เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 440 สู้ให้ถึงที่สุด / ตอนที่ 441 นั่นใคร?
ตอนที่ 440 สู้ให้ถึงที่สุด
แต่คราวนี้เธอคิดว่าข่าวครั้งนี้เป็นเรื่องจริง
เพราะในรูป เขากับเจียงจื่อเสียนไม่เพียงดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเท่านั้น แม้แต่ภาพเบื้องหลังยังไม่ธรรมดาอีกต่างหาก เพราะนั่นเป็นโรงแรมสำหรับคู่รักที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของที่นั่น จึงมีคู่รักมากมายไปสัมผัสประสบการณ์แสนพิเศษที่นั่น คงไม่ต้องอธิบายแล้วว่าจิ้นหยวนกับเจียงจื่อเสียนที่ไปปรากฎตัวที่นั่นมันหมายความว่าอย่างไร
และยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายอย่างที่บอกเธอว่ารูปถ่ายนั้นเป็นรูปจริง จิ้นหยวนกับเจียงจื่อเสียนไปที่โรงแรมคู่รักจริง สีหน้าท่าทางของทั้งสองดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมากราวกับคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วเธอก็รู้สึกปวดใจจนชักหัวคิ้วชนกันแน่น
สีหน้าเธอดูเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดเจนจนคนขับรถแท็กซี่ใจดีสังเกตเห็น จึงเอ่ยถาม “คุณผู้หญิงไม่สบายหรือเปล่า ต้องการไปโรงพยาบาลไหมครับ?”
เธอเปิดเปลือกตาขึ้น ยิ้มพลางส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่สบายใจนิดหน่อย ขอบคุณนะคะ”
คนขับรถแท็กซี่ไม่พูดอะไรอีก แต่คอยลอบมองเธอผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะๆ อย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
เธอปิดเปลือกตาลงและไม่สนใจเขาอีก
หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทำให้เธอไม่สนใจสายตาของคนอื่นอีกแล้ว
คนขับรถแท็กซี่เห็นท่าทางเธอแล้วไม่พูดอะไรอีก
สักพัก เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอลืมตาพรึบ มองออกไปยังนอกหน้าต่างรถ กลับพบว่ารถแท็กซี่ที่ตนโดยสารมานั้นกำลังวิ่งอยู่บนถนนที่เธอไม่รู้จัก และมีคนเดินถนนน้อยมาก ร้านค้าตามสองข้างทางดูเก่าแก่ทรุดโทรม เหมือนอยู่เขตชานเมืองอย่างไรอย่างนั้น
เธอสูดหายใจลึก นั่งตัวตรง “คุณมาผิดทางแล้ว!”
แม้กระทั่งเวลานี้ เธอก็ยังไม่อยากจะมองคนขับรถแท็กซี่ในแง่ร้าย จึงเตือนเขาว่าเขามาผิดทางแล้ว
สีหน้าคนขับรถแท็กซี่เรียบเฉยไร้ความรู้สึก ได้ยินสิ่งที่เธอบอกแล้วไม่เพียงไม่หยุดรถ แต่ยังเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นจนรถวิ่งทะยานอย่างรวดเร็ว
เธอตกใจสะดุ้งเฮือก แน่ใจแล้วว่าคนขับรถแท็กซี่ตั้งใจขับมาทางนี้
เธอขึ้นรถมิจฉาชีพเข้าให้แล้ว!
ทันใดนั้น ภาพข่าวต่างๆ ปรากฎขึ้นในหัวเธอเต็มไปหมด จนเธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“จอดรถนะ! แกจะพาฉันไปไหน? ฉันบอกให้จอดรถไง!”
เธอพยายามร้องตะโกนบอกคนขับรถแท็กซี่ด้วยความร้อนใจ
เขาหันหน้ามามองเธอพลางเอ่ยเสียงเย็น “หุบปาก!”
น้ำเสียงเขาโหดเ**้ยมจนเธอสะดุ้งโหยง จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความโมโห “ฉันบอกว่าให้จอดรถ ไม่ได้ยินหรือไง? ถ้าไม่จอด ฉันจะแจ้งความนะ!”
ขู่พลางยื่นมือไปหยิบกระเป๋าของตน แต่เธอต้องคว้าอากาศแทน เพราะเธอเพิ่งพบว่าสัมภาระของเธอที่วางอยู่ข้างตัวหายไปหมดแล้ว รวมทั้งโทรศัพท์มือถือด้วย
“แกคิดจะทำอะไร?” เธอตกใจกลัวจนลนลาน พยายามปลดล็อกประตูรถแต่กลับไม่เป็นผล
คนขับรถแท็กซี่มองท่าทางโกรธจัดของเธอด้วยความเฉยชาอยู่เงียบๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างรวดเร็ว
เธอมองไปยังนอกหน้าต่างรถ เห็นวิวทิวทัศน์ข้างทางผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว หัวใจเธอหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เธอจะถูกพาตัวไกลออกไปเรื่อยๆ ถึงตอนนั้น ต่อให้เธอหนีรอดไปได้ แต่เธอก็คงหาทางกลับบ้านไม่ได้ง่ายๆ แน่
เธอกัดฟันแน่น โถมตัวเข้าใส่คนขับรถแท็กซี่ สองแขนยื่นออกไปแย่งพวงมาลัยรถ “จอดรถเดี๋ยวนี้!”
