ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 241 เป็นลูกหลานมังกรอย่างแท้จริง / ตอนที่ 242 ท่านอ๋องใจแข็งปฏิเสธ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 241 เป็นลูกหลานมังกรอย่างแท้จริง / ตอนที่ 242 ท่านอ๋องใจแข็งปฏิเสธ
ตอนที่ 241 เป็นลูกหลานมังกรอย่างแท้จริง
หลี่เต๋อจิ่งตอบรับแล้วนำเฉินยางไปก่อน
เมื่อไม่ต้องเป็นกังวล เฝิงเยี่ยไป๋ก็ค่อยๆ สงบใจลง เขาก้าวตามฮ่องเต้ค่อยๆ เดินไปข้างหน้า
ฮ่องเต้พระหัตถ์ไพล่หลัง ด้านหลังพระองค์นั้นมีคนกลุ่มใหญ่ตามเสด็จ ความยิ่งใหญ่นี้ ใต้ฟ้าคงมีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นถึงจะมีได้ เฝิงเยี่ยไป๋แค่นเสียงหึในใจเบาๆ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ รอให้ฮ่องเต้เอ่ยปาก
“เราจำได้ว่า ตอนยังเด็ก ในสำนักศึกษาก็มีแต่เจ้าที่ฉลาด ไม่ใช่เพียงฉลาด แถมยังใจกล้าอีกด้วย ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นรัชทายาท รัชทายาทในตอนนั้นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้า เพราะความโอหังจึงถูกเจ้าสั่งสอนไปรอบหนึ่ง แต่พระบิดานอกจากจะไม่ลงโทษเจ้า แถมยังชมเจ้าอีก ตอนนั้นทำเอาพี่ชายข้าแค้นจัดจนพูดออกมาว่าจะฆ่าเจ้าอยู่เลย เพียงแต่น่าเสียดายนักที่เขากลับด่วนจากไปเสียก่อน รัชทายาทที่น่าอายเช่นนี้ นับว่าเขาเป็นคนแรกของต้าเยี่ยเรา”
ไม่รู้นึกอย่างไรฮ่องเต้ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เฝิงเยี่ยไป๋ฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาผ่อนคลาย กลับไม่เหมือนมีความหมายอะไรแฝงอยู่ในคำพูด จึงพูดตามน้ำต่อว่า “ตอนนั้นกระหม่อมไม่รู้ระเบียบ จึงได้มีเรื่องกับรัชทายาท โชคดีที่ฮ่องเต้องค์ก่อนพระทัยกว้างขวางมิได้ลงโทษ ไม่เช่นนั้น กระหม่อมคงเป็นเพียงเถ้ากระดูกไปแล้ว”
ฮ่องเต้มองเขาแล้วหัวเราะเบาๆ “ตั้งแต่เด็กพระบิดาก็ชอบเจ้า ชมว่าเจ้าฉลาด บอกว่าเจ้ามีความสามารถ อนาคตจะต้องเป็นเสาหลักของแคว้น แถมยังบอกอีกว่าหากเจ้าเป็นรัชทายาท จะต้องยิ่งใหญ่กว่ารัชทายาทที่ดีเพียงเปลือกอย่างพวกเราแน่นอน กอปรกับเมื่อไทเฮาเข้ามาในวังตอนหลัง ความรักของพระบิดาที่มีต่อเจ้าก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นมิได้ลดลงเลย แต่ตอนหลังใต้เท้าเฝิงลาราชการกลับวัง หลังจากที่พวกเจ้าพ่อลูกออกจากเมืองหลวง พระบิดาก็ยังรู้สึกเสียดายไปพักใหญ่ทีเดียว”
เฝิงเยี่ยไป๋ฟังแล้วหัวเรื่องไม่ใช่ ในใจก็ตึงเครียดขึ้นมา ฮ่องเต้ตรัสจบก็หยุดเล็กน้อย แล้วถอนพระปัสสาสะตรัสอีกว่า “ตอนหลังพระบิดาได้ทิ้งราชโองการไว้ฉบับหนึ่ง คาดว่าคงรังเกียจที่เรานี้ใช้ไม่ได้ กลัวแผ่นดินต้าเยี่ยจะพังทลายอยู่ในมือเรา จึงได้เขียนราชโองการฉบับหนึ่งให้กับไทเฮา เพื่อจะให้มีคนมาสืบบัลลังก์ฮ่องเต้แทนเราได้ในทันที ข่าวลือที่ว่าเจ้าก็รู้ ล้วนบอกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ที่แต่งตั้งในราชโองการเป็นเจ้า เราก็รู้สึกว่าเป็นเจ้า ตอนพระบิดายังมีพระชนม์ชีพอยู่ก็ให้ความสำคัญเจ้ามาก ตอนหลังพระองค์รู้สึกผิดต่อไทเฮามากมาย ตำแหน่งฮ่องเต้นี้ จึงมีโอกาสที่จะเป็นเจ้ามากที่สุด”
พูดไปพูดมา สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องราชโองการ เพียงแต่เขาก็ได้ราชโองการไปแล้ว ข้างในเขียนอะไรไว้พระองค์รู้ดีที่สุด ไฉนตอนนี้ถึงมาถามเขาอีก ล่อลวงคำพูดจากเขามิสู้ไปถามไทเฮา คนที่ได้จับราชโองการก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ไฉนถึงมาถามเขาได้
