ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 235 มีข้าอยู่ไม่มีใครชักสีหน้าใส่เจ้าได้ / ตอนที่ 236 ยุยงให้สามีอกตัญญู
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 235 มีข้าอยู่ไม่มีใครชักสีหน้าใส่เจ้าได้ / ตอนที่ 236 ยุยงให้สามีอกตัญญู
ตอนที่ 235 มีข้าอยู่ไม่มีใครชักสีหน้าใส่เจ้าได้
ระหว่างทางเฉินยางกังวลอยู่ตลอด กลัวว่าจะตอบไทเฮาไม่ได้ และก็กลัวเฝิงเยี่ยไป๋โกรธจนไม่มีสีหน้าดีๆ ให้ นางถูฝ่ามือ ร้อนรนเหมือนดั่งอยู่ในกระทะน้ำมันที่ร้อนจัด
เฝิงเยี่ยไป๋ก็คร้านจะพูดกับนาง ระหว่างทางก็ไม่ได้พูดคุยกับนางเลย มีเพียงตอนเข้าวังพอใกล้จะถึงประตูตำหนักของไทเฮา เขาก็ดึงมือของนางมากุมไว้ “เข้าไปแล้วเจ้าไม่ต้องพูดอะไร ยืนอยู่นิ่งๆ ก็พอ”
“เพิ่งจะเรียนระเบียบการถวายบังคม หากไม่พูดอะไรเลยไม่ใช่ว่าจะต้องให้ไทเฮาสั่งสอนอีกหรือ” เฉินยางถาม
เขาตบที่หลังมือนางเบาๆ “ดูข้าให้สบายใจก็พอ มีข้าอยู่ ดูว่าจะมีใครทำอะไรเจ้าได้”
นางโกรธเขามาตลอดทาง ตอนแรกยังคิดจะไม่พูดกับเขาไปอีกพักใหญ่ ตอนนี้ถูกเขาพูดจนรู้สึกดีขึ้น จึงพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง เอนซบพิงเขา
เช่นนี้ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ นางพึ่งพิงเขา ก็ไม่ต้องกังวลอะไร และก็ไม่ต้องทำอะไร ฝากทุกอย่างให้เขาก็พอแล้ว เรื่องใหญ่โตเช่นไรก็มีเขาคอยแบกรับไว้ให้นาง
ไทเฮาทรงกำลังกริ้วอยู่ในตำหนักฉือหนิง วันนี้ตอนเช้าหงอวี้ไม่เห็นเว่ยเฉินยาง คิดว่าคงไม่ใช่ว่าเมื่อวานไปเที่ยวกับท่านหญิงจนเลยเถิด วันนี้ถึงกับนอนไม่ตื่น แต่นึกไม่ถึงว่าพอถีบประตูเข้าไป ในห้องกลับว่างเปล่า มีคนเสียที่ไหน ออกไปถามองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่ถึงได้รู้ว่า เมื่อคืนนางไม่ได้กลับมา
ดูนางช่างใจกล้ายิ่งนัก กล้าไม่กลับมาแล้ว หงอวี้กราบทูลรายงานต่อไทเฮา ไทเฮาตอนแรกก็โกรธนางเป็นทุนเดิมแล้ว ตอนนี้ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก ถึงกับไม่เสวยอาหารเช้า รออยู่ที่ตำหนักฉือหนิง หากนางกลับมาก็แล้วกันไป แต่หากไม่กลับมา ก็จะได้ใช้ข้ออ้างนี้สั่งให้นางหย่า จะได้ไม่ต้องเห็นหน้านางทุกวันจนรำคาญ
รอใกล้จะถึงเที่ยง คนถึงได้มาถึง ไม่ใช่คนเดียว เป็นสองคน ยังมีเฝิงเยี่ยไป๋มาด้วย
ขันทีส่งสารที่รออยู่ข้างล่างรอให้เบื้องบนสั่งการว่าจะส่งสารหรือไม่ส่ง ไทเฮาหันพระเศียรไปถามหงอวี้ว่า “เจ้าไม่ได้ลงแส้กระมัง แผลสะดุดตาหรือไม่”
หงอวี้พูดว่า “ไทเฮาวางพระทัยได้ ไม่เห็นเลือด แผลล้วนอยู่ข้างหลัง ที่อื่นล้วนดีอยู่เพคะ”
ไทเฮาพยักหน้า ตรัสด้วยความกังวลพระทัยเล็กน้อยว่า “ไฉนเขาถึงมาด้วย ข้าว่าแล้วเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนจัดการได้ง่ายนัก คงไม่ใช่กลับไปฟ้องกระมัง!”
