปอยู่กับคุณค่ะ เพราะโลกของสองเราเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด”
จิ้นหยวนยิ้มทันที แต่ฉินเพ่ยหรงกลับหน้าตึง เธอมองสองหนุ่มสาวตรงหน้าแล้วเอ่ยเสียงเย็น “ลูกคิดให้ดีนะ แม่ไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้ แล้วพวกลูกยังไม่เชื่อฟังอีก เดี๋ยวแม่จะบอกให้พ่อเป็นคนจัดการเอง อาหยวน แล้วอย่ามาหาว่าแม่ใจร้ายล่ะ”
“คุณแม่ ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยนี่ครับ” ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณแม่หมายความว่าอย่างไร ตอนนี้สีหน้าจิ้นหยวนไม่สู้ดีนัก
เธอครางเสียงฮึ ยังไม่ทันจะได้พูดต่อ เฉียวซือมู่รีบเอ่ยขึ้นใหม่ “หนูยังพูดไม่จบค่ะ ที่หนูอยากจะพูดก็คือ ถึงหนูอยากจะใช้ชีวิตคู่กับจิ้นหยวนแค่สองคน แต่หนูก็รู้ว่าต้องกตัญญูพ่อแม่ เพราะฉะนั้น หนูยินดีย้ายมาอยูที่นี่ค่ะ”
จิ้นหยวนได้ยินแล้วสีหน้าไม่ดีนัก เขาจับมือเธอแน่น “คุณพูดจริงเหรอ? คุณต้องคิดให้ดีๆ นะ ถ้ากลับมาอยู่ที่นี่ คุณจะไม่มีอิสระเหมือนอยู่กันสองคนนะ”
ตอนที่ 381 จะเล่นละครถึงเมื่อไหร่
เฉียวซือมู่ยิ้มบางๆ ให้เขา “สบายใจเถอะค่ะ ฉันคิดดีแล้ว คุณเป็นลูกชาย ก็ต้องอยู่กับคุณพ่อคุณแม่สิคะ จะได้ปรนนิบัติดูแลพวกท่านให้ดีที่สุด”
ฉินเพ่ยหรงฟังแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ “ก็ดี งั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องกลับแล้ว มีของอะไรที่จะเอามาที่นี่ก็สั่งให้คนไปขนมาให้ก็แล้วกัน”
เธอรีบกักตัวพวกเขาเอาไว้ไม่ให้กลับบ้านทันที ราวกับกลัวว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจกะทันหัน
จิ้นหยวนขมวดคิ้ว “ไม่ได้หรอกครับ เราต้องกลับไปเอาของอีก ยังมีของอีกหลายอย่างที่ให้คนอื่นแตะต้องไม่ได้”
“งั้นลูกเป็นคนกลับไปเอา ส่วนเฉียวซือมู่อยู่ที่นี่” เธอเอ่ยเรียบๆ ราวกับคิดแผนรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เขาเหลือบมองเฉียวซือมู่อย่างเป็นห่วง ฉินเพ่ยหรงเห็นเข้าพอดี จึงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ที่นี่ไม่ใช่ถ้ำเสือนะ แม่ไม่กินเธอหรอกน่า รีบไปเถอะ จะได้กลับมาทันกินข้าวด้วย”
อะไรจะรีบผลักไสเขาขนาดนั้น
เฉียวซือมู่ถอนหายใจในใจ รู้สึกว่าอีกเดี๋ยวฉินเพ่ยหรงจะต้องพูดอะไรกับตนแน่ เธอจึงตัดสินใจว่า ไม่ว่าฉินเพ่ยหรงจะพูดอะไรก็ตาม เธอจะต้องอดทน เพราะพวกท่านเป็นพ่อแม่ของเขา เป็นผู้อาวุโส ผู้อ่อนอาวุโสกว่าอย่างเธอจึงควรรับฟังคำตักเตือนของพวกท่าน
จิ้นหยวนถูกคุณแม่เร่งเร้าจนต้องรีบออกจากบ้าน ก่อนกลับเขายังส่งสายตามองเฉียวซือมู่ด้วยความเป็นห่วง เธอส่ายศีรษะเบาๆ เป็นการบอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง
ฉินเพ่ยหรงครางเสียงฮึ เตรียมเล่นงานเธอเสียให้เข็ด เธอเป็นคนดีและรู้กาลเทศะไม่ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้นเธอจะคอยดูว่าเธอจะรู้กาลเทศะมากแค่ไหน
เธอไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงคนนี้จะเก่งกาจจนไล่ไม่ไป
เธอคิดแผนออกทันที เอ่ยกับเฉียวซือมู่ “อาหยวนบอกว่าฝีมือทำอาหารเธอดีใช้ได้ ตอนนี้ในครัวกำลังยุ่งอยู่พอดี เธอไปทำอาหารในครัวสักสองสามอย่างซิ”
คำพูดของฉินเพ่ยหรงไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว เฉียวซือมู่จดทะเบียนสมรสกับจิ้นหยวนแล้ว ถือเป็นลูกสะใภ้ตระกูลจิ้นอย่างถูกต้อง หากเธอเป็นสะใภ้ในครอบครัวคนธรรมดา การทำอาหารคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่นี่เป็นการทำอาหารในตระกูลใหญ่โต และดูเหมือนจะไม่ใช่งานครัวง่ายๆ เสียด้วย คำสั่งของฉินเพ่ยหรงจึงกลายเป็นการหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอ
มีใครเขาไล่สะใภ้ที่เพิ่งเข้าบ้านไปทำงานครัวบ้าง?
