ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 335 ผู้ไกล่เกลี่ย / ตอนที่ 336 เจ้าตามข้าไป
ตอนที่ 335 ผู้ไกล่เกลี่ย
น่าอวี้เหลือบเห็นสาวใช้เล็กที่อยู่ตรงประตูวิ่งออกไปอย่างร้อนรน ในห้องทั้งหมดล้วนเป็นเจ้านาย พวกนางกล่อมไม่ได้และก็ไม่กล้ากล่อม จะทำอย่างไรดี ก็ได้แต่หาเจ้านายที่ใหญ่กว่ามา เจ้านายที่ใหญ่ยิ่งกว่านี้ก็คือเฝิงเยี่ยไป๋ เรียกเขามา ใครไม่ถูกปราบจนสิ้นลายหรือ
ซ่งจูยิ่งพูดยิ่งได้แรง นางเป็นหลานสาวของเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อ เป็นคนชนชั้นสูง เว่ยเฉินยางนี้มาจากที่ใด เป็นเพียงสาวชนบทคนหนึ่ง อาศัยอะไรมาโมโหใส่นาง ความทะนงตัวปล่อยวางไม่ลง ตอนแรกได้แต่งกับ ‘ท่านอ๋องใกล้ตาย’ ที่ไม่เคยเห็นหน้าก็น้อยใจมากพอแล้ว ตอนนี้ยังต้องทนรับอารมณ์ของนางอีก เป็นไปไม่ได้!
ทั้งสองฝั่งตั้งท่าใส่กัน เห็นว่ากำลังจะตีกันขึ้นมาแล้ว น่าอวี้เห็นได้จังหวะ ก็ยืนออกมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย นางพูดกับซ่งจูว่า “พรชายารองซ่ง พระชายาเข้ามาเป็นคนแรก และก็เป็นภรรยาที่ท่านอ๋องแต่งตามพิธี ยกชาน้อมทักทายให้พระชายาก็เป็นหน้าที่ของพวกเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่านทำเช่นนี้ก็เกินไปเสียหน่อยแล้ว”
ซ่งจูกลับไม่รับความหวังดีของนาง นางเท้าเอวด่าน่าอวี้ไปด้วย “ถึงที่ให้เจ้าพูดแล้วหรือ เป็นเพียงลูกสาวนอกสมรส หุบปากได้ก็หุบปากเสียเถิด ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด อย่างมาแสร้งทำตัวเป็นคนดีอยู๋ที่นี่ นางอาจจะไม่รับความหวังดีของเจ้าก็ได้”
เฉินยางรู้เพียงว่าน่าอวี้เป็นลูกสาวของเจี่ยงเหว่ย ส่วนที่ว่าเจี่ยงเหว่ยไฉนจู่ๆ ถึงมีลูกสาวที่โตเช่นนี้โผล่ออกมานั้น นางก็ไม่เคยถาม เพียงแต่น่าอวี้ได้ยินคำว่าลูกสาวนอกสมรสสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก็รู้ว่าถูกนางจี้จุดเจ็บเข้าให้ เฉินยางโกรธจนกำหมัดแน่น ชี้ไปที่ซ่งจูพูดว่า “เจ้าพูดอีกครั้ง! ข้าว่าก็เพราะเจ้าอิจฉาที่คนอื่นสวยกว่าเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรว่าคนอื่น เจ้าก็เป็นเพียงหลานสาวของเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อไม่ใช่หรือ หลานสาวจะใกล้ชิดเท่าลูกสาวได้อย่างไร หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เจ้าคอยดูเถิดใครจะมาช่วยเจ้า!”
