ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 325 จัดสินเดิม / ตอนที่ 326 พิรุธของบ้านเจี่ยง
ตอนที่ 325 จัดสินเดิม
วันแต่งใกล้เข้ามา สินเดิมของผู้หญิงทั่วไปล้วนเตรียมตั้งแต่เกิด ชุดแต่งก็เริ่มทำหลังจากอายุสิบห้า ดังนั้นการจัดเตรียมจึงไม่ได้เร่งรีบนัก
เพียงแต่น่าอวี้ไม่เหมือนกัน บ้านของนางถูกคนวางเพลิงเผาจนไม่เหลือสิ่งใด และก็อย่าได้หวังจะให้แม่เสือดุของบ้านเจี่ยงเหว่ยจะใจดีจัดเตรียมสินเดิมให้คนนอกคนหนึ่ง เพียงแต่หากก่อนหน้านี้นางไม่ได้บอกลูกชายเจี่ยงเหว่ยเป็นตัวเองที่ทำให้ตายเสียละก็ บางทีเจี่ยงเหว่ยอาจจะจัดเตรียมให้นาง ยามนี้ ทั้งบ้านเจี่ยงแทบอยากจะฆ่านางเสียแล้ว ยังจะหวังให้พวกเขาจัดเตรียมสินเดิมให้นาง? ฝันไปเถอะ!
เพียงแต่ยังดีที่นางยังมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่ ใช้ซื้อผ้าคลุมหน้าก็น่าจะพอ
อวี๋เอ๋อร์กลับมาด้วยความโมโห นางวางอ่างทองแดงบนชั้นแรงๆ แล้วตะโกนใส่ข้างนอกว่า “นางมารร้าย! นางอ้วนแก่! ถุย! ก็ไม่ดูสภาพตัวเองเป็นเช่นไร อ้าปากก็พ่นขี้ออกมา ยังเป็นถึงภรรยาขุนนางอีก? เหลวไหล!”
น่าอวี้ไม่ได้มีการตอบสนองมากมายดั่งนางนัก นางปิดหนังสือ แล้วเข้าไปดึงอวี๋เอ๋อร์กลับมา “พอได้แล้ว หากเจ้ามีความกล้าเช่นนั้นก็ด่าต่อหน้าเสีย เจ้ายังจะฟังนางด่าได้อีกกี่วันหรือ วันมะรืนก็ไปได้แล้ว อยากจะจัดการนาง หลังจากนี้มีโอกาสมากมาย”
อวี๋เอ๋อร์หุบปากด้วยความเหนื่อยหน่าย จู่ๆ ก็เป็นกังวลขึ้นมา “ที่แต่งไปด้วยเป็นหลานสาวเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อยังมีลูกสาวปราชญ์มหาสำนักอะไรนั่น แต่ละคนล้วนมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าเจ้ากรมทหาร สินเดิมของพวกนางคงกองเป็นภูเขาเสียแล้ว พวกเราไม่มีอะไรเลย ไปแล้วจะต้องถูกคนอื่นดูถูกแน่ๆ วันหลังหากถูกรังแก แม้แต่ที่พึ่งพิงก็ไม่มี”
น่าอวี้เทเครื่องประดับที่อยู่ในกล่องออกมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเจี่ยงเหว่ยที่แอบให้กับนาง แม้ว่าจะไม่ได้เครื่องประดับที่มีราคามากนัก เพียงแต่อย่างน้อยก็ยังแลกเงินสิบยี่สิบตำลึง นางคิดไว้อย่างละเอียด ไปแล้วก็ต้องใช้เงินอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ นำเครื่องประดับเหล่านี้ไปโรงจำนำแลกเป็นเศษเงินก็พออยู่ได้ระยะหนึ่ง รถมาถึงที่ย่อมมีทางไป รอให้ใช้หมดแล้วค่อยหาวิธีเสียเถิด!
“พอได้แล้ว อย่าได้พูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์นักเลย ไปจำนำเครื่องประดับเหล่านี้กับข้าเสียก่อน ไม่มีเงินติดตัวไม่ได้”
อวี๋เอ๋อร์ขันรับ นางไปหยิบร่ม ข้างนอกแดดแรงนัก นายหญิงน้อยของนางที่มีผิวอ่อนๆ เช่นนี้ถูกแดดไม่ได้
นึกไม่ถึง พอออกจากประตูไปก็เจอเจี่ยงฮูหยินมาหาเรื่องถึงที่ ข้างหลังมีหมัวหมัวสองคนตามมา คนหนึ่งในมือถือเชือกอีกคนถือแส้ เจี่ยงฮูหยินทำสีหน้าเหน็บแนม สั่งให้หมัวหมัวสองคนผลักน่าอวี้และอวี๋เอ๋อร์เข้าไปในห้อง
“นางยั่วสวาทชั้นดีจริงๆ เหมือนดั่งแม่ของนางในตอนนั้น ข้าว่า พ่อของเจ้าก็ตายเพราะเจ้าและแม่ของเจ้ากระมัง? ทำให้พ่อของเจ้าตายไม่พอ ตอนนี้ยังคิดจะทำร้ายบ้านข้าอีก?”