ฉินเพ่ยหรงเอ่ยจบแล้วมองเฉียวซือมู่นิ่ง ตั้งท่าคอยดูว่าหน้าเธอจะเปลี่ยนสีเมื่อไหร่ แต่เธอกลับเอ่ยขึ้นสีหน้าราบเรียบ “ค่ะ อาหยวนชอบอาหารที่หนูทำมาก เดี๋ยวหนูจะทำอาหารหลายๆ อย่างให้เขาเลยค่ะ คุณลุงคุณป้าจะได้ชิมฝีมือหนูด้วย”
เอ่ยพลางหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว
จิ้นเฮ่าที่นั่งเงียบมาตลอดเงยหน้าขึ้นมองภรรยาตน “เห็นหรือยัง เขาไม่อินังขังขอบอะไรด้วยเลย คุณยังคิดจะเล่นงานเขาอีก ระวังเอาไว้เถอะ กินของเขาแล้วต้องเกรงใจเขา ดูซิว่าคุณจะทำยังไง?”
เขารู้สึกว่าเฉียวซือมู่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ภรรยากลับไม่ชอบเธอเสียนี่ สำหรับเขาแล้ว ภรรยาย่อมสำคัญกว่าเฉียวซือมู่เป็นธรรมดา
ที่สำคัญ เฉียวซือมู่คบกับจิ้นหยวนนานมากแล้ว แต่เธอก็ยังไม่มีลูกเสียที เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจเขาเสมอ นั่นยิ่งทำให้เขาไม่มีทางเป็นกระบอกเสียงให้เธอ
ฉินเพ่ยหรงนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์ “นั่นเพราะเธอเล่นละครเก่งต่างหาก ดูซิว่าจะเล่นละครถึงเมื่อไหร่” เธอเห็นเฉียวซือมู่ขัดหูขัดตาไปหมด โดยเฉพาะเวลาที่เธออยู่กับลูกชายตน มันเป็นภาพที่บาดสายตาเธอมาก แค่นี้ก็ทำให้เธอชอบเฉียวซือมู่ไม่ลงแล้ว
ทำไมเฉียวซือมู่จะไม่รู้ว่าตนถูกฉินเพ่ยหรงเล่นงานเข้าให้แล้ว ก็แค่ทำอาหาร เรื่องง่ายนิดเดียว ก่อนหน้านี้เธอเคยทำอาหารตั้งหลายครั้ง แถมจิ้นหยวนยังชอบอาหารฝีมือเธอมากเสียด้วย
เธอเข้าไปในห้องครัว พับแขนเสื้อขึ้น เธอทำปลาต้มพริกสไตล์เสฉวน ผัดเมล็ดสนกับข้าวโพด และน้ำซุปอีกอย่าง ตอนแรกแม่ครัวที่ทุกคนเรียกกันว่าซ้อหวังคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อย่างเป็นกังวลว่าเธอจะอวดรู้เพราะรู้ไม่จริง แต่เมื่อได้เห็นฝีไม้ลายมือแล้วถึงได้รู้ว่าตนคิดมากไปเอง