เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 464 ตายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยคุณไป / ตอนที่ 465 เธอตายแล้ว
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 464 ตายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยคุณไป / ตอนที่ 465 เธอตายแล้ว
ตอนที่ 464 ตายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยคุณไป
เขาหมุนตัวเดินออกจากห้องทันทีอย่างไม่ลังเล
ตอนนี้ความโกรธเกลียดของเธอพุ่งทะลุปรอท หัวใจกระตุกวูบทันทีที่เห็นเขากำลังจะเดินจากไป
ความรู้สึกที่เธอมีต่อจิ้นหยวนนั้นค่อนข้างสลับซับซ้อน ใจหนึ่งก็เกลียดชังความเฉยชาของเขา อีกใจก็รักความเฉยชาของเขาเหลือเกิน ความรู้สึกที่มันขัดแย้งกันเอง ทำให้ความคิดของเธอสับสนไปหมด
“อย่าไป!” เธอพุ่งตัวเข้าหาเขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
ลูกน้องจิ้นหยวนเห็นว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงผอมบางตัวเล็กๆ เท่านั้น จึงไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก
จิ้นหยวนขมวดคิ้วแน่น เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อย ทำให้เธอคว้าอากาศแทน “เธอจะทำอะไร?”
อย่าบอกนะว่าจนถึงตอนนี้แล้วผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมตัดใจจากเขาอีก?
“คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันคิดถึงคุณตลอด จริงนะ ฉันคิดถึงแต่เรื่องตอนที่เราเพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ ตอนนั้นเราสองคนเข้ากันได้ดีมาก คุณว่าไหม?” ดวงตาเธอฉายแสงแห่งความบ้าคลั่ง
จิ้นหยวนชักสังหรณ์ใจไม่ดี มองเธออย่างเย็นชา “เธอทำให้ฉันผิดหวัง”
พูดตามตรง แม้หร่วนเซียงเซียงจะคอยหาเรื่องเฉียวซือมู่อยู่ตลอดเวลา สวมเขาให้เขาและยังวางแผนยัดเยียดลูกชู้ให้เขาอีก ทำลายความรู้สึกและความหวังสุดท้ายของพ่อแม่เขา จนทำให้เขาต้องแตกหักกับเธอ กระนั้น ต่อให้เขาถูกหยามศักดิ์ศรีอย่างที่ไม่มีชายใดทนรับได้ แต่เขาก็ทำเพียงแค่ส่งตัวเธอกลับบ้านพ่อแม่เท่านั้น โดยไม่ได้แตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายก้อย
อย่าบอกนะว่าเธอยังคิดจะกลับมาคืนดีกับเขาอีก?
เขาแอบคิดในใจ
เขาช่างไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงเอาเสียเลย ผู้หญิงที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สภาพที่สูญเสียความหวังทั้งหมด ทั้งยังเปิดเผยด้านมืดที่น่าเกลียดที่สุดออกมาต่อหน้าคนที่ตนรัก พลังที่ระเบิดออกมาเพราะความท้อแท้สิ้นหวังนั้นมันน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน
หร่วนเซียงเซียงหัวเราะเบาๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้น “คุณคิดจะทำยังไงกับฉัน? ฉันทำเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนั้น คุณคงไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ หรอกใช่ไหมล่ะ?”
จิ้นหยวนมองเธอแวบหนึ่ง “รู้ตัวก็ดี”
เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอ หากแต่หมุนตัวก้าวเท้าเดินจากไปทันที
เขาไม่อยากเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้อีก น่าจะได้เวลามู่มู่ตื่นแล้ว ถ้าเธอตื่นมาแล้วไม่เห็นเขาอยู่ข้างกาย เธออาจจะไม่พอใจก็ได้…
ชั่วขณะนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ลมเย็นพัดผ่านตัวเขา จนเขารู้สึกเจ็บที่หลัง
หัวใจเขาเย็นวาบ รีบเบี่ยงตัวหลบทันที
แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว เขารู้สึกเย็นวาบที่ต้นแขน ตามด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ แขนของเขาถูกเธอกรีดจนเป็นแผล
ใบหน้าเข้มจัดของเขาจับจ้องใบหน้าบ้าคลั่งของหร่วนเซียงเซียงอย่างเย็นเยียบ ในมือเธอถือมีดสั้นเอาไว้เล่มหนึ่ง ใบมีดสะท้อนแสงฉาบสีแดงเข้ม นั่นเป็นเลือดสดๆ ของจิ้นหยวน
เธอแสยะยิ้ม ทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยมีดบาดดูน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น “ไม่ถูกหัวใจคุณหรอกเหรอ น่าผิดหวังจัง”
“เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง” เขาเหล่มองแขนตนเองแวบหนึ่งแล้วไม่สนใจแผลที่แขนอีก จากนั้นหันไปมองเธอ “เธออยากฆ่าฉันเหรอ ยังอีกไกล”
เธอเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
พูดจบแล้วหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแม้แต่วินาทีเดียว
เขาตัดสินใจขังเธอเอาไว้ในนี้และไม่ปล่อยออกไปอีก
มือเขาเพิ่งจะจับประตู พลันได้ยินเสียงเธอตะโกนมาจากทางด้านหลัง “จิ้นหยวน!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความเกลียดชัง “ฉันเกลียดคุณ ต่อให้ตายเป็นผีฉันก็ไม่มีวันปล่อยคุณไปหรอก!”
