เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 442 คุณแต่งงานแล้ว? / ตอนที่ 443 เขาไม่กล้าแตะต้องผมหรอก
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 442 คุณแต่งงานแล้ว? / ตอนที่ 443 เขาไม่กล้าแตะต้องผมหรอก
ตอนที่ 442 คุณแต่งงานแล้ว?
“คุณนั่นเอง!”
เธอจ้องเขาตาเขม็ง เค้นเสียงรอดไรฟัน
“ใช่ ผมเอง นอกจากผมแล้วยังมีใครจริงใจกับคุณแบบนี้อีก ต้องเชิญคุณมาตั้งไกลขนาดนี้?” เขาก้าวเดินอย่างสง่างามไปนั่งลงบนเก้าอี้ รินน้ำชาใส่ถ้วยให้ตนเองด้วยท่วงท่างดงาม จากนั้นผายมือให้เธอ “เชิญครับ”
เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “คุณอีริค ความจริงฉันไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ที่คุณเชิญฉันมาแบบนี้ ดังนั้น ฉันหวังว่าคุณจะยอมให้ฉันกลับได้แล้วนะคะ”
อีริคสวมชุดสูทสุดเนี๊ยบ เผยให้เรียวขาของเขาดูเรียวยาวมากยิ่งขึ้น ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ติดกระดุมจนเม็ดสุดท้ายอย่างเรียบร้อย ทั้งดูลึกลับและสง่างามในเวลาเดียวกัน ใบหน้างดงามจนคนเห็นต้องรู้สึกหวั่นไหว
แต่ในสายตาเฉียวซือมู่ ความงดงามของเขากลับไร้ความหมายสิ้นดี
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ค่อยๆ รินน้ำชาลงถ้วยแล้ววางถ้วยน้ำชาลงตรงข้ามตน จากนั้นชายตาขึ้นมองเธอ “อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมต้องรีบกลับด้วยล่ะครับ? คุณรังเกียจผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาชี้ไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามตนแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “ขอโทษนะครับ ผมไม่ชอบเงยหน้าคุย เพื่อไม่เป็นการทำให้ผมเสียอารมณ์ รบกวนคุณนั่งลงได้ไหมครับ?”
ถ้าเขาอารมณ์ดี เขาอาจจะปล่อยเธอกลับก็ได้
เธอแปลความหมายในคำพูดของเขาเช่นนั้นจึงยอมประนีประนอมด้วย เธอค่อยๆ เดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา
“ต้องแบบนี้สิ” เขาเอ่ยชมจนเธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่มีเหตุผลอื่นใดเป็นพิเศษนอกจากสายตาของเขา เพราะได้นั่งใกล้เขาแบบนี้ ทำให้เธอพบว่าเขาถอดหน้ากากสุภาพบุรุษยามอยู่ที่บริษัททิ้งแล้ว และยามนี้ในสายตาเขามีเพียงคำว่าต้องได้เท่านั้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งเมื่อครู่นี้ เธอไม่เคยเชื่อเลยว่าสามารถอ่านความดีเลวของคนคนหนึ่งผ่านแววตาได้ แต่ตอนนี้เธอเริ่มเชื่อแล้ว
เธอระแวงเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่พบว่ายามเผชิญหน้ากับเขาเธอกลับทำอะไรไม่ได้เลย
เขาจับจ้องใบหน้าเธอพลางเอ่ย “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณกลัวผมมากจริงๆ”
เธอยิ้มฝืดเฝื่อน “เรื่องนี้คงต้องถามคุณแล้วล่ะค่ะว่าทำไมคุณถึงทำให้ฉันกลัวได้มากขนาดนี้”
เขาค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมรับตรงๆ โดยไม่คิดปิดบังอีก คิดๆ แล้วหัวเราะเบาๆ แต่รอยยิ้มของเขากลับไม่สามารถลบเลือนแววตาต้องการครอบครองของเขาแม้แต่นิดเดียว “คุณพูดถูก เป็นความผิดของผมเอง” เอ่ยพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ จากนั้นชายตามองเธอ “คุณคงอยากจะรู้มากสินะว่าทำไมผมถึงพาตัวคุณมาที่นี่?”
แววตาแสดงความต้องการชัดเจนของเขาทำให้เธอต้องขยับกายด้วยความกระสับกระส่าย “ค่ะ เพราะอะไรคะ ฉันจำได้ว่าไม่เคยพบคุณมาก่อน แล้วทำไมคุณถึง…”
เธอไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบ และไม่เชื่อว่าตนจะมีเสน่ห์มากมายจนถึงขั้นทำให้คนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นด้วย
เขาจะต้องมีแผนร้ายอื่นอีกแน่ เช่น ต้องการเล่นงานจิ้นหยวน หรืออะไรอย่างอื่น
แต่เธอก็ต้องผิดหวังกับคำตอบของเขา เพราะอีริคเพียงขยับนิ้วเล็กน้อย จากนั้นรินน้ำชาเติมใส่ถ้วยตนเอง “ถ้าผมบอกว่าผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบล่ะ?”
เธอพยายามฝืนยิ้มอย่างสุดความสามารถ “คุณคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอคะ?”