หงอวี้พูดว่า “เรียนระเบียบที่วังมีที่ใดเรียนแล้วได้เลย ผิดแล้วก็ควรลงโทษ ไปดูในตำหนักต่างๆ ได้ บนตัวใครบ้างที่ไม่มีแผล ตอนนั้นพระองค์ก็ไม่ใช่ว่าผ่านมาเช่นนี้เหมือนกันหรอกหรือ นางเป็นเพียงเด็กบ้านนอกจะสูงส่งกว่าพระองค์ได้หรือไร ต่อให้ท่านอ๋องมาเอาเรื่องจริง พวกเราก็เถียงกลับไปได้”
เหตุผลนี้ก็จริง ไทเฮาฟังแล้วก็พยักหน้า เชิดคางตรัสกับขันทีน้อยที่รอรับคำสั่งอยู่ว่า “ไปเรียกเข้ามาทั้งหมดเลย!”
ขันทีน้อยรับคำสั่งแล้ววิ่งออกไป นางกำนัลที่รอต้อนรับอยู่ที่ประตูย่อตัวทักทาย “คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา” จากนั้นจึงเดินนำคนเข้ามาในตำหนัก
เฉินยางจำระเบียบได้ พอเข้าตำหนักก็ย่อตัวพูดว่า “ถวายบังคมไทเฮา ขอไทเฮาทรงพระเกษมสำราญเพคะ”
ไทเฮาแค่นเสียงหึเบาๆ ไม่เรียกให้นางลุกขึ้น ทั้งยังจงใจชักสีหน้าใส่นาง ในใจเฉินยางถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ท่านแม่คนนี้…จริงๆ เลย ตีแล้วด่าแล้วก็ยังไม่พอใจ แถมยังจะแกล้งนางต่อหน้าเฝิงเยี่ยไป๋อีก จะต้องทำเช่นนี้ทำไมกัน ทำเช่นนี้แล้วมีแต่จะทำให้เฝิงเยี่ยไป๋ยิ่งรู้สึกต่อต้านนางมากขึ้น เฉินยางเองก็ไม่สามารถพูดได้ ในเมื่อไทเฮาเชื่อว่านางมีใจเป็นอื่น คำพูดของนางไทเฮาย่อมฟังไม่เข้าหู ระเบียบที่เรียนมาหลายวันนี้ไม่ได้เรียนเปล่า ย่อตัวไม่กี่อึดใจก็ไม่ใช่ปัญหา
——
ตอนที่ 236 ยุยงให้สามีอกตัญญู
ไทเฮาไม่เรียกให้ลุกขึ้น นางก็ต้องย่ออยู่ตลอด จนไทเฮาบอกว่าลุกขึ้นถึงจะลุกได้ ย่อตัวอยู่เช่นนี้ช่างทรมานยิ่งนัก ทนได้ไม่นานก็จะทนไม่ไหว เฝิงเยี่ยไป๋โกรธขึ้นมา ยื่นมือดึงเฉินยางลุกขึ้น ตอนที่เขาอยู่ยังเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาไม่อยู่จะเป็นเช่นไร
“ขอถามไทเฮา ตกลงภรรยาข้าทำผิดเรื่องใดในวัง ไทเฮาถึงกับต้องลงโทษอย่างนางเ**้ยมโหดเช่นนี้”
พอมาแล้วก็มาหาเรื่อง ว่าแล้วเจ้าเด็กนี่กลับไปฟ้องจริงๆ ไทเฮาแค่นเสียงหึเบาๆ เหลือบมองเฉินยางแล้วตรัส “เมื่อวานเว่ยหมิ่นมายืมตัวเจ้ากับข้าไป ข้าคิดว่าสองวันนี้เจ้าก็ลำบากมากแล้ว จึงใจอ่อนให้เจ้าหยุดพักวันหนึ่ง แต่ดูเจ้าทำสิ ออกไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย เจ้าดูเอาเองเถอะ นี่มันยามใดแล้ว กลับมาแล้วยังให้สามีอยู่เป็นเพื่อนอีก ก่อนหน้านี้ที่เจ้าบอกกับข้าว่ายอมอยู่ในวังเรียนระเบียบล้วนโกหกข้างั้นหรือ”
เฉินยางอ้าปากคิดจะอธิบาย แต่ก็ถูกเฝิงเยี่ยไป๋ขัดขวางเอาไว้ “นี่เป็นเรื่องของพวกเราสามีภรรยา ไม่ต้องให้ไทเฮาทรงเป็นกังวล ที่ข้ามาวันนี้ก็คือมาทูลลาแทนภรรยา ภรรยาข้าไม่รู้ระเบียบ กลับไปแล้วข้าย่อมสอนเอง นางไม่ใช่คนในวัง ข้อห้ามในวังต่างๆ นางก็ไม่รู้ เพื่อไม่ให้ทำให้ไทเฮาไม่พอพระทัย ให้ข้าพานางกลับไปค่อยๆ สอนดีกว่า”
