เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 388 ทำไมถึงผอมอย่างนี้ / ตอนที่ 389 ทำไมไม่เข้าไปช่วย?
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 388 ทำไมถึงผอมอย่างนี้ / ตอนที่ 389 ทำไมไม่เข้าไปช่วย?
ตอนที่ 388 ทำไมถึงผอมอย่างนี้
“ไสหัวไปเลยนะ!” ฉินเพ่ยหรงรู้ตัวว่าขืนยังเห็นหน้าเธออยู่อย่างนี้ มีหวังเธอต้องทนไม่ไหวจนต้องลงไม้ลงมือกับเธอแน่ จึงรีบไล่ให้เธอไปไกลๆ
เฉียวซือมู่ไม่มีทางเลือก เธอถอยเท้าไปหลายก้าว จากนั้นโค้งคำนับจากใจ “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…”
ฉินเพ่ยหรงมองเธออย่างอดกลั้น สายตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
จู่ๆ เฉียวซือมู่ก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ รีบก้มหน้างุดเปิดประตูเดินออกจากห้อง
เธอระแวงว่าขืนยังอยู่ต่อ ฉินเพ่ยหรงมีหวังคว้าอะไรสักอย่างเขวี้ยงใส่เธอแน่ เธอจึงรีบหมุนตัวเดินหนีก่อนดีกว่า
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ วันนี้จิ้นหยวนตื่นแต่เช้าตรู่ เธอเองต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยเขาเตรียมตัวออกเดินทาง หลังจากนั้นต้องทำความสะอาดบ้านทั้งเช้า ตอนนี้ร่างกายเธอทั้งปวดทั้งเมื่อยขบ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เธอจึงเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว
ทีนี้ฉินเพ่ยหรงคงเกลียดเธอมากกว่าเดิมเป็นแน่
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ มองเห็นอนาคตในคฤหาสน์ตระกูลจิ้นเต็มไปด้วยความมืดมน
และเป็นไปตามคาด วันเวลาหลังจากนั้น ฉินเพ่ยหรงสั่งให้เธอทำงานบ้านต่างๆ นานา แต่ละวันเธอทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต ไม่มีแม้แต่เวลาพักผ่อน
แม้เธอจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว แต่ก็อดรู้สึกเหนื่อยล้าไม่ได้
แต่นี่ยังไม่ใช้เรื่องที่น่ากลัวที่สุด ร่างกายเหนื่อยล้าเพียงไรก็ตาม แค่ได้นอนหลับพักผ่อน ร่างกายก็สามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการทำร้ายจิตใจต่างหาก ฉินเพ่ยหรงมักจะพูดจากระแนะกระแหนเธอตลอดเวลา บอกว่าเธอไม่คู่ควรกับลูกชายตนบ้างล่ะ ถ้าจิ้นหยวนไม่มีเมตตาช่วยคุณหนูตกยากอย่างเธอเอาไว้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าเธอจะตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน เธอไม่เพียงไม่ซาบซึ้งใจ ยังจะเกาะลูกชายตนอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอายที่สุด และอีกต่างๆ นานา
แน่นอนว่าฉินเพ่ยหรงไม่ได้เป็นคนพูดกับเธอเอง หากแต่พูดผ่านสาวใช้ในบ้าน ทุกครั้งที่เธอทำงานบ้านงกๆ ไม่แตกต่างจากสาวใช้คนหนึ่ง เธอมักจะได้ยินสาวใช้พวกนั้นพูดเรื่องพวกนี้อยู่ใกล้ๆ และยังตั้งใจพูดเสียงดังเพื่อให้เธอได้ยินอีกต่างหาก
แรกๆ ที่เธอได้ยินคำพูดพวกนี้ เธอรู้สึกโกรธมาก และยังพยายามอธิบายความจริงกับพวกเธอ แต่ตอนหลังเธอเพิ่งรู้ว่า ต่อให้เธออธิบายอย่างไรก็ตาม ต่อหน้าสาวใช้พวกนั้นทำเป็นรับปาก แต่ลับหลังยังคงพูดนินทาเธอเหมือนเดิม และนั่นทำให้เธอเหนื่อยหน่ายจนค่อยๆ เลิกสนใจไปเอง
เธอรู้ดีว่าสาวใช้พวกนี้ไม่ได้ใจกล้ามากขนาดนั้น น่าจะเป็นเพราะฉินเพ่ยหรงคอยชักใยอยู่เบื้องหลังเสียมากกว่า แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ฉินเพ่ยหรงเป็นนายหญิงในบ้านหลังนี้ ส่วนเธอนั้น เป็นเพียงแค่ลูกสะใภ้ที่ไม่ได้รับการยอมรับเท่านั้น และตอนนี้เธอตกอับจนแทบจะกลายเป็นสาวใช้ที่ต้องทำงานบ้านงกๆ
เธอคิดๆ แล้วชักจะเริ่มท้อใจขึ้นมาเสียแล้ว
เมื่อสภาพร่างกายและจิตใจถูกกดดันอย่างหนัก เธอจึงผ่ายผอมลงทุกวัน รูปร่างที่ผอมบางอยู่แล้วซูบลงจนแทบตัวปลิว เสื้อผ้าที่เคยใส่พอดีตัว มาบัดนี้ใส่แล้วกลับหลวมโคร่ง
เมื่อจิ้นหยวนกลับถึงบ้านจึงตกใจกับสภาพของเธอเป็นอย่างมาก “มู่มู่ ทำไมคุณถึงผอมอย่างนี้?”
