ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 227
ตอนที่ 227 เจ็บหรือไม่
เฉินยางนอนหงายไม่ได้ ทำได้เพียงนอนคว่ำอยู่บนเตียง คางเกยบนตักเฝิงเยี่ยไป๋ ส่วนปลายนิ้วเขี่ยวนไปมาอยู่บนขาของเขา นางพูดว่า “ไทเฮาเป็นแม่ของท่าน…และก็เป็นท่านแม่ของข้า ท่านพ่อบอกว่าต้องเคารพและกตัญญูต่อท่านแม่…ข้าไม่มีแม่ ข้าเลยอยากกตัญญูต่อนาง เพียงแต่นางไม่ชอบข้า”
ตอนนี้นางค่อยๆ สงบลงแล้ว หลังจากเมาแล้วความง่วงก็มาเยือน หนังตาเริ่มหย่อน ปากยังคงบ่นพึมพำไม่หยุด เฝิงเยี่ยไป๋ถอนหายใจด้วยความจนใจ คิดจะดึงเสื้อนางปิดลงมา ขณะที่มือคลำไปถึงชายเสื้อแล้วกำลังจะดึงลงมาอยู่นั้น นางก็ขยับมาข้างหน้าเล็กน้อย ตัวนางทับบนมือเขาพอดี ทว่าตัวนางเองกลับไม่รู้ตัวเลย มือซุกซนพยายามจะหาอะไรทำให้ได้ จึงกระตุกแขนเสื้อของเขา พูดพึมพำว่า “ข้าก็ไม่ได้โง่แล้ว ไฉนนางถึงยังไม่ชอบข้าอีก” พูดจบก็เอ่ยอย่างโกรธๆ อีกว่า “นางไม่ชอบข้า ข้าก็ไม่ชอบนางแล้วเหมือนกัน แล้วก็จะไม่ทำสีหน้าดีๆ กับนางด้วย!”
คำพูดนี้นางตะโกนออกมา เพียงแต่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ฟังเข้าหูเลยแม้แต่คำเดียว ในใจเขาดั่งมีไฟลุกโชน ในหัววุ่นวายไปหมด ไม่ได้มีสติคิดถึงเรื่องอื่นเลย เรื่องอย่างนี้มิใช่ว่าเพิ่งทำครั้งแรก เพียงแต่ความดีใจในตอนนี้กลับมากยิ่งกว่าครั้งแรกเสียอีก เขาขยับมือ รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นอยู่ในอกอุ่น สั่นสะท้านอยู่ในมือเขา ความอ่อนนิ่มนั้นเหนือกว่าสิ่งอื่นใด
จู่ๆ เขาก็เหมือนธาตุไฟเข้าแทรก ตอนนี้จะยังมีสติเสียที่ไหน ล้วนอาศัยมือที่ยังยั้งเอาไว้อยู่ เพียงแต่การยับยั้งนั้นจะยังคงอยู่ได้อีกนานเพียงใด ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้เช่นกัน
“ท่านแม่…ท่านแม่…” นางนอนคว่ำอยู่ น้ำหนักกดอยู่ที่อกย่อมรู้สึกไม่สบาย นางหายใจไม่ออก จึงเอียงตัวคิดจะนอนหงาย แต่เพิ่งเอนหลังลงบนผ้าห่ม ก็แตะถูกรอยแผลเหล่านั้นเข้า นางเจ็บจนกัดฟันร้องออกมา เหมือนเต่าที่ถูกจับหงายขาชี้ฟ้า คราวนี้เจ็บอย่างสุดซึ้ง เกือบน้ำตาไหลออกมา
เฝิงเยี่ยไป๋ถูกเสียงกรีดร้องของนางทำเอาตกใจ วิญญาญกลับเข้าร่าง มือยังคงค้างอยู่ท่าเดิม เพียงแต่ในมือว่างเปล่า บนเตียงมีเว่ยเฉินยางที่ร้องโอดครวญอยู่
เขารีบพลิกตัวนาง ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก มือก็ไม่รู้จะวางที่ใด ด้วยความว้าวุ่นใจจึงคว้ามือนางไว้แล้วถามอย่างร้อนรนว่า “เป็นอะไรไป! แตะถูกแผลเข้าหรือ เจ็บหรือไม่!”
ถามจบก็รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองไม่จำเป็นเลย เห็นท่าทางของนางเช่นนี้ก็ไม่เหมือนว่านางจะดีอยู่ ยังต้องถามอีกหรือ ไร้สมองจริงๆ แม้แต่ความฉลาดก็หายไปจนหมดสิ้น “เจ้านอนไปก่อนอย่าเพิ่งขยับ ข้าจะไปเอายาให้เจ้า เมาเช่นนี้แล้ว อย่าได้วิ่งซน เข้าใจหรือไม่!”
เมื่อครู่ยังร้องเรียกท่านแม่เสียงอู้อี้อยู่เลย ตอนนี้กลับไม่ตอบเสียแล้ว ดูท่าทางคงจะหลับไปแล้ว ไม่ขยับแม้แต่น้อย เฝิงเยี่ยไป๋ดึงเสื้อขึ้นมาให้นาง แล้วห่มผ้าให้นางเบาๆ ก่อนจะปิดประตูเดินออกไป
ในซานจวงต้องมีหมอแน่นอน ไม่เช่นนั้นทางลงเขายาวไกลนัก ผู้ที่มาซานจวงล้วนแต่เป็นผู้มีฐานะ หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ แม้แต่คนที่ช่วยชีวิตก็ไม่มี ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง ออกไปเรียกคนใช้คำเดียว ไม่นานก็ได้ยามาแล้ว เพียงแต่เจี่ยชีตอนบ่ายบอกจะเจอเขา เพราะช่วยแม่นางเจี่ยงอะไรนั่นจึงไม่ได้ไป ตอนนี้ก็ได้โอกาสออกไปเจอพอดี
การจะสลัดพวกผู้ติดตามทั้งหลายนั้นไม่ใช่เรื่องยากนัก ที่เขาเป็นกังวลคือตั๊กแตนจับจักจั่นแล้วมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง[1]ต่างหาก
นกที่ว่านั้นย่อมเป็นฮ่องเต้ เพียงแค่ไม่รู้ว่ากระบี่ของฮ่องเต้ที่ห้อยอยู่เหรือศีรษะตนนั้นจะร่วงลงมาเมื่อใด
——
[1] ตั๊กแตนจับจักจั่นแล้วมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง เป็นสำนวนจีน หมายถึง วางแผนทำร้ายคนอื่นแต่กลับมีคนอื่นที่วางแผนทำร้ายเราอีกที