ไม่รู้ว่าเธอไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าแย่งพวงมาลัยรถกับคนขับขณะที่รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงแบบนั้น ทั้งสองยื้อยุดกันชุลมุนจนรถวิ่งคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อยไม่มีผิด
เธอรู้ดีว่าขืนยังยื้อกันอยู่แบบนี้ต้องไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่ แต่ให้นั่งรอความตายเธอเองก็ไม่รู้ว่าจุดจบจะน่ากลัวมากแค่ไหน
หากต้องตายเพราะฝีมือคนอื่น เธอขอสู้ให้ถึงที่สุดสักตั้งดีกว่า!
ตอนที่ 441 นั่นใคร?
“เอี๊ยด…”
คนขับรถแท็กซี่เหยียบเบรกสุดแรง รถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงหยุดกึกกะทันหัน ล้อรถบดกับถนนราดยางมะตอยจนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู
ตัวเธอพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรงจนหน้ามืดตาลายจนต้องปล่อยมือออก เธอกู่ร้องในใจว่าแย่แล้ว แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
“หยุดทำบ้าๆ ได้แล้ว ไม่งั้นฉันเป่าสมองแกกระจุยแน่!”
เธอถูกโยนลงบนเบาะอย่างแรง ขณะที่คิดจะดิ้นรนนั้น พลันเห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องเธอตาเขม็งด้วยสีหน้าน่าสะพรึงกลัว สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเธอเหล่มองไล่ลงไปจนเห็นอาวุธสีดำเมี่ยมในมือเขา
หัวใจเธอเย็นวาบทันที
น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาดังขึ้น “ถ้ายังไม่อยากตายก็ทำตัวให้มันดีๆ ไม่อย่างนั้น เธอได้กลายเป็นศพแน่ เข้าใจหรือยัง?”
เธอเม้มริมฝีปากแน่น กลัวจนแทบเป็นบ้า แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวทำอะไรอีก
เพราะสีหน้าเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นหรือแค่ข่มขู่เธอเท่านั้น แต่เขาเอาจริง
เขาเห็นท่าทีสงบเสงี่ยมของเธอแล้วครางเสียงฮึเย็นๆ หันตัวกลับไปสตาร์ทรถอีกครั้ง
เธอมองดูวิวสองข้างทางนอกรถที่แปลกตาขึ้นเรื่อยๆ แล้วร้อนใจดั่งไฟลน แต่สมองกลับคิดวิธีอะไรไม่ออกสักอย่าง
ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรสักอย่าง แค่โทรศัพท์แจ้งความก็ยังทำไม่ได้
ตอนนี้เธอควรจะทำอย่างไรดี?
รถถูกขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ในที่สุดก็จอดลงยังที่หมาย
คนขับรถเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นเปิดประตูให้เธอ “ลงมา!”
น้ำเสียงทั้งเย็นชาทั้งแข็งกระด้าง กระด้างจนเธอไม่อาจต่อต้าน
เธอตัวแข็งเกร็ง สุดท้ายก็ต้องลงจากรถแต่โดยดี
เมื่อลงจากรถ สภาพแวดล้อมรอบข้างทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ที่นี่น่าจะเป็นเขตชานเมืองร้างผู้คน ต้นไม้สูงใหญ่มากมายมีเถาวัลย์พันเกี่ยวไปทั่ว ราวกับเป็นที่ที่ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก
เธอหันหลังกลับไปมอง เห็นเส้นทางที่เพิ่งผ่านเข้ามาถูกซ่อนอยู่ในดงเถาวัลย์มากมายจนไม่รู้ว่าที่มาที่ไปอยู่ตรงไหน
เธอจำได้ว่าเพิ่งผ่านไปแค่สองถึงสามชั่วโมงเท่านั้น ที่นี่น่าจะอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของจิ้นหยวนไม่ไกลนัก แต่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแถวนี้มีที่แบบนี้ด้วย
คนขับรถแท็กซี่หยิบปืนขึ้นเล็งไปยังเธอ “เดินเข้าไป”
กระบอกโลหะเย็นเฉียบจี้อยู่ที่เอวเธอ จนเธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ตรงหน้าเป็นตึกสไตล์โบราณเก่าๆ หลังหนึ่ง แต่พอเดินเข้าไปข้างในแล้วถึงพบว่าข้างในถูกตกแต่งอย่างหรูหราและมีเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างครบครัน ราวกับว่าสภาพภายนอกถูกตกแต่งให้เก่าทรุดโทรมเพื่อพรางตาเท่านั้น
แต่ข้างในกลับไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว
เธอนึกสงสัย เหตุใดคนพวกนี้จึงพาตัวเธอมาที่นี่? เพื่อกรรโชกทรัพย์อย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คนที่พาเธอมาที่นี่กลับหายตัวไปเสียแล้ว
“ปัง!”
เสียงปิดประตูดังปังใหญ่ทำให้เธอสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และพบว่าประตูถูกล็อกแล้ว
“เฮ้ พวกแกจะทำอะไรน่ะ? ทำไมต้องขังฉันเอาไว้ในนี้ด้วย? ทำไม?” เธอจับมือจับประตูพลางตะโกนร้องถาม
แต่นอกประตูกลับเงียบกริบไร้เสียงตอบรับใดๆ
เธอกระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาต้องจับตัวเธอมาที่นี่ด้วย? เธอไปล่วงเกินใครเข้าอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เธอกำลังพยายามเปิดประตูเพื่อหนีออกจากที่นี่นั้น จู่ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง “ความจริงคุณไม่ต้องกลัวมากขนาดนั้นก็ได้”
เธอตัวแข็งทื่อ หมุนตัวกลับไปมอง พลันเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขายืนนิ่งท่าทางสบายอารมณ์พลางจับจ้องเธอไม่วางตา