เขาประคองเธอเอาไว้ รู้สึกสงสารเธอจับใจ ขณะเดียวกัน ไฟโทสะเริ่มปะทุขึ้นในใจ “ทำไมคุณถึงผอมมากขนาดนี้? เป็นเพราะคุณแม่…”
“เปล่า… ไม่ใช่นะคะ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ…” เธอยิ้มบางๆ ให้เขา รอยยิ้มดีใจของเธอทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบ
“แล้วคุณ…” เขายังอยากจะถามให้รู้เรื่อง แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคุณแม่ดังขัดจังหวะขึ้นก่อน ยังไม่ทันถึงตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายนำมาก่อน “โถๆๆ ดูซิ จากบ้านไปไม่กี่วัน ทำไมถึงผอมอย่างนี้ล่ะ รีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวแม่ให้เด็กทำของอร่อยบำรุงร่างกายนะลูก”
ตอนที่ 389 ทำไมไม่เข้าไปช่วย?
จิ้นหยวนจับมือเฉียวซือมู่แน่น “ไม่ต้องหรอกครับ คุณแม่ มู่มู่เป็นอะไรไป? ทำไมถึงได้ผอมอย่างนี้ล่ะครับ?”
ฉินเพ่ยหรงเหลือบมองเฉียวซือมู่แวบหนึ่งอย่างไม่ไยดี “แค่ผอมลงนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป เป็นเพราะยังไม่ชินกับการอยู่ที่นี่ล่ะมั้ง ลูกไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอกน่า แล้วดูตัวเองซิ ยังไม่รีบนั่งลงอีก จะยืนอยู่อย่างนั้นทำไม?”
จิ้นหยวนจับมือเฉียวซือมู่ให้นั่งลง ขณะที่เขากำลังจะพูดนั้น เธอค่อยๆ ดึงมือออกจากมือเขา “ฉันไปดูในครัวก่อนนะคะว่าเตรียมไปถึงไหนแล้ว” เอ่ยพลางลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว
จิ้นหยวนมองตามแผ่นหลังเธอด้วยความไม่เข้าใจ รู้สึกว่ากลับมาคราวนี้เธอดูไม่เหมือนเดิม แต่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าไม่เหมือนเดิมตรงไหน…
ฉินเพ่ยหรงไม่สนใจเธออีก ช่วงที่ผ่านมาเฉียวซือมู่ทำได้ดีมากเกินไป จนเธอไม่อยากจะสนใจเฉียวซือมู่อีก เธอรีบถามสารทุกข์สุกดิบลูกชาย จิ้นหยวนตอบเพียงไม่กี่คำถามก็เริ่มกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่
เขาไม่ได้เจอหน้าภรรยาสุดที่รักตั้งนาน กลับมาถึงได้เพียงแค่จับมือแป๊บเดียวเท่านั้นเธอก็หนีไปเสียดื้อๆ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก
หลังจากตอบคำถามคุณแม่อย่างขอไปทีแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ย “ผมหิวแล้ว เดี๋ยวผมไปดูที่ครัวก่อนนะครับ”
เขารีบก้าวยาวๆ ไปยังห้องครัวโดยไม่รอให้คุณแม่ได้ถามต่อ
ฉินเพ่ยหรงเห็นท่าทางเขาแล้วหน้าตึงทันที
นังปีศาจจิ้งจอก ลูกชายเธอเพิ่งกลับมาถึงแท้ๆ ก็ถูกยั่วจนไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว แย่ที่สุด
จิ้นหยวนเดินก้าวเท้ายาวๆ ไปที่ห้องครัว กลับเห็นซ้อหวังกำลังยืนดูภรรยาสุดที่รักของเขาทำกับข้าวเฉยๆ เขาตะลึงนิ่งอึ้ง “เอาแต่ยืนดูอยู่ทำไม ทำไมไม่เข้าไปช่วยเธอ?”
