ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 209
ตอนที่ 209 แทบจะเหมือนสมบัติที่มีชีวิต
คำพูดของนางก็มีเหตุผล จากมุมมองของเว่ยหมิ่น เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าเฉินยางเลย ไทเฮาอาจจะเพียงถูกบังตาเท่านั้น มองไม่เห็นความดีของสะใภ้คนนี้ ท่านพ่อของนางช่างเป็นครูที่ดีเสียจริง เลี้ยงลูกสาวคนเดียวก็ยังสามารถสอนได้เช่นนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถอย่างยากจะได้พบนัก ในใจก็รู้สึกเคารพเว่ยฟูจื่อขึ้นมาทันที นางหันหน้ามองแดดที่กำลังแผดเผาอยู่บนหัว อากาศเช่นนี้ออกไปฝึกยืนระเบียบไม่ตายเลยหรือ จู่ๆ นางก็เกิดนึกสนุกขึ้นมา แล้วเสนอเฉินยางว่า “วันนี้อากาศร้อน ข้าจะไปพูดกับไทเฮา พวกเราออกจากวังไปเล่นได้หรือไม่”
เฉินยางตอนแรกดีใจ จากนั้นก็ก้มหน้าด้วยความเศร้าพูดว่า “ไม่ได้ ไทเฮาให้หงอวี้กูกูสอนระเบียบข้า เป็นเรื่องที่ไม่อาจขาดได้แม้เพียงวันเดียว ท่านไปบอกไทเฮา ไทเฮาจะต้องคิดว่าเป็นข้าที่ยุยงท่าน กลับมาข้าก็จะถูกลงโทษอีก ท่านหญิงท่านก็สงสารร่างกายเปราะบางของข้าเถิด รอให้ข้าเรียนระเบียบเสร็จแล้วค่อยไปแล้วกัน”
เว่ยหมิ่นหัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “ข้าเป็นใคร ข้าเป็นท่านหญิง ไทเฮาก็มีหลานสาวข้าเพียงคนเดียว ข้าขอร้องนาง จะมีเหตุผลอะไรที่นางไม่ตอบรับ เจ้าวางใจเสียเถิด”
แม้เว่ยหมิ่นจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่หากมีใจคิดจะเที่ยวขึ้นมาก็ยังคงเหมือนเด็กอยู่เช่นนั้น บอกจะไปเที่ยวก็ไปเที่ยว ไม่รอช้าเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่อยู่กินข้าวที่ไทเฮานี้แล้ว นางหาข้ออ้างแล้วยืมตัวเฉินยางออกไป ทั้งสองคนคุยกันไปเล่นกันไป นั่งอยู่ในรถม้าออกจากวังไปพร้อมกัน
ทางฝั่งนี้ เว่ยหมิ่นเพิ่งพาเฉินยางออกจากวัง สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ตัวนางก็คาบข่าวไปให้พั่งไห่แล้ว นี่เป็นสาวใช้ที่ครั้งที่แล้วฮ่องเต้ให้ไทเฮาเลือกให้นาง มีด้วยกันสองคน ล้วนเป็นสายตาของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อยู่ในวังมานาน หากอยากรู้เรื่องใต้ฟ้า สายตาย่อมขาดไม่ได้ เพียงสายตาที่ฮ่องเต้ส่งออกไปด้วยพระองค์เองไม่ถึงหนึ่งพันก็ต้องมีแปดร้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าขุนนางที่อยู่ใต้ฮ่องเต้นั่นแล้ว ตอนนี้เว่ยหมิ่นไม่อยู่ในสายตาที่พระองค์จะเห็นได้ ก็ยิ่งต้องส่งคนไปเฝ้าไว้ นางและเฝิงเยี่ยไป๋ต้องแอบไปมาหาสู่กันอยู่ไม่น้อย หากจับผิดนางได้ เอาไปโยนใส่เฝิงเยี่ยไป๋ก็ได้เช่นกัน
เฉินยางและเว่ยหมิ่นถือว่าคุยกันได้ถูกคอนัก พอเกิดความคิดจะเที่ยวขึ้นมาก็ล้วนเป็นเด็ก ของที่ชอบของเด็กผู้หญิงก็ไม่ต่างกันนัก ชอบเสื้อผ้าเครื่องประดับ เวลาอยู่ด้วยกันก็คุยสัพเพเหระ ให้พวกนางสองคนอยู่ด้วยกันไม่กี่ชั่วยาม ก็ดีกันอย่างกับอะไรดี
ตอนแรกที่เว่ยหมิ่นไปวันนี้คือคิดจะกล่อมไทเฮาให้ปล่อยเฉินยางออกมา เพียงแต่พอได้คุยกับเฉินยางตลอดทางนี้ ตัวเองกลับถูกนางสนุกเสียเอง เจ้าเด็กนี่ดีจริงๆ เฝิงเยี่ยไป๋ได้นางไปก็เหมือนดั่งได้สมบัติไปเช่นนั้น เมื่อก่อนโง่อยู่ก็ทำให้คนรัก ตอนนี้หายดีแล้ว ทั้งตัวเต็มไปด้วยความฉลาดและน่าสนุกเสียจริง แทบจะเหมือนสมบัติที่มีชีวิตเลย
เพียงแค่พวกนางสองคนเล่นอยู่ด้วยกันช่างน่าเบื่อหน่ายนัก เว่ยหมิ่นกลับไปเรียกเหลียงอู๋เย่ว์ เพราะไม่กี่ชั่วยามก่อนทั้งสองคนก็มีเรื่องน่าอายเช่นเรื่อง ‘จูบ’ นั่น ตอนนี้เจอกันแล้วก็ไม่สบายใจนัก เว่ยหมิ่นหน้าแดง เหลียงอู๋เย่ว์ก็เก็บตัว เฉินยางอยู่ตรงกลางก็ยิ่งลำบาก พูดกับคนนี้คนนี้ก็เขินอายไม่ยอมตอบ พูดกับคนนั้นคนนั้นก็ตอบอ้ำอึ้งพูดไม่ชัด ได้ ปิดปากเสีย รอให้รถม้ามาถึงหน้าประตูจวนท่านอ๋อง เฉินยางถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลง ผู้ดูแลเห็นเฉินยางกลับมาแล้ว ก็ทักทายว่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ จากนั้นก็เงยหน้าเห็นทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลัง ก็ทักทายไปทีละคน ถึงได้ไปเชิญเฝิงเยี่ยไป๋ ระหว่างทางก็คิดไปพลางแล้วเรียกสาวใช้ส่งข่าว ถึงได้ไปที่ห้องหนังสือเชิญเฝิงเยี่ยไป๋ออกไป
——