“แล้วทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ คุณเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเลยนะ” เขาจับจ้องเธอนิ่ง
“กรุณาเรียกฉันว่าคุณนายจิ้นด้วยค่ะ” เธอจ้องตอบ
สีหน้าเขาหมองลงในฉับพลัน “คุณแต่งงานกับจิ้นหยวนแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
น้ำเสียงเขาแฝงรอยโกรธจัด เธอชักรู้สึกเสียใจขึ้นมาตงิดๆ เสียแล้ว แต่เพียงครู่เดียวก็เอ่ยขึ้นใหม่อย่างเฉียบขาด “ใช่ค่ะ เราสองคนจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็รีบส่งฉันกลับดีกว่า ไม่อย่างนั้น จิ้นหยวนไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
ตอนที่ 443 เขาไม่กล้าแตะต้องผมหรอก
เธอไม่เชื่อหรอกว่าอีริคจะไม่กลัวจิ้นหยวน
ดวงตาเขาฉายแววสับสนตามคาด เธอรู้สึกดีใจมาก
แต่เพียงครู่เดียวเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างนั้นเหรอ? ฟังดูเหมือนพวกคุณรักกันมากเลยนะ”
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว คุณเองก็เคยเห็นเองกับตาแล้วไม่ใช่หรือไงคะ?” เธอตอบอย่างภูมิใจ
เธอหมายถึงเรื่องที่เขาพยายามมอมเหล้าเพื่อลักพาตัวเธอแต่ไม่สำเร็จครั้งนั้น
พูดจบแล้วเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันได้ยินว่าคุณถูกจับตัวไปแล้วนี่ แล้วคุณถูกปล่อยตัวออกมาได้ยังไง? หรือว่าคุณหนีออกมา?”
ถามออกไปแล้วก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาอีก ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับจิ้นหยวนเสียก่อน ป่านนี้เธอคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้ว แต่ทั้งสองกลับแง่งอนกันจนไม่ยอมพูดจากัน กระทั่งเขาไปดูงานที่ต่างประเทศ และดูเหมือนเขาจะนอกใจเธอด้วย เธอจึงลืมเรื่องของอีริคไปจนสิ้น ทำให้เธอไม่ทันระวังตัวจนถูกเขาจับตัวเอาไว้ได้อีก
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็…
เธอแอบคิดแบบนั้น แต่ก็ต้องส่ายศีรษะอย่างแรง ไม่ได้ โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้า เอาเวลาที่มัวแต่มานั่งเสียใจไปคิดหาวิธีหนีออกจากที่นี่ดีกว่า
สีหน้าอีริคยังคงแย่มาก “คุณคิดว่าจิ้นหยวนกล้าจับตัวผมเหรอ? คุณคิดว่าเขาเป็นใครถึงกล้าแตะต้องผม?” ท่าทางเขาไม่สะทกสะท้านสักนิดยามเอ่ยถึงจิ้นหยวน “ในสายตาคุณ เขาอาจจะเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ในสายตาผม เขาก็เป็นได้แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น มีเงินนิดๆ หน่อยๆ ก็คิดจะเป็นศัตรูกับผมอย่างนั้นเหรอ? ฮึ ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก”
ประโยคสุดท้ายเผยรอยกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างปิดไม่มิด เธอเห็นสีหน้าเขาแล้วหัวใจกระตุกอย่างแรง หวนคิดถึงน้ำเสียงแปลกๆ ของจิ้นหยวนตอนที่คุยโทรศัพท์กันแล้วเชื่อมโยงกับสีหน้าของเขาในยามนี้ ทำให้เธอพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้คร่าวๆ
“คุณนั่นเอง คุณใช่ไหม?” เธอมองเขาอย่างโกรธจัด
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เขาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“โกหก แล้วทำไมคุณต้องพูดแบบนั้นด้วย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับจิ้นหยวนกันแน่? คุณพูดมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ปัญหาที่เขาเจอเป็นฝีมือคุณใช่ไหม?” เธอตะเบ็งเสียงดังอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“ฝีมือผมเหรอ? เรื่องที่ทำให้เขาขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฝีมือผมสักหน่อย” เห็นสีหน้า แววตา และท่าทางร้อนใจของเธอแล้ว ในที่สุดเขาก็พูดความจริงออกมาจนได้
“คุณ… คุณมันเลวที่สุด!” เธอลุกขึ้นพรวด มองเขาอย่างโกรธแค้น “พวกเราไปทำอะไรให้คุณแค้นเคืองนักหนา ทำไมคุณต้องกัดเราไม่ปล่อยแบบนี้ด้วย?”
หรือจิ้นหยวนจะมีเรื่องบาดหมางกับเขา? แต่เธอไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อนเลยนี่นา
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าจิ้นหยวนทำตัวแปลกๆ เธอรู้จักนิสัยจิ้นหยวนเป็นอย่างดี ต่อให้เขาเปลี่ยนใจจากเธอจริง เขาก็ไม่มีทางทำอะไรออกนอกหน้าแบบนั้น ราวกับไม่กลัวว่าเธอจะจับได้อย่างไรอย่างนั้น แล้วยังจะน้ำเสียงที่คุยกันในโทรศัพท์อีก เห็นได้ชัดว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขาที่ต่างประเทศกันแน่?
ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจจนอยากจะกระชากคอเสื้อคนตรงหน้าแล้วต่อยหนักๆ สักหมัดให้สาแก่ใจเสียเหลือเกิน
อีริคค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ดวงตาฉายแสงระยับ
เขาส่งยิ้มน้อยๆ ให้เธอ ท่าทางงดงามเช่นนั้น ต่อให้เธอกำลังโกรธจัดอยู่ แต่มิวายตกตะลึงนิ่งอึ้ง
พูดตามความจริง ใบหน้าของอีริคนั้นงดงามยิ่งนัก เครื่องหน้าเนียนลอออย่างชาวตะวันตกผสมผสานกับโครงหน้าคมชัดมีมิติอย่างชาวตะวันตก โดยเฉพาะดวงตาคู่คมคู่นั้น นัยน์ตาที่มองเพียงผิวเผินเหมือนสีดำ หากลึกเข้าไป กลับซ่อนสีน้ำเงินน้ำทะเลลึกเอาไว้