เจี่ยงฮูหยินชูมือคิดจะตบนาง แต่นางก็รู้เรื่องอยู่ นางฝืนทนเอาไว้ กลัวจะทิ้งรอย ในคืนแต่งงานถูกเห็นเข้าจะอธิบายไม่ได้ เพียงแต่ความโกรธนี้ต้องระบาย นางสั่งหมัวหมัวใช้เชือกมักนางไว้ รอให้นางขยับไม่ได้แล้ว ก็สะบัดมือฟาดจนนางหายใจแทบไม่ออก
“เจี่ยงน่าอวี้ เจ้าทำให้ลูกชายข้าตาย อย่าได้คิดว่าแต่งไปอยู่จวนท่านอ๋องแล้วจะรอดไปได้ ข้าจะบอกเจ้าให้ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องฆ่าเจ้า วันนี้เป็นเพียงการสั่งสอน ท่านอ๋องป่วยจนลุกไม่ขึ้นแล้ว คิดว่าก็คงไม่มีแรงร่วมหอกับเจ้า ในเมื่อใบหน้านี้แตะไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะฟาดตัวเจ้าให้เละ!”
ว่าแล้วเป็นคนโง่กันทั้งบ้าน ก่อนที่นางจะฟาดแส้ครั้งต่อไปนั้นจู่ๆ น่าอวี้ก็หัวเราะขึ้นมา มุมปากนางยังมีเลือดไหลอยู่ ดูไปแล้วน่ากลัวนัก “มิน่าถึงได้ว่าลูกชายเจ้าโง่นัก พ่อแม่ล้วนไร้สมอง ลูกชายที่คลอดออกมาจะไม่โง่ได้อย่างไร!”
——
ตอนที่ 326 พิรุธของบ้านเจี่ยง
เจี่ยงฮูหยินถูกน่าอวี้พูดใส่เช่นนี้ตาแดงขึ้นมาทันที สะบัดมือฟาดไปอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นเลือดไหลออกมา น่าอวี้อ่อนแอเป็นทุนเดิม นางมารร้ายคนนี้ยังเอาแส้ไปแช่อยู่ในน้ำเกลืออีก ฟาดไปสองทีก็แทบจะฆ่านางได้เลย
น่าอวี้เป็นคนที่รู้จักอ่อนน้อม เพียงแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ยิ่งอ่อนน้อมมีแต่จะทำให้นางรุนแรงยิ่งขึ้น
อวี๋เอ๋อร์ถูกหมัวหมัวอุดปากไว้อย่างแน่นหนา เห็นสภาพของน่าอวี้นี้ นี่คือคิดจะฆ่านางเสียเพื่อแก้แค้นให้ลูกชายของนางกระมัง? น่าอวี้หายใจรวยริน แต่ก็ดันทุรังยิ้มให้ได้ ครึ่งหนึ่งเพราะเย้ยหยันอีกครั้งเพราะปลง ไม่เกรงกลัวต่อแส้ที่อยู่ในมือนางเลย
“หากไม่พูดคนทั้งบ้านเจ้าล้วนเป็นคนโง่อย่างที่สุด ลูกชายของเจ้าเป็นข้าที่ฟ้อง เพียงแต่คนที่ฆ่าเขาไม่ใช่ข้าเสียหน่อย ข้าขอเตือนเจ้าไว้ อย่าได้ทำให้ข้าโกรธ เจี่ยงเหว่ยมีพิรุธมากมายอยู่ในมือข้า หากข้าเป็นอะไรไป จะมีคนที่เอาความผิดของเขาไปฟ้องฝ่าบาททันที เจี่ยงเหว่ยเคยทำอะไรไว้เจ้าก็น่าจะรู้ดีกระมัง เพียงข้อเดียวก็พอประหารทั้งบ้านได้แล้ว”
เจี่ยงฮูหยินตอนแรกไม่เชื่อนาง ในใจแค้นจนแทบทนไม่ไหว นางย่อตัวลง ชูมือฟาดใส่หน้านาง มือของนางสวมแหวนอยู่เต็ม ฝ่ามือที่ฟาดลงไปนั้น ใบหน้าที่งดงามของน่าอวี้ก็บวมขึ้นมาทันที ตามมาด้วยรอยฝ่ามือ สยองยิ่งนัก
