ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 275 คำว่ารักนั้นทรมานคน / ตอนที่ 276 เรื่องเช่นนี้เต็มใจทั้งสองฝ่ายย่อมดีกว่า
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 275 คำว่ารักนั้นทรมานคน / ตอนที่ 276 เรื่องเช่นนี้เต็มใจทั้งสองฝ่ายย่อมดีกว่า
ตอนที่ 275 คำว่ารักนั้นทรมานคน
คนมักบอกว่าหากรักใครคนหนึ่งก็จะกลัวสูญเสียคนนั้นไป ตอนนี้เฝิงเยี่ยไป๋ก็มีความรู้สึกเช่นนั้น เขารักเว่ยเฉินยางมากกว่าเว่ยเฉินยางรักเขา ระหว่างทั้งสองคน หากเกิดความผันเปลี่ยนใดขึ้นมา นางสามารถออกจากความสัมพันธ์นี้ได้ไปอย่างสง่า แต่เขาทำไม่ได้ เขาปล่อยมือไม่ลง ความรักนั้นทรมานยิ่งนัก นี่ยังไม่ได้เกิดสิ่งใดขึ้นเลยเขาก็เป็นกังวลมากมายเสียแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้
เฉินยางหาวสองสามครั้งต่อเนื่อง เห็นเขาไม่ขยับจึงนอนลงไปก่อน เขาโตขนาดนี้แล้ว น่าจะดูแลตัวเองได้กระมัง ต่อให้ทำไม่ได้ก็ยังมีสาวใช้และขันทีที่อยู่นอกประตูอีก ไม่จำเป็นต้องให้นางทำ นางหลับเองเสียดีกว่า
นางเป็นเช่นนี้เหมือนไม่สนใจเขาเช่นนั้น ล้มตัวแล้วก็หลับ เขามองแล้วรู้สึกท้อใจ ดูนั่น ความจริงใจของตัวเองล้วนเอาไปเลี้ยงสุนัขเสียแล้ว นางไม่สนใจเลย เพลิงโทสะในใจลุกโหมทำเอาเขานั่งไม่ติด เขาจะให้นางเป็นผู้หญิงของเขา และเขาก็จะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของนาง
การจะตัดสินใจนั้นไม่ใช่เรื่องยาก นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจตลอด เมื่อก่อนมีโอกาสมากมายที่จะทำเรื่องนี้ เพียงแต่พอนางไม่ยอมเขาก็ใจอ่อนปล่อยนางไป แต่ครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งนี้เขาต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงวางใจไม่ได้เสียที
“เว่ยเฉินยาง…ตื่นๆ …” เขาถอดชุดนางไปพลางเรียกนางไปพลาง จากนั้นถอดเสื้อตัวนอกของตนออกแล้วก้มตัวลงจูบแก้มนางด้วยความตั้งใจและอ่อนโยนเป็นพิเศษ
เฉินยางไม่ยอมตื่น นางได้ยินเสียงถอดเสื้อผ้าของเขา จึงหันหลังให้เขา แล้วหลับตาลงอย่างไม่ไยดี หัวใจกลับเต้นแรงไม่หยุด นางทำอะไรไม่ได้ จะให้ทำเรื่องเช่นนี้กับเขา นางยังคงกลัวอยู่ ในเมื่อยอมรับไม่ได้ก็ได้แต่หนี แกล้งหลับดีหว่า นางหลับไปแล้วเขาก็ทำอะไรนางไม่ได้
เพียงแต่เฝิงเยี่ยไป๋ราวกับตัดสินใจเด็ดขาด เมื่อครู่ยังคุยกับนางอยู่ ตอนนี้กลับหลับไปเสียแล้วหรือ นางแกล้งหลับไม่ยอมตื่น เช่นนั้นเขาก็จะทำจนกว่านางจะตื่น เขาจับไหล่นางให้นางนอนหงาย แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้นางช้าๆ จูบหน้าผากนางก่อนจะไล่ลงไปยังจมูกไปถึงริมฝีปาก ต่อด้วยคอของนาง จุดไฟไปตามทาง ราวกับจุดไฟเผาป่า พอติดขึ้นมาก็กลายเป็นไฟกองใหญ่ รอให้ไฟลามมากขึ้น นางรู้สึกตัวขึ้นมาคิดจะห้ามก็กลายเป็นทะเลเพลิงเสียแล้ว อาศัยเพียงแรงของนางคนเดียวก็ไม่อาจดับได้
