ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 220
ตอนที่ 220 คิดถึงแต่กลับไปไม่ได้อีก
น่าอวี้ส่ายหน้า “ยาลูกกลอนนั่นข้าไม่ชอบกิน ไม่ต้องเอาด้วยไปหรอก วันนี้โดนลม ไม่เป็นอะไรมาก กลับไปไม่ต้องบอกฮูหยินนะ มีเพียงเราสองคนรู้เรื่องนี้ก็พอแล้ว”
อวี๋เอ๋อร์บุ้ยปาก พยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนัก “บ่าวสามารถปิดบังไว้ให้ได้เจ้าค่ะ แต่ร่างกายของท่านนั้นจะปิดบังไว้ได้หรือ ควรจะให้หมอมาดูตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฮูหยิน…”
“พอแล้ว” น่าอวี้เคาะกลางฝ่ามือนาง “ร่างกายของข้าข้ารู้ดี”
มีคนบอกว่าคนงามอับโชค คำคำนี้ช่างถูกต้องเสียจริง ร่างกายของนางไม่ค่อยสู้ดีนัก ถ้าจะพูดถึงการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น นางก็ป่วยมาเป็นแรมปีแล้ว แต่ก็มิใช่ว่าเจ็บไข้ได้ป่วยร้ายแรงอะไร ก็แค่ทำให้ทรมาน วันๆ เห็นแต่ยาหม้อก็กระดกลงท้อง ร่างกายจึงมีกลิ่นของยามาโดยตลอด คนที่ยังดีๆ อยู่ๆ ก็ถูกทรมานเหมือนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง ช่างน่าอดสูนัก
หลังจากที่น่าอวี้เดินจากไปไม่นาน เฉินยางกับเว่ยหมิ่นก็ขึ้นจากสระน้ำเช่นเดียวกัน อย่าพูดว่าแค่ลงไปแช่เท่านั้น แต่ทำเช่นนี้ทำให้ร่างกายโล่งสบายมากจริงๆ
เฉินยางบิดขี้เกียจ ไม่อยากขึ้นมาจากน้ำเลย นางมองทะลุผ่านร่องนิ้วมือไปยังอาทิตย์อัสดงทางทิศตะวันตก ภายในใจห่อเ**่ยว นึกไม่ถึงเลยว่าจะแช่อยู่ในน้ำได้นานขนาดนี้ คิดคำนวณเวลาดูแล้ว ควรถึงเวลาที่จะต้องกลับวังแล้ว วันดีๆ ช่างผ่านพ้นไปเร็วเหลือเกิน พอนึกถึงว่าพรุ่งนี้เมื่อได้ยินเสียงไก่ขันก็ต้องลุกขึ้นมายืนตัวตรงแล้ว แข้งขาของนางพลันอ่อนแรง ถอนหายใจเบาๆ รอจนเว่ยหมินเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วจึงค่อยออกไปพร้อมกัน
พอออกมาแล้วถึงมองเห็นเฝิงเยี่ยไป๋กับเหลียงอู๋เย่ว์รอพวกนางอยู่ตรงทางออก เฉินยางเห็นสีหน้าของเฝิงเยี่ยไป๋แลดูไม่ค่อยเหมือนเช่นปกติ พอนึกขึ้นได้ก็สะกิดแขนเสื้อของเว่ยหมิน แล้วเดินต่อไป
เหลียงอู๋เย่ว์ส่งเสียงกระแอมแล้วมองไปที่เฝิงเยี่ยไป๋ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนางสองคนถึงไปด้วยกันได้ เหลือแค่เราสองคนจะทำอย่างไรดี”
เฝิงเยี่ยไป๋สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินตามไป เจ้าหมอนี่หน้าบาง ยังไม่ทันได้ดึงอารมณ์เมื่อครู่กลับมาเลย เขาอมยิ้มอยู่คนเดียว ยิ่งมองนางก็ยิ่งน่าหลงรักจริงๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยมือไปได้ เป็นแบบนี้ก็ดี หัวใจอยู่ที่นางไปหมดแล้ว ถึงอยากจะไปอย่างไรก็ไปไม่ได้
ไม่มีใครสนใจเขา เหลียงอู๋เย่ว์โทษในความน่าเบื่อของตัวเอง แล้ววิ่งเหยาะๆ ตามไป ไม่นานก็ตามพวกนางทัน
เว่ยหมินถามเฉินยาง “วันนี้จะยังกลับวังอยู่หรือไม่ ข้าว่าไม่ต้องกลับเถอะ นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว”
เฉินยางรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ช่างเถอะ ถ้ารีบไปก่อนที่ประตูวังจะปิดก็น่าจะยังทัน อย่างไรเสียตอนที่พวกเราออกมาก็ไม่ได้บอกกับไทเฮาไว้ก่อนว่าคืนนี้จะไม่กลับ จะไม่ทำอะไรทำให้ไทเฮาไม่สบายพระทัยอีก”
พอเฝิงเยี่ยไป๋ได้ยิน รู้สึกมีกลิ่นแปลกๆ จึงรีบดึงหน้ากลับ วันนี้ที่เขาได้บอกความในใจกับนางไปเหมือนนางไม่ได้ยินเลย บอกนางไปว่าพรุ่งนี้ถึงจะส่งนางกลับ ทำไมถึงไม่ฟังบ้างเลย
“คืนนี้ไม่ต้องกลับไปหรอก” เขาทำหน้าเข้มดึงนางเข้ามา “ถึงเจ้าจะอยากกลับก็กลับไม่ได้”
ใจของเฉินยางเต้นตึกตัก ไม่กล้ากระดุกกระดิก บนใบหน้ามีเพียงรอยยิ้มแห้งๆ “ไหนว่าเราคุยกันไว้แล้วอย่างไร แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้าข้าเรียนจบเร็วก็จะได้กลับบ้านเร็วไม่ใช่หรือ”
ที่ตกลงกันไว้เป็นอย่างนี้จริง แต่ในใจเขากลับรู้สึกแปลกๆ พูดเสียดิบดีว่าจะไม่หลบเขา พอถึงตอนนี้ยังจะกลัวเขาอยู่อีก ช่างประหลาดนัก เขาไม่ใช่คนเลวที่จุดไฟเผาฆ่าคนตายเสียหน่อย แล้วก็ไม่ได้ไว้หนวดไว้เคราอะไร หน้าตาก็ไม่ได้มีแผลเป็นหรือรอยบากน่ากลัว พออยู่กับนางไฉนตนจึงกลายเป็นยมบาลไปเสียได้ หรือเป็นเพราะนางไม่ได้รอคอยอยากจะพบเขา ถ้าเป็นคนอื่น ใครๆ ก็อยากเข้ามาประจบเอาใจเขาทั้งนั้น เรียกได้ว่าตัวเองอยู่ในที่ที่เป็นสุขแต่กลับหาความสุขไม่ได้จริงๆ