เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 406 ความในอย่านำออก / ตอนที่ 407 เฉียวซือมู่ที่น่าสงสาร
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 406 ความในอย่านำออก / ตอนที่ 407 เฉียวซือมู่ที่น่าสงสาร
ตอนที่ 406 ความในอย่านำออก
นอร์แมนกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “โอเค รับทราบ”
จิ้นหยวนพยักหน้าเล็กน้อย “สู้ๆ ผมจะรอข่าวดีจากคุณ” เขาคิดๆ แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ขาดเหลืออะไรก็ส่งรายการมาให้ผมก็แล้วกัน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง คุณจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ”
นอร์แมนตื่นเต้นสุดขีด “ได้ เดี๋ยวผมส่งรายการไปให้”
จิ้นหยวนปิดคอมพิวเตอร์ นั่งเงียบอยู่ในความมืด
สุขภาพของคุณพ่อเหมือนก้อนหินหนักอึ้งที่อยูในใจเขาตลอดมา เขาได้รับอิทธิพลจากคุณพ่อแต่เล็กจนโต พูดได้ว่า ความรู้ส่วนใหญ่ที่เขามีในตอนนี้ ล้วนเป็นความรู้ที่คุณพ่อเป็นผู้ถ่ายทอดให้เขาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น สำหรับเขาแล้ว สุขภาพของคุณพ่อจึงเหมือนสุขภาพของเฉียวซือมู่ ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาไม่ต่างกัน ราวก้อนหินหนักอึ้งที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
เขานั่งเหม่ออยู่อย่างนั้นสักพักจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้อง เขาเห็นเธอหลับสนิทไปแล้ว เขาจูบหน้าผากเธอแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณต้องหายเร็วๆ นะ รู้ไหม?”
มุมปากเธอยกยิ้มน้อยๆ ราวกับได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์ตระกูลจิ้น แขกไม่ได้รับเชิญไปเยี่ยมเยียนฉินเพ่ยหรงถึงที่บ้าน
พ่อบ้านเดินนำเจียงจื่อเสียนเข้าไปในบ้าน เห็นฉินเพ่ยหรงที่กำลังนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่บนโซฟาพอดี
ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ รีบเดินเข้าไปหาฉินเพ่ยหรงทันที “สวัสดีค่ะคุณน้า”
ฉินเพ่ยหรงชายตาขึ้นมอง เห็นเจียงจื่อเสียนคนสวยพลันคลี่ยิ้มให้เธอ “มาได้ยังไง? เป็นไงบ้าง ทำงานที่บริษัทของอาหยวนเป็นยังไงบ้าง?”
ก่อนหน้านี้ เจียงจื่อเสียนบอกกับตนว่าจะกลับมาทำงานที่นี่ เธอรู้สึกลำบากใจไม่น้อย เพราะคิดว่าจิ้นหยวนต้องคัดค้านเป็นแน่ ใครจะไปคิดว่าเขาเพียงแค่ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นตกปากรับคำให้เจียงจื่อเสียนทำงานที่บริษัท นั่นทำให้ความหวังในใจเธอลุกโชน
ขึ้นชื่อว่าผู้ชายล้วนเจ้าชู้กันทุกคน ต่อให้จิ้นหยวนชอบเฉียวซือมู่มากแค่ไหนก็ตาม อยู่ข้างนอกเขาเองก็คงมีผู้หญิงอื่นเหมือนกัน จริงไหม?
