ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 237 ทะเลาะกับนางเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง / ตอนที่ 238 ไข้ใจยังต้องใช้ยาใจรักษา
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 237 ทะเลาะกับนางเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง / ตอนที่ 238 ไข้ใจยังต้องใช้ยาใจรักษา
ตอนที่ 237 ทะเลาะกับนางเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง
ฟังจากน้ำเสียงของเขานั้น ดูเหมือนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะพาคนไป ไม่เห็นหัวคนเป็นแม่เป็นไทเฮาอย่างนางอยู่ในสายตาแล้วหรือ
เฉินยางตกใจสะดุ้งเฮือก ออกแรงดึงแขนเสื้อเฝิงเยี่ยไป๋ “อย่าพูดอย่างนี้เลย ข้าเคยบอกว่าจะไปเสียเมื่อไหร่ ท่านอย่าทำร้ายข้าเลย”
นางเริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้ว คำพูดจึงหลุดออกจากปากโดยไม่ได้ผ่านความคิด เฝิงเยี่ยไป๋ก้มศีรษะมองนาง เหมือนจะยิ่งมุ่งมั่นที่จะพานางไป สายตายังคงมองนางอยู่ เพียงแต่คำพูดกลับพูดกับไทเฮา “ไทเฮาอายุปูนนี้แล้ว ตอนแรกก็ควรจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ยุ่งเรื่องคนอื่นน้อยๆ หน่อยจะดีกว่า การมีความสุขกับชีวิตที่เหลือดียิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ไม่ควรจะต้องเป็นกังวลตอนแก่เฒ่าอีก ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนที่จากไปแล้วจะนอนตายตาไม่หลับ”
คำพูดแต่ละประโยคนั้นล้วนแทงใจไทเฮาดุจคมมีด ไทเฮาทนไม่ไหวน้ำตาไหลลงมา เอามือทุบอก เจ็บปวดยิ่งนัก นี่คือลูกชายที่นางคลอดออกมา ตอนนี้ทะเลาะกับนางเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง หลายปีมานี้นางคิดถึงเขาจนล้มป่วย ส่วนเขาเล่า ดี ดีเสียจริงๆ !
หงอวี้เห็นไทเฮาไม่ไหวแล้ว จึงรีบเข้าไปลูบหลังไทเฮา เฉินยางเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งร้อนรน ไทเฮาเกลียดนาง นางเสียแล้ว กลับทำให้ไทเฮาป่วยหนักกว่าเดิม จึงเริ่มดึงเฝิงเยี่ยไป๋ ออกแรงสุดตัวผลักเขาไปหน้าแท่นประทับของไทเฮาแล้วพูดว่า “อย่างน้อยพระองค์ก็เป็นแม่แท้ๆ ของท่าน จะยืนอยู่เฉยๆ ไม่สนใจได้อย่างไร รีบเข้าไปดู รีบไปเร็ว!”
ใช่แล้ว นั่นเป็นแม่แท้ๆ ของเขา ในใจแค้นเพียงใด ปากจะร้ายเพียงใด เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกดีนัก เพียงแต่ความแค้นนี้อยู่ในใจสิบกว่าปีแล้ว ในใจเขาเป็นห่วงเพียงใด ก็ไม่อาจเสียหน้าไปดูนางในทันที เฉินยางทั้งดึงทั้งผลัก เท้าของเขาเหมือนดั่งถูกล่ามโซ่เอาไว้ ไม่ขยับแม้แต่น้อย
