ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 219
ตอนที่ 219 พระชายาเป็นคนดีมาก
น่าอวี้พาดแขนโอบคอของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ นางและเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้แต่ลมหายใจก็ผสานกัน คนที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างเช่นนี้ ช่างชวนให้หลงใหลเสียจริง น่าอวี้ทนไม่ไหวเงยหน้าขึ้นมอง ก็สบสายตาของเขาที่มองมาพอดี ทันใดนั้นก็ใจเต้นตึกตัก รีบเบนสายตาออกไปอย่างร้อนรน
“ไม่ทราบว่าแม่นางเจี่ยงบ้านอยู่ที่ใด” เฝิงเยี่ยไป๋กระตุกมุมปาก อุ้มนางไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อย
น่าอวี้ถูกเขายกเช่นนี้ วิญญาณแทบลอยออกจากร่างแล้ว นางป้องปากไออีกสองที พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ทำให้ท่านอ๋องลำบากเสียแล้ว ท่านส่งข้าที่ศาลาข้างหน้าเป็นพอ ท่านแม่ของข้ารอข้าที่นั่น หากไปไกลกว่านี้ถูกคนเห็นเข้าจะไม่งามนัก”
แม่นางผู้นี้ก็รู้ตัวดี เฝิงเยี่ยไป๋ตอบเบาๆ แล้วก้าวเท้ายาวๆ ไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ในคอน่าอวี้รู้สึกคาวขึ้นมา ยังอยากจะไออยู่ สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้ได้ ทนจนหน้าแดงก่ำ นางเอาผ้ามาปิดจมูกและปาก พอดีขึ้นแล้วถึงได้พูดเสียงเบาว่า “เมื่อครู่ข้าเจอพระชายาและท่านหญิงอยู่ที่สระร้อยบุปผา”
เฝิงเยี่ยไป๋มองนางเล็กน้อยพลางรับคำ จากนั้นไม่พูดอะไรต่อ
น่าอวี้รู้สึกว่าต้องพูดอะไรบ้างเล็กน้อย หากแต่พอร้อนรนขึ้นมาก็ไออีกครั้ง เพียงแต่ไออยู่ในอ้อมแขนคนอื่นช่างเสียมารยาทนัก นางจึงเอาผ้ามาปิดหน้าไว้ แล้วผูกไว้ที่หลังศีรษะ เช่นนี้ก็ดีขึ้นแล้ว
“พระชายาเป็นคนดีมาก ก่อนหน้านี้ข้าคุยกับนาง ไม่มีวางมาดใดๆ เลย”
นางยังจะมีมาดอะไรได้อีก ต่อให้เจ้าชมจนนางเปรียบประหนึ่งฮ่องเต้ นางก็ยังเป็นเช่นนั้น นิสัยเหมือนเด็ก ใครดีกับนางเพียงเล็กน้อย นางก็แทบให้ใจไปทั้งหมด ยังหวังจะให้นางวางมาดหรือ ไม่มีทาง
เพียงแต่พอได้ยินคนอื่นพูดถึงนางเช่นนี้ ในใจเขาก็ดีใจอยู่ ความรู้สึกนั้นอธิบายไม่ถูกนัก ราวกับได้ยินคนอื่นชมลูกตัวเองเช่นนั้น รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง เพียงแต่ในใจก็รู้สึกดี
“นางพูดอะไรกับเจ้าหรือ”
เมื่อพูดถึงเฉินยาง เขาก็เหมือนคนที่ออกมาจากถ้ำน้ำแข็ง แลดูอบอุ่นขึ้นมาทันที หัวใจเต้นรัวอยู่ในแผงอกร้อนผะผ่าว แม้แต่น่าอวี้ก็รู้สึกได้ ในใจพลันรู้สึกเศร้าหมองอยู่บ้าง เพียงแต่ในเมื่อเริ่มพูดขึ้นมาแล้วก็ต้องพูดให้จบ นางจึงเล่าเรื่องที่ทั้งสามคนคุยกันที่สระให้เขาฟังคร่าวๆ
ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงแค่เรื่องลูกสาวบ้านนี้กับผู้ชายบ้านนั้น เรื่องความรักความแค้นต่างๆ นานา แล้วก็มีเรื่องที่เว่ยหมิ่นไล่ถามเฉินยางไม่หยุด ถามว่าเขาและเฉินยางตกลงทำอะไรกันในรถม้า พอพูดถึงตรงนี้น่าอวี้ก็อยากรู้เช่นกัน เพียงแต่คงไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ ไม่เช่นนั้นเฉินยางก็คงไม่ถูกเว่ยหมิ่นถามจนพูดไม่ออก
เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ก็ฟังอย่างออกรส บางครั้งก็ยิ้มขึ้นมา ท่าทางเช่นนั้นมองแล้วทำเอาคนหลงใหลจนยากจะถอนตัวออกมาได้ น่าอวี้ไม่กล้ามองเขาอีก เบือนหน้าหนีไป
ครั้นมาถึงที่ศาลา เฝิงเยี่ยไป๋วางนางลง นางทั้งรู้สึกโล่งอกทั้งเศร้าหมอง อย่างไรเสียนางก็เป็นลูกสาวตระกูลใหญ่ มารยาทต้องดีงาม หลังจากขอบคุณก็กล่าวคำลากับเขา เพียงแต่ใจนั้นกลับเหมือนมิได้เป็นของตัวเองเสียแล้ว
เกิดอะไรขึ้น บ้าไปแล้วหรืออย่างไร นางแอบจิกฝ่ามือตัวเอง อดอิจฉาเฉินยางขึ้นมาไม่ได้ ว่าแล้วโชคของคนไม่เกี่ยวกับฐานะและชื่อเสียง ของของใครอย่างไรก็หนีไม่พ้น
อวี๋เอ๋อร์เห็นนางเหม่อลอย จึงเรียกนาง “คุณหนู… คุณหนู… ท่านคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
น่าอวี้ตั้งสติด้วยความลุกลี้ลุกลนแล้วส่ายหน้า ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อวี๋เอ๋อร์ “ไม่มีอะไร ไม่ได้คิดอะไร ประคองข้ากลับไปเถิด ฮูหยินน่าจะรอนานแล้ว”
อวี๋เอ๋อร์กลับพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณหนู ครั้งต่อไปพวกเราก็พกยาติดตัวไว้บ้างเถิดเจ้าค่ะ หากมีเหตุการณ์เหมือนเช่นวันนี้อีก บ่าวได้ตกใจตายก่อนพอดี”
——