เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 490 รูปหมู่ / ตอนที่ 491 นี่เป็นครั้งสุดท้าย
ตอนที่ 490 รูปหมู่
คุณหมอไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าระหว่างทั้งสองสาว หลังอธิบายยืดยาวแล้วจึงกำชับตบท้ายเพิ่มเติม เช่น ตอนนี้คุณนายไม่มีอาการขาดสารอาหาร ทารกในครรภ์เจริญเติบโตได้ดีตามปกติ เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องบำรุงมากเกินจำเป็น เป็นต้น
ฉินเพ่ยหรงฟังคำพูดของคุณหมอแล้วรู้สึกว่าหมอเป็นพวกเดียวกับเฉียวซือมู่อย่างไรอย่างนั้น มิเช่นนั้น หมอคงไม่พูดอะไรที่มันไม่เข้าหูเธอแบบนี้หรอก
สุดท้าย คุณหมอจ่ายยาแก้ร้อนในให้เธอ และกำชับให้เธอระวังเรื่องอาหารการกินให้ดี และงดดื่มยาบำรุงพวกนั้นอีก จากนั้นจึงลากลับพร้อมกระเป๋ายาประจำตัว
สองสาวมองหน้ากันไปมาไม่พูดไม่จา
เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของฉินเพ่ยหรงคนเดียว เป็นเพราะเธอใจร้อนมากเกินไป แต่จากนิสัยใจคอของเธอแล้ว เธอไม่มีวันยอมก้มหัวให้เฉียวซือมู่เด็ดขาด ดังนั้น เฉียวซือมู่จึงรู้ตัวดีว่าไม่มีทางได้รับคำขอโทษจากฉินเพ่ยหรงเป็นแน่ เฉียวซือมู่จึงเป็นคนทำลายความเงียบน่าอึดอัดโดยการลุกขึ้นยืน
ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ครึ่งค่อนวัน ตอนนี้เลือดกำเดาเธอหลุดไหลแล้ว หลังจากคุณหมอตรวจร่างกายและให้ยา ตอนนี้เธอกลับมาเป็นปกติดีแล้ว แต่รอยเลือดที่เปื้อนเสื้อผ้า ทำให้เธอรู้สึกแย่มาก
เธอลุกขึ้นยืน พยักหน้าให้ฉินเพ่ยหรงเล็กน้อย เอ่ยอย่างสุภาพ “หนูขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ฉินเพ่ยหรงสีหน้ายุ่งยากใจ อ้าปากพะงาบๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตอบ “อืม” เบาๆ
เฉียวซือมู่คาดเดาปฏิกิริยาตอบรับของฉินเพ่ยหรงเอาไว้แต่แรกแล้ว รู้ว่าฉินเพ่ยหรงคงไม่มีทางพูดดีกับเธอแน่ จึงไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เธอหมุนตัวเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ ด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นความผิดของฉินเพ่ยหรงก็จริง แต่เธอเองก็มีส่วนผิดเช่นเดียวกัน เธอไม่ควรกินอะไรตามใจฉินเพ่ยหรง คราวนี้ถือว่ายังโชคดีที่แค่ร้อนในเท่านั้น หากกินอะไรผิดสำแดงจนกระทบกระเทือนลูกในท้อง เธอคงได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่
เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ต่อไปไม่ว่าอย่างไร เธอก็จะไม่กินไปเรื่อยอีกเด็ดขาด
เธอเดินกลับไปที่ห้องนอน อาบน้ำเสร็จแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเนื้อนุ่มชุดใหม่ ดูเวลาเห็นว่ายังเช้าอยู่แต่ตอนนี้เธอขี้เกียจเดินลงไปที่ชั้นล่างอีก จึงเดินไปที่ห้องหนังสือแทน เธอเปิดคอมพิวเตอร์แล้วกวาดสายตาดูว่ามีข่าวใหม่ๆ อะไรบ้าง
ทันทีที่เปิดหน้าเว็บไซต์ข่าว รูปครึ่งตัวของสามีสุดที่รักของเธอก็กระเด้งขึ้นมาเต็มหน้าจอทันที หลังจากตะลึงนิ่งอึ้งชั่วครู่ รอยยิ้มค่อยๆ ผุดขึ้นตรงมุมปากเธอ ดูซิว่าสายตาเธอดีมากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฐานะครอบครัว จิ้นหยวนจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ แล้วดูเสี้ยวหน้าด้านข้างนั่นสิ ต่อให้เธอเจอหน้าเขาทุกวัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยามที่เธอเห็นเขาในรูปถ่าย เธอก็ยังไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวได้เลย