ไทเฮาฟังแล้วโกรธจัด ตบโต๊ะเสียงดัง “เจ้า…” นางจะโกรธใส่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ นางเป็นแม่ได้ไม่ดีนัก ด่าลูกชายแล้ว คนที่เศร้าใจกลับยังคงเป็นนางเอง มือไทเฮาจึงชี้ไปที่เฉินยาง “เจ้าช่างเป็นภรรยาที่ดีเสียเหลือเกิน ตอนไม่มีใครก็ยุยงสามีเจ้าให้อกตัญญูเช่นนี้หรือ”
เฉินยางรู้สึกน้อยใจนัก นางกระตุกแขนเสื้อเฝิงเยี่ยไป๋เป็นนัยขอร้องเขาว่าอย่าพูดอีกเลย แม่ลูกทะเลาะกันเช่นนี้ ต่างฝ่ายต่างโกรธ ฐานะของนางจะเข้าข้างใครก็ไม่ได้ จะกล่อมก็ไม่ได้ ช่างลำบากใจเสียจริง
“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ระหว่างสามีภรรยาไม่มีอะไรที่ปิดบังได้ แผลที่อยู่เต็มหลังนางก็ปิดบังข้าไม่อยู่ ตีก็ตีเถอะ แต่ยังตีไปที่เดียว นี่คือกลัวว่าข้าจะรู้หรือ”
เขาพูดเช่นนี้ไม่ได้ปกป้องเฉินยางตรงๆ แต่กลับเป็นการตบหน้าไทเฮาเช่นนั้น สามีภรรยาต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ไทเฮากลั่นแกล้งนางยังกลัวเขาจะรู้อีก ถูกพูดออกไปเสียหน้าแย่ เป็นถึงไทเฮาของแคว้น ทำเรื่องขายหน้าเช่นนี้ จะให้ใครไม่หัวเราะได้หรือ!
ไทเฮาถูกเขาพูดจนพูดไม่ออก หงอวี้โค้งตัวก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่ง “ท่านอ๋อง เรื่องสอนระเบียบพระชายาล้วนเป็นบ่าวที่ทำคนเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับไทเฮาเลย อีกอย่างเรื่องระเบียบนี้ หากทำผิดพลาด ถูกลงโทษก็เป็นเรื่องปกติ เหล่านางกำนัลในวังก็ผ่านมาเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นไทเฮาเองตอนแรกที่เรียนระเบียบอยู่นั้นก็ไม่ได้ถูกตีน้อยลงเลย นางกำนัลถูกตีไม่อาจเห็นเลือดได้ บนตัวจะทิ้งบาดแผลก็ไม่ได้ ด้วยกลัวจะเสียผิวพรรณและความงาม บ่าวปฏิบัติกับพระชายาก็เช่นกัน ลงโทษล้วนอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และไม่ให้ให้พระชายาเห็นเลือด บ่าวคิดว่าจะต้องมีการเข้าใจผิด ขอให้ท่านอ๋องไตร่ตรองให้ดีด้วย”
หงอวี้เป็นนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ข้างกายไทเฮา คำพูดและการกระทำล้วนมีเล่ห์เหลี่ยม ไม่กี่ประโยคก็เถียงเฝิงเยี่ยไป๋กลับไป แม้จะโค้งตัวอยู่ แต่กลับไม่มีท่าทางต่ำต้อยเลย ท่าทางนั้นประหนึ่งว่านางคือเจ้านายคนที่สองของตำหนักฉือหนิง
เฝิงเยี่ยไป๋กระตุกมุมปากยิ้ม ดูแล้วน่าประหลาดยิ่งนัก
“ทำผิดแล้วถูกตีไม่ใช่ไม่ถูก เพียงแต่ทั้งตัวมีที่ตั้งมากมาย ไม่จำเป็นต้องตีอยู่ที่เดียวกระมัง แต่ว่าที่ข้ามาวันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่อง เพียงแค่จะมาบอกไทเฮาว่า คนของข้าข้าจะพากลับแล้ว ภรรยาตระกูลเฝิงไม่ได้มีระเบียบมากมายเช่นนั้น หากไทเฮาว่างจริงๆ ละก็ มิสู้สนใจฮ่องเต้เสียหน่อย อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ วันหลังหากไม่สนใจท่านแล้ว ท่านจะทำเช่นไร”