ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 353 แผนการของฮ่องเต้ / ตอนที่ 354 ความรักที่มีต่อลูก
ตอนที่ 353 แผนการของฮ่องเต้
ไทเฮายังไม่รู้เรื่องที่เว่ยเฉินยางตั้งครรภ์อยู่ ฮ่องเต้จะควบคุมเว่ยเฉินยาง ก็มีเพียงลงมือจากไทเฮา เขาไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้นนัก เพียงแต่ความรักของไทเฮาที่รักลูกนั้นใช้ได้ ถึงยามนั้นตรัสถึงไทเฮา แล้วตรัสต่อหน้าเหล่าขุนนาง เขายังจะไม่ตอบรับได้อย่างไร
ฮ่องเต้เป็นผู้ที่ไม่มีความอดทนมากมายเท่าไรนัก เขารอไม่ได้แม้เพียงยามเดียว ความคิดนี้เพิ่งจะคิดออกมา ก็รอไม่ไหวที่จะไปตำหนักฉือหนิงเสียแล้ว
ช่วงนี้ไทเฮาถูกรบกวนด้วยฝันร้ายอยู่บ่อยๆ วันๆ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในตำหนักคัดลอกคัมภีร์อ่านบทสวด ตอนที่ฮ่องเต้เสด็จนั้น ไทเฮามือข้างหนึ่งเขี่ยลูกประคำ มืออีกข้างเคาะปลาไม้[1] ในปากก็กำลังท่องบทสวดอยู่ หงอวี้ขึ้นไป พูดอยู่ข้างหูไทเฮาว่า “ฝ่าบาทเสด็จแล้วเพคะ” ไทเฮาลืมตาครึ่งหนึ่ง สุดท้ายพูด “อามิตตาพุทธ” ถึงได้เชิญฮ่องเต้ประทับพร้อมกัน
ฮ่องเต้ยิ้มถาม “ไฉนช่วงนี้ไทเฮาถึงเริ่มนับถือพุทธแล้ว”
“ข้าแก่แล้ว คนอายุมากก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดทำ ว่างอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ จึงได้แต่หาเรื่องให้ตัวเองทำ ว่างๆ สวดมนต์ก็ดีเช่นกัน เป็นบุญให้ตัวเองและก็เป็นบุญให้ลูกหลาน และก็เป็นบุญให้ประชาชนใต้ฟ้า ถือเสียว่าคนแก่อย่างข้าได้ช่วยเท่าที่ตัวเองทำได้”
ฮ่องเต้ยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้เห็นด้วย “ไทเฮาเป็นผู้ที่มีบารมีที่สุดใต้ฟ้าคนหนึ่ง ความศรัทธาของท่านพระพุทธเจ้าได้เห็นแล้ว จะต้องตอบรับความหวังของท่าน ที่เรามาวันนี้ ก็มีเรื่องดีจะบอกไทเฮา ถือว่าเป็นท่านที่กินเจสวดมนต์แล้วพระพุทธเจ้าได้ให้พรกับท่านกระมัง!”
ไทเฮาไม่ได้มีเรื่องดีมานานหลายปีแล้ว พอถูกฮ่องเต้ดึงความสนใจขึ้นมา ก็หลงกลทันที “เรื่องดีอะไร”
ฮ่องเต้จิบชา ยิ้มตรัสว่า “วันนี้เพิ่งได้ข่าวมา บอกว่าเว่ยเฉินยางมีข่าวดี ท้องลูกของเฝิงเยี่ยไป๋ ท่านว่าเป็นเรื่องดีใหญ่หรือไม่”
ไทเฮายังไม่ได้ตั้งสติกลับมา “ฝ่าบาทตรัสอะไรหรือ เว่ยเฉินยางตั้งครรภ์แล้ว? ที่ตั้งครรภ์อยู่คือ…คือลูกของเยี่ยไป๋หรือ”
“ดูท่านพูดเข้า…” พระพัตร์ฮ่องเต้ยังคงยิ้มอยู่ “ไม่ใช่ของเขายังจะเป็นของใครได้อีก ก็คือท่านอ๋องน้อยในอนาคต หลานแท้ๆ ของท่าน”
แม้ว่าลูกสะใภ้อย่างเว่ยเฉินยางนางจะไม่ชอบนัก เพียงแต่ลูกที่อยู่ในท้องของนางก็เป็นของเฝิงเยี่ยไป๋ ที่นางดูถูกเป็นเพียงนาง เพียงแต่ลูกที่อยู่ในท้องของนางสูงส่งนัก ไทเฮามีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ อะไรก็ไม่ขอแล้ว ขอเพียงลูกหลานล้อมรอบ ชีวิตในวังเปล่าเปลี่ยว ฮ่องเต้นำข่าวนี้มาให้ จะมากจะน้อยก็ได้ให้ความหวังแก่นาง คนเราชีวิตพอมีความหวัง วันเวลาก็ไม่ได้ทรมานเช่นนั้นแล้ว
ไทเฮายิ้มจนเห็นรอยย่นลึกๆ ที่หางตา ท่าทางที่มีต่อฮ่องเต้ก็สนิทสนมขึ้น “ข้าก็ว่าไฉนวันนี้นกกางเขน[2]ถึงร้องอยู่บนหลังคาอยู่ตลอด ที่แท้ก็เพราะมีเรื่องดี ดี ดีมากเลย ตั้งครรภ์แล้วดี!”
