ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 232
ตอนที่ 232 ท่านถอดเสื้อข้าใช่หรือไม่
เฉินยางฟังคำพูดของเขาก็รู้ว่าเมื่อคืนตัวเองดื่มเหล้าจนพูดออกไปหมดแล้ว มิน่าคนถึงบอกว่าเหล้าเป็นของไม่ดี ดื่มเหล้าเสียการเสียงาน คราวนี้ในสายตาของไทเฮา นางก็จะได้กลายเป็นคนชั่วขี้ฟ้องไปเสียแล้วจริงๆ
แต่พอคิดอีกที ก็ไม่ใช่ แผลของนางอยู่ข้างหลัง เช่นนั้นแล้วไม่ใช่ว่า…หน้าของนางแดงขึ้นมาทันที “ท่าน…ท่านถอดชุดข้าใช่หรือไม่”
“ไม่ถอดชุดเจ้าแล้วจะดูได้อย่างไร” มุมปากเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย ยิ้มจนชวนให้ขนลุก “เมื่อคืนตอนอยู่ท่ามกลางสายตาของทุกคน เจ้าโวยวายจะถอดชุดให้ข้าดู หากข้าไม่ห้ามไว้ หน้าของข้าคงถูกเจ้าขายเสียหมดแล้ว”
เฉินยางได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก นั่งก็ไม่กล้านั่งแล้ว นางจิ้มนิ้วตัวเองมองไปที่เขาอย่างระมัดระวัง “ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองเมาแล้วจะเป็นเช่นนั้น เมื่อคืนคงไม่ได้ทำให้ท่านขายหน้ากระมัง เหล้านั่น…ตอนนี้ข้าลืมไปแล้วว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร เมื่อคืนทำอะไรลงไปข้าก็จำไม่ค่อยได้เสียแล้ว…ข้า…หลังจากนี้ข้าจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว”
ที่เขาพูดเช่นนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนินาง เพียงแค่เตือนนางเท่านั้น ให้รู้ว่าตัวเองดื่มได้เท่าไร ใช่ว่าหลังจากนี้จะไม่ให้นางดื่มเลย บางครั้งดื่มสักเล็กน้อยเพื่อสร้างบรรยากาศยังพอได้อยู่ จากนั้นเขาก็นึกถึงกระต่ายที่ถูกถอนขนเมื่อคืนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาจึงเหลือบมองไปที่อกของนางอย่างควบคุมไม่ได้ น่าเสียดาย หากไม่ใช่ว่าเมื่อคืนนางดื่มมากไป ค่ำคืนแห่งความสุขนั้นก็คงจะลุล่วงไปแล้ว
ภรรยาของเขาผู้นี้แต่งมาดีเสียเหลือเกิน แต่งเข้ามาทำให้เขาอดอยาก แต่พอมีความทุกข์ก็ดันพูดไม่ออก อดทนไว้ก็ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ กับเหลียงอู๋เย่ว์ก็พูดไม่ได้ หากให้เขารู้เข้ามีหวังได้หัวเราะเยาะตนแน่ๆ
เขาถอนหายใจด้วยความเศร้าหมองแล้วเรียกนางให้มานั่งลง “กินข้าวก่อน กินข้าวเสร็จแล้วข้าจะเข้าวังเป็นเพื่อนเจ้า ไปบอกกับไทเฮาว่าไม่เรียนระเบียบไม่ระเบียบอะไรนั่นแล้ว เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของนางเสียหน่อย ไม่ต้องสนว่ามีระเบียบหรือไม่ ข้ามองแล้วถูกใจเป็นพอ ไม่จำเป็นต้องให้นางเข้ามายุ่ง”
เฉินยางถือชามกินข้าวต้มอยู่ คำพูดนี้ช่างชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก จะมีสักกี่คนที่ฟังแล้วไม่หวั่นไหวบ้าง เพียงแต่รู้สึกอบอุ่นก็คือรู้สึกอบอุ่น ในเมื่อนางบอกว่าจะเรียนระเบียบในวัง เช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจล้มเลิกกลางคัน ไม่เช่นนั้นนางถูกคนอื่นนินทาเป็นเรื่องเล็ก แต่จะให้คนอื่นมองเฝิงเยี่ยไป๋อย่างไร เขามีเรื่องวุ่นวายต่างๆ มากพออยู่แล้ว ตัวเองจะสร้างความวุ่นวายให้เขาอีกไม่ได้ เขาปกป้องนาง ในใจนางก็รู้สึกดีใจ ไม่มีหัวใจใครทำด้วยเหล็กกล้า แล้วจะไม่รู้สึกได้อย่างไร นางรู้สึกผิดในใจ คิดว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้เลย จริงอยู่ ด้วยความสามารถของนางจะสามารถทำอะไรให้เขาได้? ในเมื่อช่วยเขาไม่ได้ เช่นนั้นแล้วก็ต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่ต้องสร้างปัญหาให้เขาอีก!
“ท่านกลับไปกับข้าก็ดี เพียงแต่ว่า ในเมื่อข้ารับปากว่าจะเรียนระเบียบอยู่ในวัง ก็ไม่อาจถอดใจกลางคันได้ อย่างมากก็เพียงเดือนเดียวเท่านั้น พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว ท่านก็อย่าได้ไปวุ่นวายที่ไทเฮานั่นอีกเลย ตอนแรกไทเฮาก็ดูถูกข้าอยู่แล้ว ท่านไปวุ่นวายอีก นางคงจะได้แค้นข้าจนตาย”
นิสัยดื้อดึงเช่นนี้ จะว่าอย่างไรดี ทำเอาทั้งโกรธทั้งรัก เจ้าดีกับนาง นางกลับไม่รู้เสียอย่างนั้น ทำมากมายเท่าไรก็ทำได้เพียงวนอยู่นอกหัวใจนาง เข้าไปไม่ได้ ตามเหตุผลแล้วคนหายดีแล้ว ก็ควรจะฉลาดแล้ว ไฉนถึงยังไม่รู้จักความหวังดีอีก ตนเองหวังดีกับนาง นางกลับผลักไสเขาไปอยู่ข้างนอก ต่อให้เป็นคนนิสัยดีปานใดก็ถูกนางทำให้หงุดหงิดได้
ในหัวเฝิงเยี่ยไป๋วุ่นวายไปหมด คิดจะตำหนินางอีก แต่จะพูดอะไรหรือ ที่ควรพูดก็พูดมิได้ขาด ยังจะพูดอะไรได้อีก สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจ พูดด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจว่า “ข้าไม่อาจเห็นเจ้าลำบากได้ เจ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้ข้าโกรธ และสุดท้ายคนที่โชคร้ายก็ต้องเป็นบ่าวไพร่ชั้นต่ำพวกนั้น”