เขาได้ยินคำพูดฟังดูแปลกๆ ของเธอแล้วชักสังหรณ์ใจไม่ดี จึงรีบหันกลับไปมอง กลับพบว่าหร่วนเซียงเซียงใช้มีดสั้นเล่มนั้นปักอกตนเองจนมิดด้าม
ตอนที่ 465 เธอตายแล้ว
เขาหน้าถอดสีทันที เดินเข้าไปมองเธอนิ่ง “ฉันไม่เคยคิดอยากจะให้เธอตายเลยนะ”
เขามองแวบเดียวก็รู้แล้ว เธอแทงเข้าหัวใจตัวเอง แม้แต่เทพเทวาก็ไม่อาจช่วยชีวิตเธอได้
หร่วนเซียงเซียงมองหน้าเขาพลางหัวเราะเบาๆ “ในที่สุดคุณก็ยอมมองฉันซะที”
จิ้นหยวนหน้าเปลี่ยนสี ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็เอ่ยแทรกขึ้นเสียงแผ่วอย่างไร้เรี่ยวแรง “เห็นแก่ที่ฉันเคยรักคุณมาก คุณช่วยกอดฉันสักครั้งได้ไหม?”
ประโยคท้ายๆ เสียงเธอขาดห้วง แต่ดวงตาทั้งคู่กลับจับจ้องจิ้นหยวนไม่วางตา สายตาที่เต็มไปด้วยความเว้าวอน
จิ้นหยวนยังคงเย็นชาไร้หัวใจจนถึงวินาทีสุดท้าย เขาเงยตัวยืนตรงอย่างเฉยชา “เดี๋ยวฉันสั่งให้คนไปตามหมอมาให้”
พูดจบแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที
ความเคียดแค้นฉายวาบในดวงตาหร่วนเซียงเซียง แต่เธอไร้เรี่ยวแรงพูดอะไรอีก
เธอค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
จู่ๆ ภาพมากมายก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเธอ ภาพคุณพ่อ ภาพคุณแม่ ภาพหวังจื้อที่มีเลือดท่วมตัว รวมทั้งจิ้นหยวนด้วย
เธอคิดถึงเขาพลางทอดถอนใจ ถ้าเธอไม่เคยรู้จักเขา ชีวิตเธอคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม?
น่าเสียดายที่ชีวิตคนเราไม่มีคำว่า “ถ้า”
หลังจากจิ้นหยวนเดินออกไปข้างนอกแล้ว เขาไม่ได้ตามหมออย่างที่บอก เพราะเขารู้ดีว่าถึงตามหมอมาก็เปล่าประโยชน์ เธอคงไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้วจริงๆ ถึงได้ลงมือเ**้ยมขนาดนั้น ใบมีดที่ยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรปักเข้าตำแหน่งหัวใจจนมิด ไม่มีหมอคนไหนสามารถช่วยชีวิตเธอได้หรอก
หลินจื้อเฉิงเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูนานสองนาน จึงเข้าไปถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ พวกพี่คุยอะไรกันเหรอครับ?”
จิ้นหยวนเอ่ยเสียงขรึม “สั่งให้คนเข้าไปจัดการข้างในให้เรียบร้อยแล้วฝังเธอซะ”
“ห๊า? อ่อ ครับ” หลินจื้อเฉิงตกใจสะดุ้งโหยง ก่อนมาที่นี่ หน้าตาเขาไม่เห็นเอาเรื่องอะไรนี่นา คิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอเสียอีก สุดท้ายก็…
จิ้นหยวนมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่า”
“เหรอครับ?” หลินจื้อเฉิงรีบส่งสายตาให้ลูกเข้าไปเก็บกวาดข้างในให้เรียบร้อย
จิ้นหยวนขึ้นไปนั่งในรถ แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับหร่วนเซียงเซียงก็จริง แต่เห็นเธอฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตาแบบนั้น จะบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก
อาฮุยที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถเห็นสีหน้าเขาแย่มาก ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
หลินจื้อเฉิงฟังรายงานจากลูกน้องถึงได้รู้ว่าหร่วนเซียงเซียงฆ่าตัวตายเอง เขาตะลึงนิ่งอึ้งแล้วได้แต่ทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะฆ่าตัวตาย ไม่เคยได้ยินหรือว่าการมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วน่ะ? เธอนี่มันโง่จริงๆ เลย
จิ้นหยวนปรับอารมณ์ให้เป็นปกติกเมื่อใกล้ถึงบ้าน กำชับหลินจื้อเฉิงปิดปากให้สนิท ไม่ใช่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปโดยเด็ดขาด จากนั้นจึงเดินกลับเข้าห้องนอนของตนเอง
ตอนนี้จะปล่อยให้มีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนสุขภาพของเฉียวซือมู่ไม่ได้เด็ดขาด ปล่อยให้เธอคิดว่าหร่วนเซียงเซียงหนีไปแล้วเป็นการดีที่สุด
เขาเดินเข้าไปในห้องแล้วต้องชะงักนิ่งอึ้ง เฉียวซือมู่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอหันหน้ามาคลี่ยิ้มให้เขาพลางหวีผมช้าๆ
เขาเดินเข้าไปหยุดยืนข้างหลังเธอ หยิบหวีมาจากมือเธอ มองใบหน้าซูบผอมในกระจกพลางเอ่ยถาม “ทำไมไม่นอนเยอะๆ”
เธอส่ายศีรษะ “ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย นอนเยอะเกินไปเดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับค่ะ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตั้งครรภ์จึงทำให้ประสาทสัมผัสเธอไวกว่าปกติหรือไม่ เธอนอนหลับไปได้สักพักก็รู้สึกว่าข้างตัวโหวงว่าง ทำให้หลับไม่สนิท สุดท้ายก็ต้องลืมตาตื่น และเห็นว่าเขาไม่อยู่ข้างกายจริง
ความจริงเธอควรจะชินกับการที่เขาไม่อยู่ข้างกายแบบนี้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เธอจึงรู้สึกหวั่นไหวมากผิดปกติ รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวสร้างความไม่สบายใจให้เธออย่างบอกไม่ถูก