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เธอเพิ่งรู้ว่าลูกชายตนรักแต่เฉียวซือมู่คนเดียวเท่านั้น โดยไม่คิดสนใจเจียงจื่อเสียนคนสวยเลยแม้แต่นิดเดียว
นอกจากเธอจะพูดไม่ออกแล้ว มันยังทำให้เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก
อีกทั้งหลังจากนั้นยังเกิดเรื่องขึ้นอีกเยอะแยะมากมาย จนเธอเกือบลืมเรื่องของเจียงจื่อเสียนจนสิ้น ตอนนี้เจียงจื่อเสียนมาถึงที่บ้าน เธอจึงรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอนั่งตัวตรง ใบหน้าเปื้อนยิ้มมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีใบหน้าสะสวย รูปร่างงามระหง ท่าทางสง่างาม ดีกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า แต่ไม่รู้ทำไมลูกชายเธอถึงได้ตาต่ำไปชอบผู้หญิงอย่างนั้นได้ มีผู้หญิงสวยมากขนาดนี้อยู่ข้างๆ กลับไม่แตะต้อง
ความจริงหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคราวก่อน เธอเองก็ยอมรับชะตากรรมแล้วเหมือนกัน คิดเพียงว่าลูกชายรักชอบผู้หญิงคนนั้นก็ได้ ขอแค่มีหลานชายให้เธอสักคนก็พอ แต่ความหวังเล็กๆ ของเธอก็ต้องแตกสลาย ต่อมาจิ้นหยวนยังทำให้สามีเธอโกรธจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีก ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาจนสภาพจิตใจเธอย่ำแย่มาก
เจียงจื่อเสียนเห็นสีหน้าเธอแล้วตกใจเล็กน้อย รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณน้ากำลังกลุ้มใจอะไรอยู่หรือเปล่าคะ?”
เพราะฉินเพ่ยหรงกับคุณแม่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอจึงเรียกฉินเพ่ยหรงว่าคุณน้ามาโดยตลอด
ฉินเพ่ยหรงพยักหน้าเล็กน้อยพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เรื่องมันยาวน่ะ”
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องน่าอับอายภายในครอบครัว เธอจะกล้าพูดออกไปได้อย่างไร
เจียงจื่อเสียนเห็นท่าทางเธอแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตอนแรกเธอคิดว่าตระกูลจิ้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ฉินเพ่ยหรงต้องระบายความทุกข์ใจกับเธอทันทีที่มีโอกาสเป็นแน่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะอดกลั้นไม่ยอมพูดมันออกมา
ซึ่งนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นความสำคัญของเธอเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้
ตอนที่ 407 เฉียวซือมู่ที่น่าสงสาร
เจียงจื่อเสียนรู้สึกเศร้านิดๆ รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่ “คุณแม่บอกว่าคุณอาไม่สบาย ตอนนี้ท่านอยู่ไหนคะ? หนูไปเยี่ยมได้หรือเปล่าคะ?”
จิ้นหยวนทำให้จิ้นเฮ่าโกรธจนอาการโรคหัวใจกำเริบ จนต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลครึ่งเดือนกว่าจะกลับบ้านได้ ตอนนี้เขาจึงต้องพักฟื้นอยู่แต่ในห้อง จึงแทบจะไม่ย่างเท้าออกจากห้องเลย
ฉินเพ่ยหรงนึกถึงเรื่องนี้แล้วขมวดหัวคิ้วแน่น “หนูว่าน้าทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้ แก่ก็ต้องห่วง เด็กก็ต้องห่วง เฮ้อ!”
