ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 223
ตอนที่ 223 ขี้เหล้า
เมื่อเฉินยางไม่เคยดื่มเหล้าเลย นอกเสียจากตอนที่พ่อนางเอาตะเกียบจิ้มเหล้าป้อนให้นางครั้งนั้นแล้ว นับได้ว่าไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน ครั้งนี้นางเมาหนักมาก ตอนที่วางถ้วยเหล้าวางลงนั้น หน้าแดงมาก ตาสองข้างเหม่อลอย มองไปรอบๆ พูดจาไม่ชัด คนเซไปเซมานั่งไม่นิ่ง ดูออกเลยว่าเมา
“เหล้านี้อร่อยเหลือเกิน” นางเอามืออุ้มไหเหล้าไว้ ไม่ต้องใช้ถ้วยอะไรแล้ว ไหเหล้าไหนี้ทำให้สบายใจ เพราะไหใหญ่ขนาดนั้น นางจึงเอากระบวยตักดื่มเลย เหมือนคนทุกคนที่ดื่มเหล้าจนเมาไปแล้ว ด้านหนึ่งตะโกนบอกว่าตัวเองไม่ได้เมา ด้านหนึ่งยังตักเหล้าซดเข้าปากไม่หยุด
นี่ไม่เรียกว่าขี้เหล้าแล้วจะเรียกว่าอะไร เฝิงเยี่ยไป๋แย่งกระบวยตักเหล้าจากมือนางแล้วพูดว่า “เมาแล้ว ดื่มต่อไม่ได้แล้ว ประเดี๋ยวข้าบอกเจ้าของร้านให้ทำข้าวเหนียวปั้นให้เจ้าทานดีหรือไม่”
ตอนที่ยังดีอยู่นางก็ชอบกิน พอได้ยินว่ามีของกินก็เดินต่อไม่ไหว ถ้ายังดื่มอย่างนี้ต่อไป กลางดึกจะนอนได้อย่างไรกัน ยกมือรอความทรมานเสียเถอะ วันนี้แผนที่เขาวางไว้คิดผิดไป วันข้างหน้าจะไม่ให้นางดื่มเหล้าอีกแล้ว มองดูสารรูปตอนเมาเข้าสิ ถ้าให้ไทเฮาเห็นเข้า ระเบียบก่อนหน้านี้เท่ากับว่าไม่มีประโยชน์เลย
เฉินยางชิมจนรู้รสชาติของเหล้าแล้ว ขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงข้อดีของเหล้าอีกด้วย ในที่สุดนางก็รู้ว่าทำไมพ่อของนางถึงชอบดื่มเหล้ามาก เหล้าเป็นสิ่งที่เทพหมัก ยิ่งดื่มยิ่งติด ในเมื่อคืนนี้ไม่ต้องกลับวัง ถ้าอย่างนั้นยังนั่งทำอะไร“ทำไมพวกเจ้าไม่ดื่ม ไม่เมาไม่กลับ มาๆๆ…ดื่มสิ”
เว่ยหมิ่นยังไม่ได้สติกลับมา ได้ยินนางตะโกนบอกให้ดื่ม ฉับพลันก็ดึงสติกลับมาได้ พูดว่า “ไหนบอกว่าตัวเองดื่มเหล้าไม่ได้ไง แท้ที่จริงแล้วตอนเมาก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“ใครบอกว่าข้าดื่มไม่ได้ เอิ๊ก! ข้าดื่มได้” พอดื่มเหล้าเมาจนกล้า นางเงยหน้าขึ้นมา หลับตาแล้วพูดกับเฝิงเยี่ยไป๋ “ท่านพี่ ดื่มด้วยกันสิ แล้วเราก็เอาเหล้าใส่รถม้ากลับไปด้วย ฝัง… เอิ๊ก! อา ฝังไว้ที่ลานตำหนัก ค่อยๆ ดื่ม”
พูดได้ครึ่งเดียวนางก็เรอออกมาใส่หน้าเฝิงเยี่ยไป๋ เฝิงเยี่ยไป๋แกล้งทำเป็นรังเกียจนาง จับหน้านางหันไปอีกทางหนึ่ง “อยากดื่มเราก็ซื้อ มีแค่นิดเดียว วันนี้พอแค่นี้ก่อน ดื่มต่อไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันกลับวัง”
“กลับวังหรือ ข้าไม่กลับหรอก” นางตบโต๊ะดังปัง ยืนขึ้นอย่างสง่า เท้าเอว สีหน้าดูโมโหมาก “กลับไปจะได้รับการลงโทษ ให้ข้ายืนอยู่กลางแดดทั้งวัน” นางจับมือของเฝิงเยี่ยไป๋ไปจิ้มหน้าตัวเอง “ท่านดูสิ มืดแล้ว พวกนางนึกว่าข้าไม่รู้ ความจริงแล้วข้า…ไม่ได้โง่ คนอื่นตอนพักช่วงบ่ายนอนกลางวันได้…และ…เอิ๊ก! ทำให้เดือดร้อนแล้วยังจะพักอีก มีแค่ข้าที่พักไม่ได้ ไม่ใช่แค่ไม่ได้ ยังชอบตีข้าอีกด้วย”
ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกน้อยใจ ครั้งนี้นางเมาจนไม่รู้เรื่อง พูดอะไรออกมาโดยไม่คิดเลยสักนิด ทำอะไรก็ไม่ได้ไตร่ตรองดู ขณะพูดนางตั้งท่าจะถลกเสื้อขึ้นมาเพื่อจะยืนยันคำพูดของตัวเอง ต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้ เฝิ่งเยี่ยไป๋รีบเข้าไปห้ามนาง กอดไว้ในอ้อมกอด จับมือสองข้างของนางไว้แน่น ป้องกันไม่ให้นาง ‘ทำเรื่องไม่งาม’ อีกครั้ง สีหน้าเขาแลดูไม่สู้ดีนัก มองไปรอบๆ “มีเรื่องอะไรค่อยกลับไปคุยกันดีหรือไม่”
ตอนแรกนางปฏิเสธ แต่เขากลับยังยุให้นางดื่มเหล้าต่ออีก ครั้งนี้เหมือนโดนตบหน้า ใครจะคิดว่าการดื่มเหล้าของนางจะแย่อย่างนี้ อยู่ต่อหน้าคนมากมายยังกล้าถอดเสื้อผ้า ยังดีที่ห้ามไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้น เขาจะต้องไปควักลูกตาทีละคนถึงจะสามารถระงับความโมโหได้