สีหน้าของไทเฮาจู่ๆ ก็ขาวซีดทันที เอามือทาบอก ถึงกับหายใจลำบากเลยทีเดียว องหวี้เรียกนางกำนัลน้อยที่อยู่ข้างๆ ให้ไปตามหมอหลวงมา เฉินยางตกใจ ออกแรงสุดแรงเกิดผลักเขา “ท่านดู ตอนนี้ไทเฮาท่าทางย่ำแย่มาก ท่านรีบไปดูเร็วเข้า! นางคลอดท่านออกมา จะมีความผิดใหญ่หลวงอะไรก็ไม่พอให้ท่านแค้นนางเช่นนี้ ต่อให้ท่านแค้นนาง ก็คงไม่หวังจะให้นางเกิดเรื่องที่อาจเสียชีวิตได้กระมัง ข้าไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก อยากจะมีแม่ก็มีไม่ได้ ท่านเป็นคนที่มีแม่ไฉนถึงยังไม่รู้จักหวงแหนบ้างเลยเล่า”
นางพูดไปพลางผลักไปพลาง เฝิงเยี่ยไป๋อึ้งไปประหนึ่งถูกฟ้าผ่า ก็ใช่ เขาแค้นไทเฮามานาน แค้นที่หลายปีมานี้แม้นางมีทั้งโอกาสและวิธีก็ไม่ยอมมาเยี่ยมเขา แต่เขาก็ไม่เคยคิดอยากให้ไทเฮาเกิดเรื่อง จะว่าอย่างไรเป็นแม่ที่คลอดเขามา ลูกชายมองดูแม่ตัวเองเกิดเรื่องขึ้นโดยไม่สนใจเลย เช่นนั้นวันหลังเขาจะต้องเกลียดแค้นตัวเองไปทั้งชาติ แม้แต่ท่านพ่อที่จากไปแล้วหากรู้เข้าก็คงไม่ปล่อยเขาไปแน่
พอคิดได้เช่นนี้ เขาไหนเลยจะยังสนใจว่าจะเสียหน้าหรือไม่ ก้าวเท้ายาวๆ พุ่งเข้าไป ปลดกระดุมบนเสื้อไทเฮาหนึ่งเม็ด ไทเฮาก็ยังคงหายใจไม่ออก เฝิงเยี่ยไป๋จึงได้แต่อุ้มนางกลับไปที่ห้องนอน ทั้งป้อนน้ำทั้งลูบหลัง วุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง ไทเฮาถึงได้ดีขึ้นมา
เฉินยางยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความตึงเครียด นางไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าความรักของแม่เป็นอย่างไร ยิ่งไม่เข้าใจว่าไฉนเฝิงเยี่ยไป๋ถึงได้เกลียดแม่ของเขาเช่นนี้ นางคิดเพียงว่า ระหว่างแม่ลูกจะมีความแค้นใดที่แก้ไม่ได้ จะต้องทะเลาะถึงขั้นนี้ นางรู้สึกเหมือนไม่ใช่คนในครอบครัว ยืนอยู่ข้างๆ ถูมือไปมาด้วยความกังวล แล้วเหลือบมองไปที่เตียงเป็นบางครั้ง นางถึงกับดูหวาดกลัวและกระวนกระวายใจมากกว่าเฝิงเยี่ยไป๋เสียอีก
——
ตอนที่ 238 ไข้ใจยังต้องใช้ยาใจรักษา
โรคที่ไทเฮาเป็นนั้นเป็นโรคเก่า ตามที่หมอหลวงเล่าคือคิดถึงมากจนเป็นโรค ถึงได้เป็นโรคที่เจ็บหน้าอก เพราะเป็นโรคเก่า ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และไม่แน่ว่าจะกำเริบเมื่อใด ดังนั้นหมอหลวงจึงเตรียมยาที่ใช้ประจำอยู่ตลอด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเก็บของหากหมอหลวงถูกเรียก ดังนั้นแล้วไม่นานหมอหลวงก็มาถึง และยังคงทำตามขั้นตอนเดิมๆ จับชีพจร เขียนใบสั่งยา แล้วให้คนไปต้มยา จากนั้นก็กำชับหงอวี้ให้ไทเฮาพักผ่อนมากๆ อย่าได้เป็นกังวลใดๆ นี่เป็นไข้ใจ ไม่ได้มีวิธีอื่น ได้แต่รักษาไปตามอาการ
ในใจเฝิงเยี่ยไป๋บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร ทั้งที่เขาเกลียดนาง ต่อให้เข้าเมืองหลวงแล้ว อยู่ที่เดียวกับนางก็ทำใจแข็งไว้แล้วว่าไม่อยากพบนาง ความแค้นนี้มาจากที่ใดหรือ ตอนแรกเพียงแค่ไม่พอใจนาง ฮ่องเต้องค์ก่อนจากไปนางมีโอกาสมากมายกลับมาเยี่ยมพวกเขาได้ เพียงแต่นางไม่เคยกลับมาเลย ก่อนที่ท่านพ่อของเขาจะจากไปนั้นท่านพ่อดื่มเหล้าทุกวัน เมื่อก่อนเป็นคนที่แข็งแรงปานใด ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระนครที่ยิ่งใหญ่ เป็นใต้เท้าเฝิงผู้เลื่องชื่อลือชา แต่สุดท้ายเล่า ผอมจนเหลือเพียงกระดูก ก่อนจะจากไปปากยังร้องเรียกชื่อท่านแม่ของตน ตายไปทั้งที่ตาไม่หลับ ความแค้นนี้เป็นเพราะนางที่ทำให้เพิ่มมากขึ้น