สุดท้ายนางทนไม่ไหวลืมตาขึ้นมา ยกมือผลักไหล่เขา ถีบผ้าห่มแล้วถอยหลังไป “ดึกเช่นนี้แล้ว ไฉนท่านถึงยังไม่นอนอีก”
เขาอมยิ้ม “ข้าก็นอนอยู่มิใช่หรือไร ไม่ต้องรีบ นี่เพิ่งจะไปถึงไหนเอง สามีภรรยาไม่ใช่พูดเพียงปากเท่านั้น ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ต้องประสานเป็นหนึ่งถึงจะเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง”
คราวนี้เฉินยางถึงได้ร้อนรนขึ้นมา เมื่อก่อนยามสัมผัสใกล้ชิด ในแววตาของเขาไม่ได้มีความจริงจังเช่นนี้ แถมยังมีเปลวไฟลุกโหม นอกจากเผาตัวเขาเองแล้ว ยังเผานางอีกด้วย
นางตกใจจนคิดไม่ออก แม้แต่นางเองก็บอกไม่ถูกว่าไฉนถึงได้กลัวเช่นนี้ มีเพียงหลบอย่างเดียว หลบไม่ได้ก็เอามือยัน อย่างไรเสียก็จะให้เขาเข้าใกล้ไม่ได้
เพียงแต่นางยิ่งหลบ ไฟที่อยู่ในใจของเฝิงเยี่ยไป๋ก็ยิ่งลุกโหม นางไม่ต้องการเขา ทำไมถึงไม่ต้องการ คือรังเกียจเขา หรือว่าไม่ได้รักเขาเลย หากเปลี่ยนเขาเป็นอิ๋งโจวเล่า นางก็คงจะขยับเข้ามาเองด้วยความดีใจใช่หรือไม่
เวลาเช่นนี้ไม่พูดอะไรช่างทรมานยิ่งนัก นางไม่อธิบาย ทำเพียงหลบอย่างเดียว เขาเข้าใจผิดก็ไม่กล้าพูด ทั้งสองฝ่ายต่างดื้อดึงต่อกัน ไม่ว่าฝั่งใดก็ไม่ยอมปล่อย เขาทำใจแข็ง ตัดสินใจไม่เสียเวลากับนาง
——
ตอนที่ 276 เรื่องเช่นนี้เต็มใจทั้งสองฝ่ายย่อมดีกว่า
จู่ๆ เฝิงเยี่ยไป๋ก็ปล่อยมือ เฉินยางยังคิดว่าเขาจะปล่อยนางไปเสียแล้วอีก นางใช้ทั้งมือทั้งเท้าคิดจะวิ่งไปข้างนอก เพียงแต่เท้ายังไม่ถึงพื้น เขาก็ยื่นมือไปคว้า แล้วเหวี่ยงนางลงบนเตียง
แผลที่หลังของนางยังไม่หายดี นางจึงร้องด้วยความเจ็บปวด พอลืมตามอง ก็เห็นในมือเขาถือสายคาดเอวของชุดทางการ นางคิดว่าเขาจะตีนาง จึงเอามือไปบัง กลับนึกไม่ถึงว่ากลายเป็นสมใจเขา ทำให้เขาไม่ต้องเสียแรงก็จับสองมือของนางไว้ได้ จากนั้น นางก็ได้แต่เห็นเขาใช้สายคาดเอวมัดสองมือของนางไว้กับราวแกะสลักบนหัวเตียง
เฝิงเยี่ยไป๋กระตุกปากราวกับจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม จุ๊ปากพูดว่า “เสน่ห์งามมักไม่เสแสร้ง ผิวอ่อนทรวดทรงดั่งที่หวัง เจ้ากลับงามยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”
เฉินยางเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้เสียที่ไหน นางตกใจจนหน้าซีด หนำซ้ำมือยังถูกมัดอย่างแน่นหนาราวกับปลาที่อยู่บนเขียง ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“ตอนแรกข้าคิดว่า เรื่องเช่นนี้เต็มใจกันทั้งสองฝ่ายย่อมดีกว่า เช่นนั้นไม่เพียงข้าที่มีความสุข เจ้าก็จะได้ทรมานน้อยลง” พูดจบสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขาบีบแก้มนาง พูดเสียงน่ากลัวว่า “ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นตอนนี้ เพียงแต่เว่ยเฉินยาง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหาเรื่องเอง เป็นเจ้าที่บีบบังคับข้าให้ต้องทำเช่นนี้กับเจ้า พวกเราเป็นสามีภรรยากัน เจ้ากลับผลักไสข้าทุกครั้ง เจ้าคิดว่าเจ้าจะหลบได้ตลอดชาติหรือ”
ครั้นเห็นนางเกร็งคอคิดจะถอยไปข้างหลัง เฝิงเยี่ยไป๋ตาแดงก่ำ ดึงนางกลับมา เขาออกแรงมาก แขนของนางจึงถูกเขากระชาก เจ็บจนร้องออกมา ทั้งยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร่วงลงบนผ้าห่ม น้ำตาซึมหายลงไปเหลือเพียงคราบน้ำที่ไม่จางหาย
“ข้าไม่ได้ชอบท่านแม้แต่น้อยเลย เฝิงเยี่ยไป๋ คนชั่ว หากท่านไม่ปล่อยข้า ข้าจะเกลียดท่านไปตลอดชีวิต!”
ถึงเวลานี้แล้วนางยังจะพูดจาไม่น่าฟังเพื่อยั่วโมโหเขาอีก ในเมื่อนางไม่เจียมตัว ก็อย่าโทษว่าเขาใจดำเลย
“ได้ หากเจ้าจะเกลียดข้าไปตลอดชีวิตข้าก็ยินดี เพียงแต่วันนี้ พวกเราทำเรื่องนี้ให้เสร็จเสียก่อน ข้าอดทนมานานเช่นนี้… เว่ยเฉินยาง วันนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสอะไรที่เรียกว่ารีบตายรีบเกิดใหม่”
ที่จะพูดก็พูดหมดแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาเอาจริงแล้ว เขาก้มตัวลงกอดไหล่ที่เรียบเนียนของนางแล้วจูบลงไป เขาดันตัวครึ่งหนึ่ง สายตามองลงไปข้างล่าง เฉินยางในตอนนี้ไม่ต่างอันใดจากอาหารที่ใส่อยู่ในจานทองคำ ช่างชวนให้น้ำลายสอยิ่งนัก ทำเอาเขาอดไม่ไหวที่จะลิ้มลอง เพียงแต่การกระทำของเขากลับแลกมาด้วยคำด่าของเฉินยาง “เฝิงเยี่ยไป๋ ท่านไปตายเสีย! ออกไป! ออกไป!”
ปากนี้ช่างพูดแต่สิ่งที่เขาไม่ชอบฟัง แต่ละคำที่ออกจากปากนางนั้นราวกับมีดแทงใจเขาเล่มแล้วเล่มเล่า เขาไม่ชอบฟัง จึงยื่นนิ้วไปแตะริมฝีปากของนางแล้วพูดกับนางว่า “เวลานี้แล้ว พูดสิ่งเหล่านี้ก็ไร้ประโยชน์ เจ้าเชื่อฟังข้าเสียดีๆ เจ้าก็จะได้สบายหน่อย เด็กดี นี่เป็นเรื่องดี เจ้าค่อยๆ ลิ้มรสเสีย ถึงจะได้รสอันหอมหวานของมัน”
เฉินยางตกตะลึงพรึงเพริด ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่อาจสั่นคลอนเขาได้เสียแล้ว ดูท่าทางเขาที่หมายจะเอาให้ได้เช่นนั้น นางก็ยังดึงดัน อยากจะขอร้อง เพียงแต่กลับอ้าปากพูดไม่ออก เมื่อครู่นางด่าเสียรุนแรง ตอนนี้ขอร้องเขาก็ไม่แน่ว่าเขาจะฟัง รู้สึกได้เพียงลมหายใจอันร้อนระอุของเขาพัดผ่านหน้าตัวเองไป ลืมตาหลับตาก็มีเพียงความสิ้นหวัง