ฝั่งนี้ซ่งจูก็กำหมัดจะเข้าใส่ น่าอวี้เริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว เห็นว่าสองมือหวดเข้ามา ที่ประตูก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!” ทำเอาสองมือนั้นค้างอยู่กลางอากาศ
เป็นเฝิงเยี่ยไป๋ เขาสวมชุดสีเขียวปกติ มัดผมเอาไว้ ทั้งคนดูแล้วมีชีวิตชีวา เพียงแต่ยังมีสีหน้าที่แสดงอาการป่วยอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับที่น่าอวี้เห็นเขาตอนนั้นแล้วก็ดีขึ้นมากแล้ว
ซ่งจูเก็บมือกลับไปก่อน นางย่อตัวลงคำนับแล้วแอบเหลือบมอง ยามที่ไม่เห็นยังบ่นอยู่ในใจ ในเมื่อป่วยจนลงจากเตียงไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องซูบผอม เบ้าตาลึก เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเสียแล้ว ต่อให้ตอนแรกจะหน้าตาดี ยามนี้จะดูดีได้เพียงใดเชียว
นึกไม่ถึงว่าพอได้เหลือบมอง ช่างน่าตบปากตัวเองเสียจริง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าช่างไร้ที่ติโดยแท้ แม้แต่ผมที่อยู่บนศีรษะของเขานั้นก็ทำเอานางชอบจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ใต้ฟ้าบนดิน ยังจะหาคนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้ที่ใดอีก
หลี่หรูที่เป็นลูกสาวนักปราชญ์ ก็มองจนเหม่อลอย ในใจเริ่มสั่นคลอนขึ้นมา หัวใจเต้นหนึ่งจังหวะหยุดหนึ่งจังหวะ เอามือลูบหน้า ก็รู้สึกร้อนผ่าว นางรีบเก็บอาการแล้วย่อตัวคำนับ
“ไม่เป็นไรกระมัง” คำพูดหวานซึ้งทำเอาหัวใจแทบละลาย เฉินยางเก็บมือกลับไปเห็นเขาจูงมือน่าอวี้ ถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
น่าอวี้กลับหดมือกลับไปเหมือนดั่งแตะถูกของร้อนเข้าให้ หางตาของนางกวาดไปที่เฉินยาง เป็นนัยให้เฝิงเยี่ยไป๋เข้าไป
โกรธกันมาก็หลายวันแล้ว เมื่อได้เจอกันก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก ใครจะรู้ว่าช่วงหลายวันนี้เขาทรมานเพียงใด กลางคืนยืนอยู่ในสวนของนางก็ไม่เข้าไปพบนาง ถือตัวสูงส่งรอให้นางมาขอคืนดี แต่สุดท้ายเล่า ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
——
ตอนที่ 336 เจ้าตามข้าไป
เฉินยางเห็นเขาไปประคองน่าอวี้ ในใจก็รู้สึกเศร้าจนบอกไม่ถูก ว่าแล้วผู้ชายล้วนเป็นเช่นเดียวกันหมด พอได้ใหม่แล้วก็ลืมรักเก่า ภรรยาที่เขาเพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ก็รังแกนาง แต่ละคน ล้วนคิดว่านางถูกรังแกได้ง่ายๆ หรือ
เฝิงเยี่ยไป๋ขยับก้าวเท้าไปตรงหน้าเฉินยาง เขาขมวดคิ้ว ทั้งๆ ที่อยากจะถามนางดีๆ เพียงแต่คำพูดถึงปากก็เปลี่ยนความหมายแล้ว “วุ่นวายกันแต่เช้า เกิดเรื่องใดขึ้น”
เขาไม่ถามคนที่ก่อเรื่องก่อนกลับมาถามนาง อยู่ในใจเขานางก็เป็นคนชอบก่อนเรื่องเช่นนั้นหรือ เฉินยางรู้สึกน้อยใจ นางทำหน้าบูดบึ้ง “ไปถามภรรยาใหม่ของท่านไป เป็นนางที่ก่อเรื่องขึ้นก่อน ย่อมรู้เป็นอย่างดี”
ภรรยาใหม่ ดูนางพูดเข้า จงใจเสียดแทงเขาไม่ใช่หรือ เฝิงเยี่ยไป๋ยื่นมือกุมกำปั้นเล็กๆ ของนาง มือของนางก็เล็กเสียจริง สามารถถูกหุ้มอยู่ในฝ่ามือของเขา เขาแกะออกทีละนิ้ว แล้วจังมือประสานกับนาง เสียงค่อยๆ อ่อนลง “ยังดีๆ กันอยู่เลยไฉนถึงได้ลงมือเสียแล้ว” เขามองซ่งจูตาขวาง น้ำเสียงจู่ๆ ก็แข็งกร้าวขึ้นมา “เป็นเจ้าที่ก่อเรื่องก่อนงั้นหรือ ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกล้าลงมือกับพระชายา?”