เธอชินเสียแล้วกับการที่จิ้นหยวนเป็นข่าวอยู่ตลอดเวลา ใครใช้ให้เขาเป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศล่ะ ไม่เพียงร่ำรวยเท่านั้น เขายังมีหน้าตาที่หล่อเหลายิ่งกว่าดาราชายใดๆ อีกต่างหาก ดังนั้น เขาจึงมักจะกินเนื้อที่ข่าวอยู่บ่อยๆ ซึ่งเธอรู้สึกชินชากับเรื่องแบบนี้นานแล้ว
หลังจากเธอชื่นชมจิ้นหยวนในรูปอย่างหลงใหลจนพอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะกดปิดภาพข่าวนั้น จู่ๆ เธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ารูปถ่ายใบนี้ไม่ใช่รูปเดี่ยวของเขา แต่เป็นรูปหมู่ต่างหาก นอกจากจิ้นหยวนแล้ว ในรูปยังมีคนสวมชุดสูทเรียบร้อย และเธอยังคุ้นหน้าคุ้นตากับบางคนที่อยู่ในรูปด้วย ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะเป็นพนักงานในบริษัทของเขา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่… มีเจียงจื่อเสียนอยู่ในรูปด้วยต่างหากเล่า
เจียงจื่อเสียนที่อยู่ในรูปยิ้มหวาน เธอสวมชุดสูทกระโปรงสั้น และกำลังยิ้มอย่างมีความสุข แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของจิ้นหยวน เฉียวซือมู่เห็นแล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาตงิดๆ
เธอรู้สึกไม่ชอบหน้าเจียงจื่อเสียนคนนี้เป็นอย่างมาก แม้จิ้นหยวนจะรับประกันกับเธอหลายครั้งแล้วว่าเขาและเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานทั่วไปเท่านั้น แต่พอเธอคิดถึงภูมิหลังของเจียงจื่อเสียน คิดถึงเรื่องที่ฉินเพ่ยหรงชอบเจียงจื่อเสียนมากแล้ว มันเหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงใจเธอ จนเธอรู้สึกแย่มาก
ตอนที่ 491 นี่เป็นครั้งสุดท้าย
เธอจ้องรูปนั้นนิ่งอยู่นานสองนานกว่าจะยอมเบือนสายตาไปอ่านเนื้อหาข่าว ในข่าวเขียนคร่าวๆ ว่า บริษัท จิ้นซื่อ กรุ๊ป กำลังจะร่วมทุนกับบริษัทที่ต่างประเทศ รูปถ่ายนี้เป็นรูปถ่ายที่นักข่าวถ่ายได้ที่สนามบิน ส่วนพวกจิ้นหยวนกำลังรอตัวแทนจากต่างประเทศอยู่ที่สนามบิน
เธออ่านเนื้อหาข่าวแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เดาว่าตัวแทนที่กำลังจะมาถึงต้องไม่ธรรมดาแน่ มิเช่นนั้น คนระดับจิ้นหยวนคงไม่ต้องไปรับถึงที่ด้วยตนเองเช่นนี้หรอก
ไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นใครกัน? อย่าบอกนะว่าเป็นพวกผู้นำระดับสูงน่ะ?
เธอรู้สึกขำความคิดบ้าๆ ของตนเอง ได้แต่ส่ายศีรษะให้กับความคิดเพ้อเจ้อของตน
เธอสลัดความคิดนั้นทิ้ง ค่อยๆ จมอยู่กับงานของตนอีกครั้ง
เธอยุ่งอยู่กับงานตรงหน้ากระทั่งค่ำมืด ไม่รู้แม้กระทั่งจิ้นหยวนกลับมาแล้ว
กระทั่งจิ้นหยวนเดินเข้ามาในห้องและหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอ เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวสักนิด เธอตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินคำว่า “เมียจ๋า” ดังขึ้น
เธอตกใจจนกรีดร้องออกมาเบาๆ และเกือบทำแก้วน้ำบนโต๊ะล้มคว่ำ จิ้นหยวนรีบเดินเข้าไปคว้าแก้วน้ำใบนั้นเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเอ่ยขึ้น “ทำไมถึงไม่ระวังตัวแบบนี้?”