เฝิงเยี่ยไป๋เหม่อเล็กน้อย ถอยหลังมาก้าวหนึ่งพูดว่า “ฝ่าบาทเป็นพระโอรสของฮ่องเต้องค์ก่อนและฮองเฮา เป็นลูกหลานมังกรที่แท้จริง ในพระวรกายมีพระโลหิตของราชวงศ์ไหลอยู่ ใต้ฟ้านี้เป็นใต้ฟ้าของตระกูลอวี่เหวิน ฮ่องเต้องค์ก่อนจะมอบแผ่นดินให้กับคนนอกได้อย่างไร”
นี่คือเปลี่ยนวิธีลวงคำพูดจากเขา คงเป็นเพราะราชโองการมีปัญหาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเขาเพียงทำลายราชโองการ ก็คงไม่มีเรื่องอะไรและไม่ต้องมาถามเขาแล้วไม่ใช่หรือ คาดเดาคือคาดเดา จะใช่หรือไม่เขายังต้องลวงคำพูดจากฮ่องเต้กลับ วางแผนทำร้ายคนหรือ เจ้าวางแผนใส่ข้าข้าวางแผนใส่เจ้า ในเมื่อจะสู้กันบนเวที เช่นนั้นแล้วก็ต้องใส่ให้เต็มที่ จะให้คนอื่นจูงจมูกเดินไม่ได้
คำพูดของเฝิงเยี่ยไป๋ตอบกลับได้อย่างไม่มีที่ติ แม้แต่น้ำเสียงก็เรียบนิ่ง ดูอะไรไม่ออกเลย ฮ่องเต้ก็รู้สึกฉงนใจ ว่าแล้วว่าเฝิงเยี่ยไป๋มิใช่คนที่ต่อกรด้วยได้ง่ายนัก แม้แต่สีหน้าก็ซ่อนอย่างมิดชิด ทำให้หาจุดอ่อนไม่ได้เลย พระองค์เสด็จพระราชดำเนินช้าลง กดเสียงต่ำตรัสถามเขาว่า “เจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือ”
——
ตอนที่ 242 ท่านอ๋องใจแข็งปฏิเสธ
การแข่งวางแผนกับคนอื่น สิ่งสำคัญที่สุดคือความอดทน คนที่อดทนไม่ได้ก่อนก็จะเผยจุดอ่อน ฮ่องเต้มีนิสัยใจร้อน พอถามไปสองสามประโยคแล้วไม่ได้ความก็เริ่มจะร้อนรนขึ้นมา เฝิงเยี่ยไป๋กลับสงบนิ่ง พระองค์ถามมาเขาก็ตอบไป ก็เพียงแค่เอาใจไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านั้นเขาคร้านจะสนใจฮ่องเต้ ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ในเมื่ออยู่ใต้ชายคาคนอื่ก็จำต้องก้มศีรษะให้ คล้อยตามพระองค์ไปก่อนแล้วกัน เพียงแต่น้ำเสียงของเฝิงเยี่ยไป๋ก็มิได้ต่ำต้อยแต่ก็ไม่หยิ่งยโส แม้จะโค้งตัวก็ต้องมีท่าทางที่มั่นใจแข็งกร้าว “ที่กระหม่อมทูลก็เป็นไปตามที่ใจกระหม่อมคิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หยุดพูดไปนาน จากนั้นก็พยักพระพักตร์ ตรัสอ้อมค้อมว่า “อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง ความจริงแล้วเราก็ชื่นชมเจ้า เพียงไม่กี่ปีก็สามารถทำการค้าไปถึงนอกด่านได้ เราได้ยินว่าชนป่าเถื่อนนั่นล้วนแย่งซื้อผ้าของเจ้า ฉลองพระองค์ที่เราสวมอยู่ในงานชุมนุมใหญ่นั้นเป็นหน้าเป็นตาให้กับเราและต้าเยี่ยไม่น้อย เจ้ามีผลงาน ความสามารถก็มากกว่าเหล่าขุนนางแก่เฒ่าที่ถือว่าตัวอาวุโสกว่าแล้วดูถูกคนอื่น ดังนั้น เราจึงคิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ จะเชิญเจ้าเข้ามาร่วมหารือในราชสำนักด้วยกัน”
ตอนแรกตำแหน่งนี้เป็นเพียงตำแหน่งลวง มีเพียงชื่อแต่ไร้อำนาจ ก็เพื่อจะควบคุมเขาได้ง่ายๆ ถึงได้คิดแผนนี้ออกมา ไฉนตอนนี้ถึงคิดจะให้เขามีอำนาจเข้าราชสำนักหารือราชกิจด้วยกันแล้ว พังพอนเยี่ยมไก่ตอนปีใหม่ต้องคิดไม่ดีแน่ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย
อย่างไรเสียตนจะให้พระองค์จูงจมูกเดินไม่ได้ เฝิงเยี่ยไป๋นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง มิได้กล่าวขอบพระทัยกับพระองค์แต่กลับพูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีใจจะทำงานราชสำนัก ให้เป็นท่านอ๋องที่ไม่ยุ่งเรื่องใดๆ อยู่ในเมืองหลวงยังสบายกว่า อีกอย่าง กระหม่อมทำการค้ามาหลายปี เรื่องงานราชการก็ลืมจนหมดสิ้น กระหม่อมขี้เกียจนัก ฝ่าบาทให้กระหม่อมตื่นตีห้าทุกวันไปตำหนักเฉียนชิงฟังราชโองการคิดหาวิธีแก้ปัญหา กระหม่อมเกรงว่าจะไม่มีความสามารถ!”
วันนี้อากาศร้อน แม้จะมีขันทีถือพระกลดสีเหลืองเดินตาม แต่ฮ่องเต้ก็ยังคงร้อนจนเหงื่อซึมหน้าผาก แดดที่ร้อนจัดส่องลงมา ทำเอาความอดทนของคนหมดไป รับสั่งของฮ่องเต้ที่ออกไปแล้วไม่มีเหตุผลที่จะเก็บคืนมาได้ พระองค์จึงสะบัดพระหัตถ์ด้วยความหงุดหงิด แล้วตกลงเรื่องนี้ไปเลย “เจ้ามีความสามารถเพียงใดไม่มีใครรู้ดีกว่าเราแล้ว ในเมื่อเราพูดเช่นนี้แล้ว เจ้าก็ต้องเข้าตำหนักมาแบ่งเบาภาระให้เรา ทุกอย่างล้วนทำเพื่อประชาชนที่อยู่ใต้หล้า ท่านอ๋องจะใจแข็งปฏิเสธได้หรือ”
ว่าแล้วว่าฮ่องเต้ต้องวางแผนใส่เขาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่รีบร้อนให้เขาเข้าราชสำนัก การไม่เข้าราชสำนักสำหรับเขาแล้วเป็นเพียงการกักบริเวณเท่านั้น ความผิดพลาดที่ให้ฮ่องเต้จับได้นั้นย่อมมีน้อยยิ่งนัก แต่พอเข้าราชสำนักแล้ว ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถเป็นเหตุให้คนอื่นนินทาได้ เช่นนั้นแล้วก็ยิ่งต้องระมัดระวัง
ฮ่องเต้ช่างวางแผนมาดีเสียจริงๆ สามารถคิดวิธีนี้ได้ก็คงจะใช้ความคิดไม่น้อย อีกอย่าง ฟังความหมายในคำพูดของพระองค์แล้ว ไม่ได้มีช่องโหว่ให้ต่อรองได้เลย นอกจากตอบรับแล้วเขาก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีก
ฮ่องเต้ไม่รอเขาตอบรับก็โบกพระหัตถ์ เสด็จพระราชดำเนินต่อไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่แล้ว
ต้องเป็นเพราะราชโองการเกิดปัญหาบางอย่างแน่ ได้ยินว่าราชโองการนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนเขียนขึ้นตอนใกล้สิ้นพระชนม์ ในเมื่อเป็นช่วงเวลาใกล้สิ้นพระชนม์เช่นนั้นแล้วต้องมีความเร่งรีบอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าในราชโองการได้เขียนอะไรที่ทำให้ฮ่องเต้ทรงเป็นกังวล อาจไม่ใช่เป็นราชโองการที่แต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ รัชทายาทสืบทอดตำแหน่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล อย่างไรเสียฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไม่อาจทำลายแผ่นดินที่ตัวเองสร้างขึ้นมาแน่ เช่นนั้นแล้วจะเป็นสิ่งใดได้อีก สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้ทรงกังวลได้ยังจะเป็นอะไรได้อีกหรือ
ตั้งแต่อดีต ผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ เปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ มักจะหลีกเลี่ยงการหลั่งเลือดไม่ได้ ต่อให้เป็นรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ตามปกติ ในพระหัตถ์ย่อมเปื้อนเลือดพี่น้องตัวเองอยู่ไม่น้อย