ก็รู้ว่าพูดออกมานางต้องดีใจ ฮ่องเต้เห็นจังหวะกำลังดี จึงเสริมว่า “หากไม่ใช่บ่าวที่ปากมากหลุดออกมา เกรงว่าเขายังคิดจะปิดบังเราอยู่ด้วยซ้ำ เรายังได้ยินว่า พระชายาร่างกายอ่อนแอ ลูกคนแรกจะลำบาก เรายังคิดอยู่เลย ในวังมีสมุนไพรบำรุงมากมายเช่นนี้ พรุ่งนี้เช้าจะรีบให้คนส่งไปที่จวนท่านอ๋อง ยังมีสมุนไพรล้ำค่าที่แคว้นนอกด่านส่งบรรณาการเข้ามา พรุ่งนี้เราจะให้คนส่งไปเสีย”
ฮ่องเต้พูดเช่นนี้แล้ว ในใจไทเฮาก็รู้สึกยินดี “ยากจะได้เห็นฝ่าบาทมีพระทัยเช่นนี้ ผู้หญิงมีลูกคนแรกล้วนไม่มีประสบการณ์ จะคลอดได้ก็ลำบากนัก” พูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง “เพียงแต่ไม่รู้ว่าในจวนท่านอ๋องจะมีหมัวหมัวที่รู้ใจปรนนิบัติอยู่หรือไม่ ในใจข้าดีใจ เพียงแต่ก็หวาดกลัว เด็กคนนี้ข้ารู้จัก สมองทื่อนัก ทำอะไรไม่รู้จักควบคุม ให้นางตั้งครรภ์อยู่ในจวนท่านอ๋อง ข้าไม่วางใจเลยจริงๆ !”
——
[1] ปลาไม้ เป็นเครื่องเคาะให้จังหวะของศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน ใช้สวดมนต์ ทำวัตร และประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
[2] นกกางเขน เป็นนกมงคลของชาวจีน
ตอนที่ 354 ความรักที่มีต่อลูก
ก็เป็นคำพูดนี้ ฮ่องเต้จงใจพูดเรื่องที่ร่างกายเว่ยเฉินยางไม่ดีไว้ก่อน ก็เข้าเป้าตรงๆ ปักลงที่หัวใจของไทเฮา ไทเฮามีสีหน้าเศร้าหมองทันที “เจ้าเด็กเฉินยางนั่นก็ไม่รู้จักระวังนัก ก่อนหน้านี้เรียนระเบียบที่ข้านี้ ไม่พอใจขึ้นมาก็เถียงกูกู ยามนี้ร่างกายเป็นเช่นนี้ หากยังไม่ระวังเหมือนเมื่อก่อน ทำเอาลูกในท้องบาดเจ็บจะทำอย่างไรดี”
ฮ่องเต้ไม่ตรัสสิ่งใด เพียงแค่รออย่างเงียบๆ ใกล้จะพูดถึงจุดสำคัญแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้ตรัสแทรกขึ้นมากลับแสดงออกชัดเจนว่ามีความคิดแอบแฝง จึงแกล้งทำเป็นตั้งใจฟัง ถึงเวลาจะดีจะร้ายก็เป็นไทเฮาที่ก่อเรื่องขึ้น ไม่เกี่ยวกับฮ่องเต้แม้เพียงนิดเดียว
ไทเฮาพูดของตัวเองไป จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง “ปีก่อนสนมซูก็บอกว่าร่างกายอ่อนแอไม่ใช่หรือ ได้ทรงพระครรภ์เกรงว่าจะคลอดลำบาก เป็นหมอหลวงคนใดที่ดูแลหรือ”
ฮ่องเต้ตรัสเรียบๆ ว่า “เป็นซ่งชิวจื้อในสำนักหมอหลวง ตระกูลของเขาทำอาชีพนี้ตลอด เป็นหมอสตรีชั้นดี ไม่เพียงสนมซู ครั้งก่อนที่หลิ่วกุ้ยเฟยคลอดลำบากก็เป็นยาชั้นดีของเขาถึงได้ช่วยเรารักษาราชบุตรเอาไว้ได้”