ซ่งจูตกใจ รีบขึ้นไปโค้งคำนับพูดว่า “ขอให้ท่านอ๋องตรวจสอบอย่างละเอียด เป็น…เป็นบ่าวที่อยู่ข้างกายพระชายาพูดจาไร้มารยาท ข้าเพียงแค่อยากจะสั่งสอนบ่าวนี้แทนพระชายา ใครจะรู้ว่า…พระชายาถึงกับปกป้องด้วยตัวเอง…นี่…ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่ใช่ข้าที่ก่อเรื่องก่อน!”
เฝิงเยี่ยไป๋หันศีรษะไปถามเฉินยาง “เป็นเช่นนั้นหรือ”
ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตเท่าไรนัก เขาไม่มา พวกนางตบตีไปเสียก็อาจจะดีขึ้นแล้ว เพียงแต่เขามาแล้ว พอถามเช่นนี้ แม้ว่าความหมายจะเข้าหานาง เพียงแต่ในใจไม่แน่อาจจะเอียงไปอีกคน
ผู้หญิงล้วนใจแคบ เฉินยางก็ไม่ยกเว้น ไม่เพียงใจแคบ แถมยังชอบคิดไปเอง นางสะบัดมือเฝิงเยี่ยไป๋ออก พูดด้วยความหม่นหมองว่า “ไม่ต้องให้ท่านเป็นกังวลนักหรอก เรื่องของพวกเราข้าจัดการเองได้”
ประโยคเดียวก็ผลักเขาไปไกลๆ ยามที่พูดก็ไม่มองเขา ขมวดคิ้ว สีหน้าบูดบึ้งและเม้มปากเอาไว้ ท่าทางราวกับปัดคนอื่นให้ไปไกลๆ อยู่เช่นนั้น
เฝิงเยี่ยไป๋เสียหน้า เขาจ้องมองนางอยู่นาน คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้ไฉนถึงไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้ โกรธอยู่หลายวันสุดท้ายก็ยังเป็นเขาที่มาขอคืนดีไม่ใช่อีกหรือ เขาถอยให้นางมากมายเช่นนี้แล้ว มาถึงที่นางนี้ ที่ถอยให้นางล้วนเสียเปล่า นางไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ที่เย็นชาใส่ก็ยังคงเหมือนเดิม
ทั้งสองคนนี้ก็เป็นคู่กรรมอยู่เช่นนี้ เฉินยางก็เป็นคนที่นิสัยดื้อดึง เดินไปจนสุดทางคนเดียว ใครกล่อมก็กล่อมไม่ได้ นางฝืนอดกลั้นมีคำถามมากมายเต็มอกอยากจะถามเขา แต่ก็ถามไม่ออก ความเศร้าก็ระบายไม่ออก จึงได้มีสภาพที่น้อยใจเช่นนี้
เฝิงเยี่ยไป๋เสียหน้าเพราะนาง คำพูดที่เตรียมไว้ตอนจะมาก็ไร้ประโยชน์แล้ว ตอนแรกยังคิดจะขอคืนดี เพียงแต่ตอนนี้ดูแล้วเป็นเขาที่ตามใจนางมากเกินไป ตอนนี้ถึงได้ชักสีหน้าใส่เขา คิดว่าเขาจะไม่มีอารมณ์โกรธเสียแล้วหรืออย่างไร
“ได้ ในเมื่อพระชายาบอกว่าพวกเจ้าจัดการเองได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ยุ่งแล้ว! น่าอวี้ เจ้าตามข้าไป พวกนางชอบวุ่นวายนักก็ปล่อยให้พวกนางวุ่นวายไป!”
เขาเรียกเพียงน่าอวี้แล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป เฉินยางจ้องใส่เขาอย่างโกรธแค้น ก็ดี เขาได้คนรักใหม่แล้ว เช่นนั้นก็หย่ากับนางเสียเถิด จะได้ต่างคนต่างอยู่ นางก็จะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าเขาจะรักคนอื่นแล้วเย็นชาใส่ตัวเองจนทำให้ตัวเองกินไม่อิ่มนอนไม่หลับ
หากเฉินยางสามารถพูดความในใจเหล่านี้ให้เฝิงเยี่ยไป๋ เขาก็คงดีใจจนลอยขึ้นฟ้า เพียงแต่นางไม่ยอมพูด นางกลัวว่าพูดออกมาแล้วก็กลายเป็นนางที่เข้าหาเขาเอง จนกลายเป็นข้ออ้างที่เขาจะว่านางได้ ดังนั้นนางจึงยอมน้อยใจแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา