ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 257 ฝีมือไร้ที่ติ / ตอนที่ 258 ไม่รับไว้ก็คือดูถูกข้า
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 257 ฝีมือไร้ที่ติ / ตอนที่ 258 ไม่รับไว้ก็คือดูถูกข้า
ตอนที่ 257 ฝีมือไร้ที่ติ
เฉินยางจ้องใส่เขาด้วยท่าทางกล่าวโทษว่า “ท่านว่าใครเป็นภรรยาใจโหด รังเกียจข้านัก ท่านก็แต่งใหม่อีกสิ ข้าไม่ได้ห้ามท่านเสียหน่อย”
เขาขมวดคิ้วตำหนินาง “พูดเพ้อเจ้ออะไรกัน ในเมื่อข้าเลือกเจ้าแล้ว เช่นนั้นชาตินี้ก็จะมีเพียงเจ้าเท่านั้น จะไม่แต่งใหม่อีก”
ที่จริงแล้วในใจนางก็รู้สึกดีใจ เพียงแต่ไม่พูดออกมาและไม่แสดงสีหน้า นางทาแป้งกับชาดบนหน้าเขาบางๆ แล้วพิจารณาอย่างละเอียด เดิมทีเขาก็เป็นคนที่ดูดีอยู่แล้ว ตอนนี้จึงยิ่งสมบูรณ์แบบเข้าไปใหญ่ สีแดงจางๆ บนหน้า มองไปแล้วดูดีนัก
“ได้แล้ว” นางทำเสร็จในที่สุด ตัวเองมองดูเล็กน้อย รู้สึกพอใจมาก
เพียงแต่เฝิงเยี่ยไป๋มองดูนางยิ้มเช่นนี้กลับไม่รู้สึกว่าดีเท่าไรนัก เขาเดินไปมองตัวเองที่กระจกด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย เขาขยับเข้าไปใกล้ๆ มองทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างละเอียด ว่าไปนั่น นอกจากแดงไปหน่อยแล้ว ฝีมือนางนับว่าไร้ที่ตินัก
เฉินยางรู้สึกภูมิใจ “ไม่เลวใช่หรือไม่”
ไม่เลวจริงๆ เพียงแต่คำชมนี้พูดออกมาไม่ได้ หากชมนางจนเหลิงแล้ว วันหลังนางมีหวังทำอะไรกับหน้าเขาอีกบ่อยๆ แน่ จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ เขาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นลำบากใจว่า
“ไม่เลวอะไรกัน ข้ามองดูแล้วใช้ไม่ได้ เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวไม่มีครั้งต่อไปอีก หลังจากนี้ถ้าเจ้าจะตี ก็เลี่ยงใบหน้า จะออกแรงที่ใดก็ได้ ตีคนไม่ตีหน้า นี่เป็นกฎ”
นางวางกล่องแป้งชาดด้วยความเหนื่อยหน่าย แล้วทำหน้าทะเล้นใส่เขา “หากครั้งต่อไปท่านทำกับข้าเช่นนี้อีก ข้าไม่ตีท่านหรอก แต่ข้าจะไป ไปให้ไกลๆ ให้ท่านหาข้าไม่เจอตลอดชีวิต”
“นี่ เจ้าเอาจริงหรือ” การพูดจาหยอกล้อนี้ช่างยากจะได้เห็นนัก เขายังอยากจะพูดคุยหยอกล้อกับนางเสียอีกหน่อย ทว่าผู้ดูแลที่อยู่ข้างนอกก็ส่งเสียงเตือนเขาอย่างไม่รู้เวลาเอาเสียเลย “ท่านอ๋อง ถึงเวลาแล้ว พวกเราควรจะเข้าวังได้แล้วขอรับ”
“รู้แล้ว เจ้าไปรอข้าที่ประตู” ตอนแรกเขาก็มีความน่ายำเกรงอยู่แล้ว พอกล่าวถึงตัวเองก็ยิ่งมีความห้าวหาญมากขึ้น เขาดึงสายคาดเอวจากนาง จัดการตนเองให้เรียบร้อยแล้วบอกลานาง “ข้าเข้าวังแล้ว มีเรื่องใดรอให้ข้ากลับมาค่อยว่ากัน… ยังเดินเท้าเปล่าอีก กลับไปนอนต่อเสียอีกหน่อยเถอะ”
เฉินยางลูบจมูกตัวเองแล้ววิ่งกลับไปที่เตียงด้วยความเศร้าหมองเล็กน้อย “เรื่องค่าเดินทาง…”
“ประเดี๋ยวข้าให้ผู้ดูแลเอามาให้เจ้า ครึ่งหนึ่งให้อิ๋งโจว อีกครึ่งหนึ่งเจ้าเก็บไว้ใช้เอง”
นางพยักหน้ารับ ในใจกลับคิดอีกแบบ นางเอาเงินมาก็ไม่มีที่ใช้ จะกินจะใช้ก็ไม่ต้องกังวล กลับเป็นอิ๋งโจว เดินทางรักษาคนไข้ หากพบคนยากไร้ไม่มีเงิน เขายังจะให้เงินอีกด้วยซ้ำ แม้ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือออกไปแล้วก็จริง แต่ก็จนอยู่ดี นางเก็บไว้เพียงเล็กน้อยก็พอ ที่เหลือจะให้เขาหมด อย่างไรเสียช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เพียงแค่เขาดูแลนางก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทดแทนด้วยค่าตอบแทนเพียงเท่านี้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้
หลังจากที่เฝิงเยี่ยไป๋จากไป นางก็ลุกขึ้นมา สาวใช้เข้ามาจะปรนนิบัติแต่งตัวให้นาง แต่นางไม่ยอม นางจัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเอาเงินที่ผู้ดูแลส่งมาให้ไปหาอิ๋งโจว
อิ๋งโจวเป็นหมอ เรื่องการดูแลสุขภาพย่อมมีวิธีของตนเอง ตอนที่เฉินยางไปหาเขา เขากำลังตากยาสมุนไพรที่เมื่อวานเพิ่งเด็ดมาใหม่ๆ อยู่ในลาน เฉินยางยืนอยู่ที่ซุ้มประตูเรียกเขา เขาหันหลังกลับมาแล้วคำนับให้นาง ยังคงรักษาท่าทีตามมารยาท
เฉินยางแกล้งทำเป็นโกรธพูดว่า “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้ท่านเกรงใจกับข้าเช่นนี้ พระชายาเป็นคำที่คนอื่นใช้เรียก ท่านคำนับข้าเช่นนี้ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะยั่วโมโหข้าหรือ”
อิ๋งโจวยิ้มแต่ไม่ตอบ เฉินยางเอาตั๋วเงินที่เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางยื่นให้อิ๋งโจว “เงินเหล่านี้ท่านนำติดไป ไม่ต้องตากสมุนไพรขายแล้ว ท่านหมออิ๋งโจวทำเพื่อข้าจึงต้องเสียการค้าที่กระท่อมยาแล้ว เงินที่เกินมานั้น ถือว่าเป็นการชดเชยแล้วกัน”
——
ตอนที่ 258 ไม่รับไว้ก็คือดูถูกข้า
อิ๋งโจวมองตั๋วเงิน เจ้าเด็กนี่ใจป้ำนัก คนเขาโปรยเงินมา ก็มากเท่ากับเงินที่เขาทำงานโดยไม่กินไม่ใช้หลายปีเลย อีกอย่าง ตอนแรกที่เขามาที่เมืองหลวง ก็ไม่ใช่เพียงแค่ทำเพื่อนาง เงินนั้นเขารับไว้แล้วจะรู้สึกผิด จึงไม่ยอมรับเอาไว้
เฉินยางเห็นเขาไม่ยอมรับเอาไว้ จึงแกล้งทำเป็นไม่พอใจกล่าวว่า “ท่านหมอไม่ยอมรับหรือ เงินนี่ท่านควรจะได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่านไม่ยอมรับเอาไว้ คงไม่ใช่ว่าดูถูกข้ากระมัง”
นางจงใจแกล้งพูดเฉไฉออกไป ความจริงแล้วในใจนางไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่สีหน้าทำได้เหมือนจริงมาก อิ๋งโจวกลับคิดว่านางโกรธแล้วจริงๆ จึงรีบอธิบายว่า “ไม่ใช่ เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด เพียงแต่… เงินเหล่านี้มากเกินไปจริงๆ ข้ารับเอาไว้ไม่ได้”
“ท่านช่วยข้าไว้ ไฉนถึงรับเอาไว้ไม่ได้ บุญคุณน้อยนิดควรตอบแทนอย่างใหญ่หลวง หนำซ้ำยังเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิตอีก เงินเหล่านี้ ข้าบอกว่าท่านรับเอาไว้ได้ก็คือรับเอาไว้ได้ อีกอย่างผ่านมานานเช่นนี้ การค้าที่กระท่อมยาก็คงจะร้างไปนานแล้ว กลับไปยังต้องเปิดกระท่อมยาใหม่อีกครั้ง แต่ละอย่างล้วนต้องใช้เงิน ท่านไม่มีเงินติดตัวเลย กลับไปจะทำเช่นไร”
นางเองก็อยู่ที่กระท่อมยามานานหลายเดือน อิ๋งโจวมีสภาพเป็นอย่างไรในใจนางรู้ดี เหล่าชาวบ้านที่อยู่ตรงเชิงเขาต้าเหลียงนั้น สิบคนมีเก้าคนเป็นคนจน เจ็บไข้ได้ป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีเงินหาหมอซื้อยา อิ๋งโจวก็ลงเขาไปช่วยพวกเขาอยู่บ่อยๆ สมุนไพรไม่ใช้เงิน ครั้งหนึ่งจึงให้ไปหลายชุด นับเวลาไป รอให้พวกเขากินใกล้หมดแล้ว ก็ลงจากเขาไปส่งยาให้พวกเขาอีก เป็นเช่นนี้นานวันเข้า อย่าว่าแต่หาเงินเลย เอาเงินตัวเองไปช่วยเหลือก็ไม่พอ แม้จะมีคนไข้ที่มาตามชื่อเสียงไม่น้อย ยอมจ่ายหนักเพื่อซื้อสุขภาพของร่างกาย เพียงแต่เงินที่หามาได้เหล่านั้น ก็ล้วนถูกอิ๋งโจวใช้ช่วยคนอื่น ตัวเขาเองมักจะไม่มีเงินติดตัวเลย แถมยังต้องเลี้ยงผู้ช่วยเด็กอีก ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ยังเป็นปัญหาด้วยซ้ำ
นางพูดได้ลึกซึ้งนัก ที่พูดมาล้วนแต่เป็นความจริง อิ๋งโจวจะไม่รู้สภาพตนเองได้อย่างไร เพียงแต่ให้เขารับเงินไว้มากมายเช่นนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
เฉินยางรู้เพียงว่ายิ่งมากยิ่งดี ย่อมไม่รู้ว่าในใจอิ๋งโจวคิดอะไรอยู่ เห็นเขายังคงไม่ยอมรับเอาไว้ ด้วยความเหนื่อยใจ นางม้วนตั๋วเงินหนาเตอะ แล้วยัดใส่มือเขา “ท่านก็รับเอาไว้เถิด รับเอาไว้แล้วข้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้สึกผิดเอาได้”
อิ๋งโจวอึ้งเล็กน้อย ทำท่าจะคืนให้นางเหมือนของร้อนลวกมือ ทว่าเฉินยางถอยหลังหลบไปสองก้าว “หากท่านยังเป็นเช่นนี้อีกข้าจะไม่พอใจแล้ว นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านควรจะได้ คนอื่นอยากได้ยังไม่ได้เลย ไฉนท่านถึงเอาแต่ปฏิเสธตลอดเลยเล่า”
ช่างดึงดันจะหาหนทางให้ได้จริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่รักษานางเขาก็อ่านนิสัยดื้อดึงของนางออก เห็นทีไม่รับเอาไว้คงจะไม่ได้เสียแล้ว เพียงแต่ต่อให้รับไว้ก็คงไม่รับมากมายเช่นนี้ เขาดึงออกมาเพียงสองใบ ส่วนที่เหลือคืนให้กับนาง “หากจะให้ข้ารับไว้จริงๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือเจ้าเก็บไว้ใช้เองเถิด”
เฉินยางขมวดคิ้วบ่น “มีเท่าไรเอง รับไปอีกหน่อยเถิด อย่างน้อยก็ให้พอกลับไปใช้ชีวิต”
“พวกเราอยู่ที่กระท่อมยาบนเขามิต้องใช้เงิน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เจ้ามีจิตเช่นนี้ข้าดีใจมาก เพียงแต่ผู้รักษาคนควรมีจิตเมตตา ที่ข้าทำอยู่ก็เพื่อสร้างบุญให้กับตนเอง เจ้าก็ไม่ต้องใส่ใจนักเลย”
เขานับถือพุทธ และเชื่อว่าความดีที่ตัวเองทำไว้ตอนยังมีชีวิตอยู่ยิ่งมากเท่าไร บุญที่สั่งสมไว้ก็ยิ่งมากเท่านั้น ยามที่ต้องไปพบยมบาลจะได้มีเบี้ยต่อรอง ใช้แลกเปลี่ยนกับยมบาล ให้เขาชาติหน้าเกิดใหม่ได้อยู่กับจี้เสียน ชาตินี้นางกับเขาอยู่ด้วยกันสั้นนัก ชาติหน้าจะต้องอยู่ด้วยกันยาวๆ ถึงจะดี
เฉินยางมองเขาด้วยความงุนงง นางมองอยู่นานก็พยักหน้าช้าๆ เหมือนจะเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ กระนั้นก็ยังแกล้งทำเป็นเข้าใจ