ไทเฮาได้ยินแล้วก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวของเขา ก็มีความสามารถอยู่จริง…ดังนั้น ข้าจึงคิดว่า…รับเด็กคนนี้เข้ามาดูแลในวัง ยามนี้เยี่ยไป๋ได้รับความกรุณาจากฝ่าบาท เริ่มเข้าร่วมราชกิจ ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลนางนัก เหล่าคนที่อยู่ในจวนนั้น ก็ไม่ได้รู้เรื่องกันมากนัก ข้าคิดว่า อย่างไรเสียก็เป็นหลานแท้ๆ ของข้า จะให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด อยู่ที่ใดก็ไม่สู้อยู่ข้างกายข้าเสียจะวางใจกว่า” พูดจบนางก็ถามฮ่องเต้อีกว่า “ฝ่าบาทพระดำริอย่างไรหรือ”
นี่ก็พูดตรงกับพระทัยฮ่องเต้เลยไม่ใช่หรือ ฮ่องเต้จะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร เพียงแต่สีพระพักตร์ก็ยังคงต้องลังเลเสียหน่อย ฮ่องเต้ขมวดพระขนง ตรัสด้วยความลำบากพระทัยว่า “คือ…เรื่องนี้เราไม่สะดวกจะเอ่ยนัก อย่างไรเสียก็เป็นครอบครัวของเฝิงเยี่ยไป๋ คนมักพูดว่าแต่งออกไปแล้วก็ต้องตามสามี จะได้หรือไม่นั้น ก็ยังต้องเป็นเขาพูดแล้วถึงจะได้”
ไทเฮาถอนหายใจ เริ่มพูดความในใจให้ฮ่องเต้ฟัง “แม้ว่าข้าจะเป็นแม่แท้ๆ ของเขา เพียงแต่ในใจเขาแค้นข้ายิ่งนัก พูดกับเขา เขาจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ฮ่องเต้ไม่เคยเห็น วันก่อนเด็กนั้นเข้าวังมาเรียนระเบียบ เพียงแค่ทำผิดแล้วถูกตีไม่กี่ที เขาก็มาหาเรื่องกับข้าเสียแล้ว ใบหน้าแดงก่ำ ท่าทางนั้น เห็นข้าเป็นศัตรูอย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้หากข้าเอาเด็กนั่นเข้าวัง เขาต้องไม่เห็นด้วย ไม่ต้องถามความเห็นของเขา วังหลังนี้เป็นวังหลังของฝ่าบาท หากฝ่าบาทยอมรับ เช่นนั้นข้าก็ไม่สนอะไรมากมายเช่นนั้นแล้ว”
ฮ่องเต้แย้มพระสรวลขึ้นมา “ไทเฮาถึงจะเป็นผู้ดูแลใหญ่ของวังหลัง เรื่องใหญ่เล็กทั้งหมดในวังหลังนี้ ล้วนต้องฟังไทเฮา ไทเฮาอยากจะจับลูกสะใภ้เข้ามาดูแลในวัง นับเป็นความโชคดีของเด็กคนนั้น เราจะปฏิเสธความรักของไทเฮาที่มีต่อลูกได้อย่างไรหรือ”
เป็นเช่นนี้ดี ไทเฮาคิดอยู่เล็กน้อยแล้วพูดอีกว่า “พรุ่งนี้ตอนเช้า รอให้เขาเข้าประชุมราชกิจ ข้าจะส่งคนไปรับเด็กคนนั้นเข้าวัง ทำแล้วค่อยบอก แถมยังอยู่ในวังอีก ข้าคิดว่าเขาก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อเขา รอให้เด็กคนนี้คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ถึงตอนนั้นทั้งภรรยาและลูกก็จะส่งกลับไปให้เขาอย่างดี ชีวิตหลังจากนี้ยังอีกยาวไกล จากกันสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนจะเป็นอะไรไป!”
ฮ่องเต้ตรัสรับ ไทเฮาเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ และเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับรุ่นหลังของตระกูลเฝิง ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน เรื่องนี้ให้ไทเฮาทำเพียงคนเดียว ฮ่องเต้เพียงรับผิดชอบส่งข่าว ตัวเองก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยว ให้พวกเขาแม่ลูกทำร้ายกันเองก็พอ