ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 217
ตอนที่ 217 สาวงามมักมาพร้อมกับความโชคร้าย หญิงสาวยิ้มก่อนจะยืนขึ้นในน้ำเดินไปหาเว่ยหมิน “ท่านหญิงสายตาเฉียบคมนัก ข้าคือน่าอวี้ เป็นเพราะร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ดังนั้นข้าจึงใช้ชีวิตอยู่แต่ในจวนไม่เคยออกไปไหน วันนี้ได้ยินว่าสระร้อยบุปผาของอวี้เฉวียนซานจวงมีฤทธิ์บำรุงร่างกาย ดังนั้นข้าจึงลองมาดู” แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ยินว่ามีหญิงสาวจากตระกูลขุนนางนางคนใดที่งดงามทั้งใบหน้าและกิริยาทเช่นนี้ เว่ยหมิ่นจึงอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “เจ้าเป็นบุตรีของขุนนางท่านใดหรือ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” น่าอวี้ตอบ “ท่านพ่อข้าเป็นเสนาบดีกรมทหารเจี่ยงเหว่ย เพียงแต่เพราะข้าร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เลยไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็น ดังนั้นคนภายนอกจึงรู้ว่ามีพี่ชาย แต่ไม่รู้ว่ามีข้า” เว่ยหมิ่นคิดในใจ เหตุใดหญิงสาวแต่ละคนจากตระกูลใหญ่ล้วนแต่มีร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ร่างกายอ่อนแอมันร้ายแรงมากหรือ หรือจะเป็นจริงตามคำกล่าวที่ว่าสาวงามมักเกิดมาพร้อมกับความโชคร้าย แต่ว่าคิดๆ ดูแล้วท่านเสนาบดีเจี่ยงเหว่ยก็น่าสงสาร ลูกชายเพียงคนเดียวในตระกูลก็ต้องโทษประหารเพราะยักยอก ตัวเขาเองก็เกือบโดนไล่ออก เหลือเพียงลูกสาวคนเดียว ถึงแม้จะสวยกว่าหญิงงามคนใดในเมือง แต่ดูแล้วโรคที่เป็นมานานก็ยากจะรักษาหาย เรื่องที่ยิ่งคาดไม่ถึงก็คือเสนาบดีเจี่ยงเหว่ยผู้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา จะมีบุตรสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้คนฟังต้องประหลาดใจ จนต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี เฉินยางพูดไม่ทันพวกนาง จึงยืนฟังอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ทว่าน่าอวี้กลับสังเกตถึงนาง จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเฉกเช่นหญิงสาวที่ได้รับการอบรมมารยาทมาอย่างครบถ้วน แล้วเอ่ยด้วยเสียงอันไพเราะดั่งสายน้ำ กระนั้นสายตาที่มองเฉินยางนั้นดูไม่ค่อยแน่ใจ “ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้คือ…” เว่ยหมิ่นตอบแทนนางว่า “ท่านนี้คือภรรยาหลวงของกู้หลุนอ๋อง พระชายาแห่งจวนกู้หลุนอ๋อง” ข้าราชบริพารทั่วทั้งราชสำนักไม่มีผู้ใดรู้ถึงเจตนาแท้จริงของฮ่องเต้ที่มีพระราชโองการมอบบรรดาศักดิ์กู้หลุนอ๋องให้แก่เฝิงเยี่ยไป๋ ซึ่งแท้จริงแล้วตำแหน่งอ๋องของเขานี้มีเพียงแต่ชื่อ แต่ไม่สามารถใช้ทำอะไรได้ ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนที่ชอบเขา อีกทั้งขุนนางเหล่านั้นยังไม่มีโอกาสได้พบเฝิงเยี่ยไป๋ หากมีโอกาสพบกันจะต้องมีคำพูดดูถูกเหยียดหยามทำให้อับอายไม่น้อยเป็นแน่ คนพวกนั้นทำเหมือนชอบช่วยเหลือผู้อื่นแต่ความจริงแล้วกลับรอที่จะซ้ำเติม ด้วยเหตุนี้เว่ยหมิ่นจึงไม่เพียงแต่มองน่าอวี้ด้วยสายตาไร้ความเกลียดชัง แต่แววตากลับระบายด้วยรอยยิ้มอย่างถ่อมตัวและมีมารยาท ยิ่งให้เกียรติกันมากเท่าใด ความประทับใจที่มีต่อนางในคราแรกก็มากขึ้นเป็นอย่างยิ่ง แม่นางคนนี้ดูเป็นคนดีทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่มีท่าทีอวดเบ่งวางอำนาจแม้แต่น้อย หลายปีมานี้ทักษะอย่างอื่นของเว่ยหมิ่นไม่มีอะไรมาก ส่วนทักษะในการมองคนก็เรียนรู้แบบครูพักลักจำ เว่ยหมินรู้สึกว่าแม่นางคนนี้ไม่เลวเลย อุปนิสัยอย่างอื่นก็คงไม่ต่างกันมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ นางกับท่านพ่อของนางคนนั้นจึงดูไม่เหมือนกันเลยสักนิด เฉินยางเป็นคนไม่คิดมาก ใครยิ้มให้นาง นางก็ยิ้มให้คนนั้น น่าอวี้เผยความเป็นตัวเองออกมา โดยเฉพาะมีเว่ยหมิ่นที่ช่างพูดช่างคุยอยู่ด้วย เฉินยางจึงชอบนางเป็นพิเศษ และด้วยความเป็นผู้หญิง คุยกันแค่เพียงสองสามประโยคก็สามารถคุยกันต่อไปได้เรื่อยๆ ระยะห่างของพวกนางจากอยู่คนละสระ ก็ค่อยๆ ย้ายมาแช่สระเดียวกัน และจากนั้นก็กลายเป็นเพื่อนกัน แต่ทว่าด้วยความที่น่าอวี้ร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้ไม่สามารถอยู่เล่นสนุกกับพวกนางต่อได้ น่าอวี้แช่น้ำอยู่เพียงครู่เดียว สาวใช้ก็เดินนำเสื้อผ้ามาหานางก่อนจะพูดว่าถึงเวลากินยาแล้ว น่าอวี้ขึ้นจากสระแล้วกล่าวลา เฉินยางกับเว่ยหมิ่นยังรู้สึกไม่อยากจากนาง แต่ทว่าทำไม่ได้ จึงกล่าวลาก่อนจะมองนางเดินจากไปจนลับตา บ่าวรับใช้กำลังช่วยสวมเสื้อผ้าให้กับน่าอวี้ ผู้นำสองคนเดินนำอยู่ข้างหน้า น่าอวี้ไอไม่หยุดตลอดทางโดยมีบ่าวรับใช้คอยลูบหลังให้ แต่ทว่าเมื่ออาการป่วยของนางกำเริบขึ้นมาก็ยากที่จะสงบลงได้ ขณะนั้นเองน่าอวี้แม้แต่จะเดินยังเดินไม่ไหว บ่าวใช้ตื่นตระหนกรีบประคองน่าอวี้มานั่งที่หินข้างทาง ระหว่างนั้นก็ตะโกนร้องให้คนช่วย ——