ไม่เห็นหรือว่าเธอกำลังยุ่งมือเป็นระวิงน่ะ?
เฉียวซือมู่ทำกับข้าวพลางต้องคอยสังเกตดูหม้อซุปที่กำลังเดือดปุดๆ ที่อยู่อีกเตาพลาง ขณะเดียวกัน เตาอบเสียงดังติ๊ง แสดงว่าอาหารที่อยู่ในเตาอบสุกแล้ว
ซ้อหวังมองดูสีหน้าไม่พอใจของจิ้นหยวน เธออยากจะเข้าไปช่วยเฉียวซือมู่แต่ก็ทำท่าไม่กล้า ได้แต่ส่งเสียงเตือนเบาๆ “คุณนายคะ ไก่อบได้ที่แล้วค่ะ”
เฉียวซือมู่ยุ่งมือเป็นระวิง ได้ยินเสียงซ้อหวังถึงรู้สึกตัว รีบพยักหน้าให้ซ้อหวังเล็กน้อย “รู้แล้ว”
เอ่ยพลางจะหมุนตัวไปเปิดตู้อบ แต่เพราะเธอรีบร้อนมากเกินไป จึงทำให้เกือบชนหม้อซุปที่กำลังเดือดปุดๆ คว่ำ ซ้อหวังที่เห็นน้ำซุปร้อนๆ กำลังจะลวกใส่ผิวบอบบางของเฉียวซือมู่กรีดร้องด้วยความตกใจ
“ระวัง!” จิ้นหยวนยื่นมือออกไปดึงตัวเธอเอาไว้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด หม้อซุปคว่ำลงกับพื้นจนน้ำซุปสีขาวกระจัดกระจายเต็มพื้น
เฉียวซือมู่อุทานด้วยความเสียดาย รีบสะบัดกายจะออกไปเก็บกวาด แต่กลับถูกเขาจับตัวเอาไว้แน่น “ไม่ต้อง!”
มือหนาใหญ่ของเขาจับตัวเธอแน่น เขาถลึงตามองซ้อหวังตาเขียวปั๊ด “ไปเก็บเดี๋ยวนี้!”
ซ้อหวังลังเลชั่วครู่ จากนั้นคว้าผ้าขี้ริ้วเดินไปข้างหน้า
จิ้นหยวนจับมือเธอขึ้นมาสำรวจดูอย่างละเอียดแล้วเอ่ยหน้าเข้ม “นี่คุณทำเรื่องพวกนี้ทุกวันเลยอย่างนั้นเหรอ? ทำคนเดียวด้วย?”
เธอเม้มริมฝีปากแน่น เขาจ้องเธอตาเขม็งเพราะไม่ได้ดั่งใจ คำรามเสียงเข้มด้วยความโกรธเกรี้ยว “พูด”
เมื่อเห็นว่ามือเล็กๆ ของเธอไม่โดนน้ำซุปร้อนๆ ลวกจึงถอนหายใจโล่งอก จากนั้นไฟโทสะปะทุขึ้นทันที ดูเหมือนว่าช่วงที่เขาไม่อยู่บ้าน เธอจะลำบากมาก ที่เธอผ่ายผอมขนาดนี้ต้องมีสาเหตุแน่
ฮึ คนใช้พวกนี้ใช้ไม่ได้สักคน นึกถึงการกระทำของซ้อหวังแล้วความโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีก
เฉียวซือมู่ถอนหายใจเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ทำอาหารเท่านั้นเอง คุณพ่อคุณแม่บอกว่าฉันทำอาหารอร่อยกว่าน่ะค่ะ”
จิ้นหยวนยิ้มเย็น ในบ้านมีแต่พ่อครัวแม่ครัวมีชื่อระดับนานาชาติ ต่อให้เธอทำอาหารอร่อยมากแค่ไหน ก็คงเทียบพ่อครัวแม่ครัวมืออาชีพไม่ได้หรอก เห็นทีจะเป็นเจตนาร้ายเสียมากกว่า