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะระบายความทุกข์ใจออกมาให้หมด
เจียงจื่อเสียนเห็นท่าทางเธอแล้วตาเป็นประกายวาบ “คือว่าอย่างนี้ค่ะ ความจริงที่หนูมาที่นี่ครั้งนี้ เป็นเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณน้า”
ฉินเพ่ยหรงพยักหน้าเล็กน้อย เพราะความรู้สึกผิดต่อเจียงจื่อเสียน ต่อให้เธอกลุ้มใจมากแค่ไหนก็ตาม เธอจึงยังสามารถคุยเป็นเพื่อนเจียงจื่อเสียนได้ เธอคิดว่าเจียงจื่อเสียนคงมีเรื่องกลุ้มใจให้เธอช่วย จึงเอ่ยถาม “ว่ามาสิ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ” ฉินเพ่ยหรงประหลาดใจด้วยความผิดคาด เจียงจื่อเสียนเอ่ยต่อ “ความจริงแล้ว…”
ฉินเพ่ยหรงฟังจนจบแล้วมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย “เรื่องนี้น่ะพอเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ครอบครัวเรายังไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ หนูเองก็เห็นแล้วนี่ หนูไม่คิดว่า…”
เจียงจื่อเสียนรีบเอ่ยแทรกทันที “ไม่หรอกค่ะ หนูไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ ยุคนี้มันยุคไหนแล้ว อีกอย่าง คุณแม่บอกแล้วว่าตอนนี้คุณน้าคงลำบากมาก ให้หนูมาช่วยคุณน้าแบ่งเบาบ้าง”
ฉินเพ่ยหรงตบหลังมือเจียงจื่อเสียนเบาๆ ด้วยความซาบซึ้งใจ เข้าใจข้ออ้างของเธอเป็นอย่างดี ความจริงแล้วเธอเห็นว่าตนว้าเหว่มากจึงมาอยู่เป็นเพื่อนต่างหาก
ทันใดนั้น เธอนึกถึงเฉียวซือมู่ขึ้นมาแล้วรู้สึกเอือมระอามาก ดูสิ เจียงจื่อเสียนดีกว่าเป็นไหนๆ ยังรู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนตน แล้วดูผู้หญิงคนนั้นสิ ปากก็บอกว่าเป็นลูกสะใภ้ จนป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หน้ามาเยี่ยมเธอแม้แต่ครั้งเดียว
ใช้ไม่ได้จริงๆ!
ฉินเพ่ยหรงจับมือเจียงจื่อเสียนอย่างรักใคร่ “ก็ได้ น้ารับปาก หนูมาอยู่ที่นี่แหละ สบายใจได้ น้าไม่ให้ใครมารังแกหนูได้หรอก”
เจียงจื่อเสียนพยักหน้าหงึกๆ พยายามปกปิดความตื่นเต้นสุดฤทธิ์
เธอตกหลุมรักจิ้นหยวนตั้งแต่แรกพบ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลเธอสักครั้ง เธอร้อนใจมาก รีบลาออกจากงานที่ทำ จนมีโอกาสอยู่ข้างกายเขา เดิมทีเธอคิดว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น แต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้าหรือเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเขา เธอจึงคิดว่าโอกาสของเธอมาถึงแล้ว
เจียงจื่อเสียนย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลจิ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธออยู่เป็นเพื่อนฉินเพ่ยหรง คอยพูดเอาอกเอาใจเธอตลอดเวลา จนทำให้ฉินเพ่ยหรงเกิดข้อเปรียบเทียบในใจ และทำให้ไม่ชอบเฉียวซือมู่มากยิ่งขึ้น
หากเฉียวซือมู่รู้ว่าฉินเพ่ยหรงคิดอย่างไรต่อเธอ เธอคงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะจิ้นหยวนจงใจปกปิดทุกอย่างเอาไว้ เธอจึงไม่รู้ว่าจิ้นเฮ่าเข้าโรงพยาบาล ยิ่งไม่รู้ว่าฉินเพ่ยหรงเริ่มใจอ่อนเพราะรู้สึกผิดต่อเธอ และเป็นเพราะเธอไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยียนพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่ชอบเธอขึ้นมาอีก
จิ้นหยวนได้รับรายงานเรื่องเจียงจื่อเสียนจากลูกน้อง เขาเพียงแค่มุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้พูดอะไร
ไหนๆ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้กลับบ้านอยู่แล้ว ต่อให้พวกเขาอยากจะทำอะไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีโอกาส
ชีวิตของเฉียวซือมู่ยังคงถูกห้อมล้อมไปด้วยยาบำรุง เมื่อถึงเวลาอาหาร อาหารบนโต๊ะจึงถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งเป็นอาหารจานโปรดของจิ้นหยวน อีกฝั่งเป็นอาหารบำรุงของเฉียวซือมู่
อาหารของจิ้นหยวนทั้งหน้าตาดี ทั้งหอมทั้งอร่อย อย่าว่าแต่กินเลย แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว ส่วนอาหารของเธอนั้นมีแต่อาหารที่ใช้วิธีผัดง่ายๆ หรือต้ม หรือนึ่ง หน้าตาอาหารจืดชืด รสชาตินั้น… ยากจะอธิบาย