“พูดจาเหลวไหล เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ” แม้จะพูดเช่นนั้น เพียงแต่ในใจนางก็สั่นคลอนไม่มากก็น้อย เบี้ยหวัดหนึ่งปีของเจี่ยงเหว่ยก็มีเท่านั้น เพียงแต่เขาทำตัวเจ้าชู้อยู่ข้างนอกนั้น เลี้ยงภรรยาน้อย หาชู้รัก ทั้งซื้อกำไลให้พวกนาง ทั้งซื้อย้างให้ เพียงเบี้ยหวัดน้อยนิดของเขานั้น คงจะถูกสูบจนหมดตัวแล้ว ยังจะมีใครยอมอยู่กับเขาอีก
น่าอวี้เป็นคนฉลาดเพียงใด มองดูเจี่ยงฮูหยินเหม่อลอยอยู่ก็รู้ว่าคำพูดของนางอย่างน้อยก็เชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว น่าอวี้ไม่รีบร้อน ยามนี้ในใจเจี่ยงฮูหยินต้องกระวนกระวายเป็นแน่แท้ นางยิ่งแกล้งแสดงออกอย่างเฉยเมย ในใจนางก็ยิ่งร้อนรน จึงใส่ไฟเพิ่มอีกว่า “เจ้าย่อมไม่เชื่อข้าอยู่แล้ว เพียงแต่หากเจ้าไม่เชื่อละก็ พวกเราจะลองดูกันก็ได้ เพียงแค่เจี่ยงเหว่ยเขาลักลอบขายเกลือข้อเดียวก็เพียงพอที่จะถูกตัดศีรษะแล้วกระมัง? ยังมีสมุดบัญชีของเขาเหล่านั้น อย่าคิดว่าซ่อนอยู่ในห้องลับจะปลอดภัย บนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ลมไม่ทะลุผ่าน คิดจะจับพิรุธของเขา ก็ไม่ได้ยากเย็นนัก”
เจี่ยงฮูหยินเสียวสันหลังขึ้นมา ตอนแรกยังคิดว่านางเด็กนี่โกหกหลอกนาง เพียงแต่เรื่องที่ลักลอบขายเกลือนั้นนางรู้ได้อย่างไร ยังมีห้องลับในห้องของเจี่ยงเหว่ย ห้องลับรู้กันเพียงพวกเขาสองคนแม้แต่ลูกชายของนางก็ยังไม่รู้ว่าในบ้านมีห้องลับอยู่ เก่งเสียเหลือเกิน ตอนแรกนางก็เห็นว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนดีเก็บเอาไว้ไม่ได้ ล้วนเป็นเฒ่าลามกเจี่ยงเหว่ยนี้ ความเจ้าชู้บังเกิดบอกจะให้นางอยู่ให้ได้ คราวนี้เป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วบ้านของนางทั้งบ้านล้วนตายเพราะเจ้าเด็กนี่!
“สมุดบัญชีเหล่านั้น ข้าได้คัดลอกและซ่อนเอาไว้แล้ว พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไร้ที่พึ่งพิงจะรังแกได้ง่าย ส่วนเจ้า หากไม่ฆ่าข้าเสียตอนนี้แล้วรอให้ถูกประหารทั้งบ้าน ก็ปล่อยข้าไปเสีย รอให้ข้าออกไปแล้ว ส่งหลักฐานให้กับฝ่าบาทด้วยตัวเอง” พูดจบนางก็ยิ้มอย่างเ**้ยมโหด “เหมือนว่าทั้งสองทางล้วนเป็นทางตายเพียงแต่ไม่เป็นไร ยังมีทางที่สามอยู่… เตรียมสินสอดให้ข้า เตรียมให้ข้าตามสินสอดของแม่นางอีกสองคนที่เหลือ ได้แต่มากกว่าน้อยกว่าไม่ได้ จากนั้นก็แต่งข้าออกไปอย่างยิ่งใหญ่ หากเป็นเช่นนั้น ข้าอาจจะรู้สึกขอบคุณพวกเจ้าอยู่บ้าง อาจจะไม่ลงมือก็ไม่แน่”
เจี่ยงฮูหยินโกรธนางจนตัวสั่น “เจ้า! เจี่ยงน่าอวี้ เจ้าอย่าได้เหิมเกริมนัก!”