เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 528 รีบไสหัวออกไป / ตอนที่ 529 ผมจะรายงานให้
ตอนที่ 528 รีบไสหัวออกไป
สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงยกแก้วชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น “ใช่สิคะ สุขภาพร่างกายฉันมันไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เมื่อคืนก่อนนอนก็ดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ตื่นมามันก็เลยบวมแบบนี้ ขอบคุณในความเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวพอช่วงบ่ายๆก็คงจะดีขึ้นเองแหละค่ะ”
ฉินเพ่ยหรงจ้องเธอเขม็ง แววตาเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
เธอคิดจะโกหกใครกัน? คำพูดของเธอจะหลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่สามารถหลอกเธอได้หรอก ตาของเธอน่ะมันผ่านการร้องไห้มาจนบวมชัดๆ
พอนึกถึงเรื่องที่ได้ยินมา ความคิดที่อยู่ในใจก็เริ่มจะสงบลง สายตาที่มองเธอมันมีความเกลียดชังมากกว่าเดิม “งั้นหรือ? แต่ทำไมฉันคิดว่าเธอร้องไห้จนตามันบวมกันล่ะ?”
ยิ่งเธออยากจะปิดบังเธอก็ยิ่งอยากจะเปิดโปง อยากจะเห็นว่าเธอจะพูดยังไง
จากคู่แม่สามีลูกสะใภ้ที่ยังพอไว้หน้ากันอยู่บ้าง ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นศัตรูที่สู้กันตาต่อตาฟันต่อฟัน
เฉียวซือมู่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวด “คุณมองผิดแล้วล่ะคะ”
ฉินเพ่ยหรงชะงักไป แล้วจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย และเปลี่ยนเรื่องทันที “เธอคงกำลังสงสัยสินะว่าทำไมจู่ๆวันนี้ฉันถึงมา?”
เธอกวาดสายตามองอีกฝ่ายเงียบๆ “ไม่แปลกใจหรอกค่ะ คุณเป็นแม่ของสามีฉัน ประตูที่นี่เปิดต้อนรับคุณเสมอ”
ฉินเพ่ยหรงพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอย่างไรต่อไปดี
เธอยังคงไม่สะทกสะท้าน แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงต่อดีล่ะ?
เฉียวซือมู่ยิ้มอ่อน แล้วยกชาขึ้นจิบอีกครั้ง
หน้าของฉินเพ่ยหรงขึ้นสี มองเธอด้วยความเกลียด “เธออย่าได้ใจไปหน่อยเลย เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอทำอะไรเอาไว้บ้าง?”
“เอ๋ ฉันทำเรื่องอะไรไว้งั้นหรือคะ? คุณลองพูดให้ฟังหน่อยได้ไหม?” เธอวางแก้วชาลง แล้วทำท่าทางแปลกใจ
เธอไม่เชื่อว่าจิ้นหยวนจะปากมากแบบนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเรื่องนี้แต่ยังไงก็ไม่มีทางไปเล่าให้แม่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันฟังแน่ๆ เธอคงไปรู้เรื่องนี้จากช่องทางไหนสักช่องแน่ๆถึงได้ตั้งใจมาเล่นงานเธอแบบนี้
ส่วนแหล่งข่าวของเธอน่ะหรือ? ที่จริงมันก็ง่ายนิดเดียว
เธอแอบลอบถอนหายใจเบาๆ มือยกขึ้นลูบหน้าท้องตัวเอง ทั้งๆที่เด็กก็ยังเล็กอยู่ แต่ทำไปเธอรู้สึกเหมือนว่ามีสิ่งมีชีวิตขยับอยู่เลยนะ
ฉินเพ่ยหรงไม่ทันได้สังเกตเห็นท่าทางของเธอ เพราะสมองมันถูกเจียงจื้อหยวนล้างมาแล้ว ทำให้ไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้กับเฉียวซือมู่อีก ความรู้สึกที่มีอยู่ในตอนนี้ เฉียวซือมู่ก็เป็นแค่ผู้หญิงไร้ยางอายคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ใช้วิธีที่ต่ำช้าในการได้ใจลูกชายเธอไปเท่านั้น เธอยังขโมยข้อมูลความลับของบริษัทไปให้ชายชู้ของตัวเองอีก สกปรกที่สุด
