เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 582 คุณเป็นอะไรกันแน่ / ตอนที่ 583 ถ้าอยากกลับก็กลับเถอะ
- Home
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 582 คุณเป็นอะไรกันแน่ / ตอนที่ 583 ถ้าอยากกลับก็กลับเถอะ
ตอนที่ 582 คุณเป็นอะไรกันแน่
พอเธอเห็นว่าเขาไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที เธอก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา จริงๆ แล้วตอนนี้อารมณ์ของเธอก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะพยายามดึงสติตัวเองเพื่อที่จะคุยกับเขา แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรกลับมาซักอย่าง ความอดทนที่มีจึงหายไปเช่นกัน
เธอเองก็ไม่พูดอะไรแล้วเหมือนกัน และเลือกที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู
โดยปกติแล้วแม่ของเธอจะคุยกับเธอทุกวันโดยการใช้วีแชท วันนี้ก็เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเธอจะอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกับแม่แค่ไม่กี่ประโยคก็จะอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
พอฉีหย่วนเหิงเห็นท่าทีที่ไม่สนใจของเธอแบบนั้นแล้ว จู่ๆ ในใจมันก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เขาอยากจะคว้าไหล่เธอไว้แรงๆ แล้วถามเธอว่าสรุปแล้วเธอมีใจให้เขาบ้างไหม ทำไมถึงได้เอาแต่เมินเฉยต่อความรู้สึกของเขาแบบนี้ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หมอได้พูดกับเขาเมื่อกี้นี้แล้ว ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอคงยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าหากว่าได้รับการกระทบกระเทือนมากไปกว่านี้ร่างกายของเธออาจจะรับไม่ไหวเอาได้ ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้ว แต่ถ้าหากทำอย่างนั้นบางทีแม้แต่ตัวแม่เองก็อาจจะอันตรายไปด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และถึงในใจมันก็กำลังรู้สึกโกรธก็ไม่สามารถที่จะระบายออกมาได้
หลังจากที่คิดทบทวนแล้ว เขาก็ค่อยๆ กดความทุกข์ใจในใจของตัวเองเอาไว้ แล้วถามเธอออกไป “คุณเพิ่งตื่นมีอะไรที่คุณอยากจะทานหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมจะให้คนไปเตรียมให้”
เธอส่ายหน้า “ฉันไม่อยากทานอะไรเลยค่ะ”
เวลาที่อารมณ์ไม่ดีทีไรเธอก็ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น
และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หมอบอกว่าเธอได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ที่จริงแล้วพวกป้าหลี่เองก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรกับเธอนัก อย่างมากก็แค่มองข้ามเธอไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ของที่เตรียมเอาไว้ให้กินตามปกติแล้วก็มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น แต่แค่เป็นเธอเองที่ไม่ยอมกินมัน
ดังนั้นเรื่องนี้ป้าหลี่ก็ไม่ได้มีความผิดอะไรมากมายแต่ก็ต้องพาลถูกโกรธไปด้วย
เธอไม่ได้รู้ถึงเรื่องนี้เลย อีกทั้งยังยืนยันอีกว่าไม่อยากกินอะไร
ฉีหย่วนเหิงขมวดคิ้วมองเธอ “ไม่ได้ครับ หมอบอกว่าร่างกายของคุณไม่ค่อยแข็งแรง จะไม่ทานอะไรไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่ว่าฉันไม่อยากทานนี่คะ”
“คุณต้องคิดถึงลูกบ้างนะ” ฉีหย่วนเหิงพยายามอดทนและพูดตักเตือนออกไป
ถึงแม้ว่าจะเริ่มรู้สึกเบื่อ แต่พอฉีหย่วนเหิงยกเรื่องลูกขึ้นมา เธอก็ยังพอที่จะยอมฟังบ้าง แล้วค่อยๆ เริ่มกินอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร
ฉีหย่วนเหิงเองก็เอาแต่นั่งจ้องเธออยู่ในห้องจนกว่าเธอจะกินหมดถึงค่อยออกไป แต่สิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือ หลังจากที่คนรับใช้มาเก็บจานชามไปแล้ว เธอก็รีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะอาเจียนทุกสิ่งทุกอย่างที่กินลงไปออกมาให้หมด ไม่เหลือแม้แต่อย่างเดียว
ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองมันเป็นอะไรกันแน่ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วเธอไม่อยากจะหิวตายด้วยซ้ำ แต่ว่าในตอนนี้ไม่ว่ามองยังไง ก็ดูเหมือนว่าร่างกายก็มีความรู้สึกของมันเองด้วยเหมือนกันสินะ
ถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วละก็ งั้นเธอก็จะปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน
แต่ทว่าหลังจากที่ผ่านการพยายามมาหลายวัน ฉีหย่วนเหิงก็ต้องตกใจและรู้ว่า ทั้งๆ ที่เฉียวซือมู่ก็ได้รับการบำรุงรักษามาตั้งหลายวันแล้ว ทว่าไม่เพียงแต่จะไม่กลับมาเหมือนเดิมด้วยซ้ำ แต่ยังดูซีดเซียวกว่าเก่าอีก ใบหน้าของเธอซูบผอมราวกับว่าไม่ได้กินอะไรมาแล้วหลายวันอย่างไรอย่างนั้น แต่เป็นตัวเขาเองที่มีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเธอหลายเท่าตัว
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
และดูเหมือนว่าจิตใจของเธอมันจะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เช่นกัน ตอนแรกเธอก็ยังสามารถลุกจากเตียงลงมาเดินได้บ้าง แต่พอระยะหลังมาเธอก็เอาแต่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงไม่ยอมลุก
สภาพร่างกายของเธออ่อนแอจนเขยับตัวไม่ได้แล้ว
ฉีหย่วนเหิงรู้สึกช็อคและตกใจสุดๆ ต้องให้หมอมาให้น้ำเกลือเธอทุกวัน แต่หมอก็บอกกับเขาว่า การหยอดสารอาหารคือทางเลือกสุดท้าย และการทำแบบนั้นก็เป็นแค่การยื้อชีวิตของเธอไว้ แต่ไม่ได้ทำให้ร่างกายของเธอกลับมาดีเหมือนเดิม
เขารู้สึกร้อนรนไปหมดจึงถามเธอออกไป “คุณเป็นอะไรกับแน่ คุณบอกผมได้ไหม”
นางเอกส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาเอาแต่ต้องมองไปที่นอกหน้าต่างนั่น
ท้องฟ้าข้างนอกดูสดใสดีจัง อยากจะออกไปดูจังเลย
ไม่รู้ว่าถ้าหากตายไปแล้วจะยังสามารถเห็นมันได้อีกไหม
ตอนที่ 583 ถ้าอยากกลับก็กลับเถอะ
เธอเริ่มที่จะเหม่อลอย ไม่ว่าฉีหย่วนเหิงกำลังพูดอะไรอยู่ก็ไม่ได้ยิน จนกระทั่งสุดท้ายเธอสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำที่มันหยดลงมาบนใบหน้าของเธอเรื่อยๆ ถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง
เธอใช้สายตาที่เริ่มจะพร่าเลือนหันไปมองเขา มองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังหลั่งน้ำตาอย่างตกใจ
“คุณทำอะไร ทำไมถึงร้องไห้ละคะ” เธอพยายามที่จะแปลงเสียงออกมา สำหรับเธอแล้วเสียงที่เธอได้ยินมันก็เป็นเสียงปกติ ทั้งๆ ที่ความจริงมันเบาเสียจนเหมือนเสียงร้องของยุงเท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าฉีหย่วนเหิงไม่ได้รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหลอยู่ และกลับเอาแต่จ้องมองไปที่เธอ
จากนั้นเขาก็พูดออกไปหนึ่งประโยค “จะต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมมีชีวิตอยู่ต่อ”
เธอเบิกตากว้าง คิดคิดอะไรนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้า พอกำลังจะพูดอะไรออกไป ก็ถูกเขาห้ามเอาไว้ “ค่อยๆ คิดไปก่อนก็ได้ครับ ผมรู้ว่าคุณแค่อยากจะตอบผมไปส่งๆ เท่านั้นเอง แต่ว่าครั้งนี้ได้โปรดขอให้คุณตั้งใจดูสักหน่อยนะครับ”
เขาจ้องมองเธอเงียบๆ ก่อนจะพูดออกไป “เพราะว่าผมจะไม่มีทางมานั่งมองคุณตายต่อหน้าผมแบบนี้ เพราะมันจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของผมไปตลอดชีวิตแน่ๆ ”