เฉินยางยืนอยู่ข้างๆ อยู่นาน เห็นเฝิงเยี่ยไป๋ท่าทางเศร้าหมอง จึงค่อยๆ ขยับเข้าไปหาเขาแล้วกระตุกมือเขาด้วยความระมัดระวัง เห็นเขาไม่ตอบสนอง จึงกุมมือเขาไว้เงียบๆ แล้วเอ่ยว่า “ไฉนท่านถึงมาแล้ว ไทเฮาไม่เป็นไรแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋ถึงได้ดึงสติกลับมามองนาง บีบมือนางตอบ แล้วปลอบนางแทน “ข้าไม่เป็นไร ทำเจ้าตกใจแล้วสินะ อีกประเดี๋ยวพวกเรากลับบ้านกัน”
เรื่องมาถึงตอนนี้เฉินยางก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรแล้ว ไทเฮาโกรธถึงขนาดนี้ หากนางยังอยู่ที่นี่เกะกะสายตาของนาง พูดคำพูดที่ขัดใจนางอีก เกิดเป็นอะไรขึ้นมา นางจะแก้ตัวได้ยาก เช่นนั้นแล้วนางกลับไปเสียดีกว่า อีกอย่าง ไทเฮาก็ไม่ได้มีสีหน้าดีๆ ให้นาง หากอยู่ต่อทั้งสองฝ่ายก็ไม่สบายใจ อย่างไรก็สู้ไม่อยู่ให้เกะกะสายตาของนาง ปล่อยให้นางหายเร็วๆ ดีกว่า
นางออกแรงพยักหน้า คว้ามือเฝิงเยี่ยไป๋แล้วพูดด้วยความกังวลว่า “ไทเฮาไม่เป็นไรใช่หรือไม่ เมื่อครู่ทำเอาข้าตกใจหมด โชคดีที่หมอหลวงมาได้ทันเวลา”
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะนาง “นางไม่ดีกับเจ้า เจ้าจะเป็นห่วงนางทำไม ไม่โกรธหรือ”
เฉินยางก้มหน้าบ่นอุบ “แน่นอนว่า… โกรธ ข้ารู้ว่าไทเฮาไม่ชอบข้า แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเล็ก ชีวิตคนสำคัญกว่า มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตคนอีก นางไม่ดีต่อข้า กับคนอื่นก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ต้องมีคนอยากให้นางดีขึ้น” เฉินยางหยุดเล็กน้อย เงยหน้ามองเขา “ก็คือท่านไม่ใช่หรือ ท่านคงไม่อยากให้ไทเฮาเป็นอะไรไม่ใช่หรือ”
นางช่างมีจิตใจที่หาได้ยากนัก เหมือนกับพ่อของนาง จิตใจดี เป็นสตรีที่ดีโดยแท้ มีอะไรก็พูดเช่นนั้น ไทเฮาไม่ชอบนาง นางก็ไม่ชอบไทเฮา มีอะไรเช่นนั้นหรือ ต่อหน้าเขาไม่ต้องหลบซ่อน พูดออกมาตรงๆ ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ดูแล้วช่างน่าดีใจยิ่งนักที่สตรีที่ดีเช่นนี้เป็นของเขา เพียงแค่คิดเขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
หงอวี้ปรนนิบัติไทเฮาให้นอนลง ปล่อยม่านแล้วเดินออกไป โค้งคำนับให้เฝิงเยี่ยไป๋แล้วพูดว่า “ไทเฮาไม่เป็นไรแล้ว เมื่อครู่ได้รับยาไป บรรทมหลับไปแล้ว ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นกังวล”
“ในเมื่อไทเฮาหลับไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็กลับก่อน” เขาดึงเฉินยางก้าวเท้ายาวๆ เดินไปสองก้าวก็หยุดลง หันหลังกลับมากำชับหงอวี้ว่า “ดูแลไทเฮาดีๆ อย่าให้เป็นอะไร อีกสองสามวันข้าจะมาเยี่ยมนางอีก”