เธอจ้องเธอตรงๆ แล้วยิ้มเยาะขึ้น “เธอยังจะแก้ตัวอีกหรอ? ฉันจะบอกเธอเอาไว้ให้นะ ถ้าฉลาดหน่อยละก็ก็รีบออกไปจากที่นี่เองซะ ฉันยังจะยอมให้หน้าเธอบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้คนเปิดโปงเรื่องของเธอให้หมด ถึงตอนนั้นแล้วเธอจะต้องออกไปจากที่นี่ด้วยชื่อเสียที่เน่าเฟะ แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน”
“งั้นหรือคะ? แต่ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ทำอะไรนะคะ เลยไม่ค่อยแน่ใจความหมายของคุณสักเท่าไหร่ คุณไม่พูดออกมาเลยละคะ? ยังไงฉันก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องของเขา”
ฉินเพ่ยหรงคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะยังทำตัวแข็งใส่แบบนี้ เธอโกรธจนตัวสั่นไปหมด “เธอนี่มันโสเภณีไร้ยางอายจริงๆ หน้าด้าน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอทำอะไรเอาไว้ ฉันบอกเธอเลยนะ ฉันสั่งให้คนไปหาแม่ของเธอที่หน้าด้านเหมือนๆกันแล้ว ถ้ายังพอฉลาดอยู่ก็รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรลงไป!”
เฉียวซือมู่ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นทันที “คุณไปหาแม่ฉันทำไปกัน ท่านไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของฉันเลยสักนิดเดียว!”
“ขอแค่เธอเกี่ยวข้องกับเธอก็พอแล้ว แกร่งนักไม่ใช่เหรอเธอน่ะ? หน้าด้านนักนี่? ถึงขนาดที่ว่ามีผู้ชายอื่นรออยู่ข้างนอกนั่นแล้วก็ยังไม่ยอมไปจากลูกชายของฉันด้วยซ้ำไม่ใช่หรือไง? แล้วดูสิว่าตอนนี้ชีวิตแม่เธอกับเธออะไรมันจะสำคัญกว่ากัน!”
ตอนที่ 529 ผมจะรายงานให้
“ฉันไม่ได้มีผู้ชายคนอื่นแน่นอน ฉันถูกใครบางคนใส่ร้ายต่างหาก!” เธอกำหมัดแน่น กัดฟันพูดแต่ละคำออกไปอย่างชัดเจน
นี่เป็นความจริงที่เธอพูดออกมาจากใจ แต่สิ่งที่ฉินเพ่ยหรงได้ยินมันก็เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น เธอกลั้วหัวเราะ “เฉียวซือมู่ เธอคิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ? ทีแรกที่ฉันได้ยินมาว่าเธอแอบไปทำเรื่องสกปรกกับชายอื่นฉันก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันกลับพบว่าที่แท้เรื่องที่ได้ยินมามันคือความจริงทั้งหมดนี่เอง เธอไม่เพียงแต่แอบไปให้ท่าผู้ชายคนอื่น สวมเขาให้ลูกชายฉัน แต่เธอยังเข้าไปยุ่งกับบริษัท ทำให้เขาล้มเหลวในหน้าที่การงาน เฉียวซือมู่ ตระกูลจิ้นของเราไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างงนั้นหรือ? ทำไมเธอถึงต้องคิดร้ายกับะวกเราแบบนี้?”
คำพูดเหล่านั้นของเธอมันรุนแรงเหลือเกิน ดูท่าว่ามันคงเป็นความในใจของเธอเลยด้วย
เฉียวซือมู่ได้ยินแบบนั้นก็จ้องเธอไม่ลดละเช่นกัน เธอเปล่งเสียงรอดไรฟันออกมา “ฉันบอกไปแล้ว ว่าเรื่องนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำ และฉันก็ไม่ได้ไปมีผู้ชายอะไรนั่นด้วย…”
สำหรับฉินเพ่ยหรงแล้ว การที่เธอพูดแบบนี้มันก็เป็นแค่การเถียงข้างๆคูๆเท่านั้น และมันก็ทำความหวังสุดท้ายที่มีต่อเฉียวซือมู่มันหมดลง เธอพูดตัดบทเธออย่างมีน้ำโห “พอแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาฟังเธอพูดเรื่องพวกนี้แล้ว ฉันขอถามเธอแค่คำเดียว ตกลงเธอจะยอมออกไปจากที่นี่ไหม?”