เธอจ้องมองไปที่เขาอยู่นาน อยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ทำเพียงแค่หันหน้ากลับไปอย่าเงียบๆ
เพราะเธอไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรออกไป
พูดอะไรได้ล่ะ
จะให้บอกมันหรอว่าที่จริงเป็นเพราะเสียจิ้นหยวนไปจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เธอรู้ว่าตัวเองมันเหลวไหลและไร้สาระสิ้นดี แต่ว่ามันก็คือเรื่องจริง เพราะเธอแทบจะไม่เหลือความหวังที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
ฉีหย่วนเหิงจ้องมองเธอ แล้วจู่จู่ก็พูดขึ้นมา “คุณรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างนั้นคุณก็รักษาร่างกายของตัวเองก่อน ส่วนเรื่องอื่นผมจะเป็นคนช่วยคุณทำให้สำเร็จเอง”
เธอได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองเขาอย่างตกใจ “คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
เขามองไปที่เธอ ในตอนนี้เขาเริ่มสงบกว่าเมื่อครู่ขึ้นมามาก “แน่นอนครับ ผมรู้ว่าคุณยังตัดใจจากจิ้นหยวนไม่ได้ ดังนั้น ผมจะปล่อยให้คุณกลับไป จะยินยอม ให้เขามาช่วยคุณ”
“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไปคิดถึงเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คุณใส่ร้ายฉันแล้วนะ” เธอรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที พยายามที่จะลุกขึ้นมาเพื่อให้เขาเห็นว่าตัวเองสบายดี
ฉีหย่วนเหิงหยุดเธอเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย “ไม่ต้องเถียงแล้วครับ ความคิดของคุณอาจจะหลอกคนอื่นได้แต่หลอกผมไม่ได้หรอก” พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วพูดต่อ “คุณทำได้แค่ต้องบำรุงรักษาร่างกายของตัวเองให้ดี ถ้าอยากกลับไปก็กลับไปเถอะครับ ที่จริงแล้วเขาเองก็ดีกับคุณไม่น้อย”
เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ทำได้แค่ยับยั้งเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินออกมา
มาถึงตอนนี้เธอก็เพิ่งจะรู้สึกขึ้นมาได้ ว่าในห้องที่เคยมีคนอยู่นั้นได้ออกกันไปหมดแล้วโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวเลย ตอนนี้มีเพียงแค่เธอที่นอนโดดเดี่ยวอยู่บนเตียง
เธอมองหลังมือของตัวเองที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่ด้วยความนิ่งอึ้ง
นี่มันเพราะอะไรกัน ทำไมฉีหย่วนเหิงถึงได้พูดออกมาแบบนั้น
หรือว่าไม่ว่าเธอจะคิดอะไรเขาก็รู้อย่างนั้นหรือ
เขาไม่ได้กำลังคบหากับถังจิ้งเหวินอย่างนั้นหรือ
ความสงสัยมันวิ่งเข้ามาในหัวของเธอ ไม่ว่าเธอจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก
แต่ทว่าคำพูดของเขามันกลายเป็นเหมือนยาชั้นดี เพราะจู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นมา
ใช่แล้ว เธอยังคงคิดถึงจิ้นหยวนอยู่ แต่ว่าในคำพูดของเขานั้นมันยังมีอะไรอีก
หรือว่าที่จิ้นหยวนหาเธอไม่เจอมันเป็นเพราะเขาอย่างนั้นหรือ
หลังจากนั้นอีกหลายวัน ฉีหย่วนเหิงก็คอยมาอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด มองดูเธอที่พยายามทานอาหารเข้าไป และอยู่กับเธอตอนที่หมอเข้ามาตรวจร่างกาย พอได้ยินหมอพูดว่าร่างกายของเธอมันเริ่มดีขึ้นแล้ว จึงพูดกับเธอว่า “ผมเลิกกับถังจิ้งเหวินไปแล้ว ไม่สิ น่าจะต้องบอกเรื่องของพวกเรามันไม่เคยเกิดขึ้นเลยต่างหาก”
“คุณหมายความอะไร” เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นอย่างเศร้าๆ “คุณนี่ไม่เคยสนใจผมเลยจริงๆ สินะ คุณไม่รู้เลยเหรอว่าเวลาที่ผมอยู่กับเธอ สายตาของผมมันยังมองไปที่คุณอยู่ตลอด”
เธอชะงักไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหน้าขึ้นสี “คุณ…”