เธอหันไปมองเห็นว่าเป็นจิ้นหยวน จึงตบอกตนเองเบาๆ อย่างไม่หายตกใจเสียที จากนั้นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครใช้ให้คุณไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้กันเล่า? เกือบทำฉันตกใจตายแล้วไหมล่ะ”
จิ้นหยวนมองใบหน้าซีดเผือดของเธอ นึกถึงคำรายงานที่เพิ่งได้รับหลังกลับถึงบ้านแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาทันที “ผมผิดเอง ผมขอโทษ”
เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยคำขอโทษง่ายดายเช่นนี้ ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจทันที “วันนี้คุณเป็นอะไรไปคะ? กินยาผิดสำแดงหรือไง?”
เอ่ยพลางยกมือขึ้นจะอังหน้าผากเขา จิ้นหยวนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก รีบจับมือเธอกุมเอาไว้ในฝ่ามือตนแทน “ผมไม่ได้เป็นอะไร พ่อบ้านรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ผมฟังแล้ว…”
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง เธอแอบคิดเงียบๆ สีหน้าเริ่มดูไม่ดี
เขาได้แต่ถอนหายใจในอก ยื่นมือจับบ่าเธอ “เรื่องนี้เป็นเพราะคุณแม่ไม่ดีเอง คุณคงลำบากมากเลยสินะ”
เขาไม่พูดถึงยังพอว่า แต่พอพูดออกมาแล้วเธอก็รู้สึกจมูกตีบตัน ขอบตาร้อนผ่าน ยิ่งคิดถึงรูปถ่ายที่เพิ่งเห็นในข่าวแล้ว เธอยิ่งรู้สึกน้อยใจมาก จนน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
จิ้นหยวนตกใจสะดุ้งเฮือก รีบใช้มือหนาใหญ่ปาดน้ำตาให้เธอทันทีพลางเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณเป็นอะไรไป?”
เธอขึงตามองเขา ยื่นมือจับมือใหญ่ของเขาแล้ววางลงบนหน้าท้องตน “คราวนี้ลูกของเราโชคดีมาก ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะ…”
หัวใจเขาสั่นระริก มองเธอนิ่งด้วยสีหน้าเด็ดขาด “สบายใจเถอะ วันนี้เป็นครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้าย”
“ค่ะ” เธอกุมมือเขาแน่น
แม่ของชายตรงหน้าเป็นคนที่ยุ่งยากมาก แต่เขาเป็นคนที่พึ่งพิงได้ เธอจึงไม่อยากจะซักไซ้ไล่เลียงว่าเขาใช้วิธีอะไร รู้เพียงแค่ว่าเธอควรเชื่อใจเขาสักครั้ง
เขากุมมือเธอพลางเอ่ย “เราไปทานข้าวเย็นกันเถอะ”
“อืม” จู่ๆ เธอก็นึกถึงรูปถ่ายที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ เธอเดินตามเขาลงบันได และถามอย่างอดไม่ได้ “วันนี้คุณไปไหนมาหรือเปล่าคะ?”
เขาชะงักตัวเล็กน้อย “ไม่ได้ไปไหนนี่ ก็อยู่ที่บริษัทนั่นแหละ”
“เหรอคะ? ไม่ได้ไปที่สนามบินเหรอคะ?” เธอกวาดสายตาสำรวจสีหน้าเขา
เขาเข้าใจทันที “พอดีไปรับแขกที่สนามบินน่ะ รับเสร็จก็กลับเลย”
“อืม คงมีคนไปกับคุณหลายคนเลยใช่ไหมคะ? แขกคนนั้นต้องสำคัญมากๆ เลยสินะคะ” เธอเอ่ยราบเรียบ จิ้นหยวนกลับไม่เข้าใจนัยยะที่แฝงอยู่ในคำพูดของเธอเลยสักนิด