“ไม่!” เธอจ้องฉินเพ่ยหรงเขม็ง ราวกับว่ากำลังมองศัตรูคู่แค้น
แต่ผู้ดูแลบ้านนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่แรกแล้ว จึงแอบไปโทรศัพท์หาจิ้นหยวนเงียบๆ แต่พอโทรติดกลับพบว่า คนที่รับสายคือเลขาของเขา “ฮัลโหล?”
เมื่อผู้ดูแลบ้านพบว่าไม่ใช่เสียงของเจ้านายจึงถามออกไป “คุณเป็นใครครับ?”
คนๆนั้นชะงักไปเล็กน้อย “ผมคือเลขาของท่านประธาน คุณคือใครหรือครับ?”
ผู้ดูบ้านคิด ถ้าคนๆนี้สามารถแตะมือถือของนายท่านได้ ดูท่าก็คงจะเป็นคนของท่านจริงๆ จึงพูดออกไปตรงๆ “ผมเป็นผู้ดูแลบ้านของท่านครับ ไม่ทราบว่านายท่านอยู่หรือเปล่าครับ?”
“ท่านเข้าประชุมไปแล้วครับ หากคุณมีเรื่องอะไรผมจะเป็นคนรายงานท่านอีกที”
ผู้ดูแลบ้านลังเลไปครู่หนึ่ง และเลือกที่จะพูดความจริงออกไป “คุณช่วยรีบไปบอกท่านทีครับ ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณนายท่านมาไล่นายหญิงให้ออกจากบ้านไป ถ้าท่านประธานของพวกคุณออกมาเมื่อไหร่ให้รีบบอกท่านทันที บอกให้ท่านรีบมาเลยนะครับ”
ชายปลายสายดูเหมือนว่าจะเป็นมืออาชีพไม่น้อย ดูนิ่งและใจเย็น ทำให้ผู้ดูแลบ้านวางใจไปได้เปราะหนึ่ง “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะบอกท่านให้”
หลังจากผู้ดูบ้านวางสายไปก็หันไปมองอีกทางอย่างโล่งอก เขาถอนหายใจออกมา ในใจมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่พูดไม่ออก
แต่ในบริษัทจิ้นซื่อตอนนี้ วังชิงวางมือถือของจิ้นหยวนลงแล้วยืนคิด จากนั้นก็กดๆลงบนหน้าจอ ทำอะไรบางอย่างกับมัน พอจัดการเสร็จก็พลันได้ยินเสียงคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง “หัวหน้ากำลังทำอะไรอยู่หรือครับ?”
ร่างทั้งร่างของเขาสะดุ้งขึ้นเบาๆจนแทบมองไม่ออก ก่อนจะหันกลับทำเหมือนว่าไม่มีอะไร “ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่ามือถือของท่านประธานมันชาร์จแบตใกล้เต็มแล้ว เลยคิดว่าจะเอาไปให้ท่านดีไหม”
เด็กหนุ่มเกาศีรษะ “ไม่ต้องแล้วมั้งครับ ท่านออกมาแล้วนี่” พูดจบก็ชี้ไปทางด้านหลัง
และวังชิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นที่คุ้นเคยของจิ้นหยวน
ทำไมวันนี้เขาถึงได้กลับมาเร็วนักล่ะ?
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบวางเอกสารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะทำงานของจิ้นหยวน
จิ้นหยวนที่พอเดินเข้ามาในห้องก็มองไปที่มือถือเป็นอย่างแรก จากนั้นก็หยิบมันขึ้นมา ขมวดคิ้วถาม “คุณแตะมือถือของผมหรือ?”
วังชิงลนขึ้นมา และพยายามตอบออกไปนิ่งๆ “ครับ ผมเห็นว่าแบตมันใกล้จะเต็มแล้ว เลยกะจะเอาไปให้ท่าน”