ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 355 ท่านพี่กลับมาแล้ว / ตอนที่ 356 ใจคิดเพียงจะแย่งความรัก
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 355 ท่านพี่กลับมาแล้ว / ตอนที่ 356 ใจคิดเพียงจะแย่งความรัก
ตอนที่ 355 ท่านพี่กลับมาแล้ว
เฝิงเยี่ยไป๋กลับมาถึงจวนท่านอ๋องก็ได้พบภาพที่คึกคัก ในสวนมีโต๊ะกลมที่มีคนนั่งกันอยู่เต็ม เฉินยางนั่งอยู่หัวโต๊ะ ใบหน้าแข็งทื่อแล้วก็ยังยิ้มอยู่ ซ่งจูและหลี่หรูทั้งสองปากอ้าแล้วพูดไม่หยุด น่าอวี้พูดแทรกขึ้นมาอยู่บ้าง สีหน้าก็จืดเจื่อน
เฉินยางมองดูแล้วไม่ยินดีนัก นางออกแรงถูมือตัวเอง ทั้งๆ ที่นั่งไม่ติดที่ ยังฝืนทนเอาไว้ ชาที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ดื่มไปแม้แต่คำเดียว พอได้เห็นเขา ตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที นางลุกขึ้นมาทักทาย “ท่านพี่กลับมาแล้ว เร็วๆ พวกนางรอพบท่านอยู่เลย”
เฝิงเยี่ยไป๋ขมวดคิ้วขึ้นมา กวาดตามองเหล่าคนที่โค้งคำนับ เสียงฟังดูแล้วไม่ค่อยพอใจนัก “รอพบข้า? พบข้าทำไมหรือ”
เฉินยางลากเขามานั่งลง “ย่อมมีเรื่องจะพูดอยู่แล้ว ข้านั่งมาทั้งบ่ายจนเหนื่อยแล้ว ท่านพูดกับพวกนางเสียหน่อย แม้ว่าจะอยู่ในบ้านเดียวกัน เพียงแต่โอกาสที่จะได้พบมีน้อยนัก อย่าได้ห่างเหินนักเลย”
นางให้ที่นั่งกับเขา หลังจากเร่งรีบพูดจนจบ นางก็สะบัดกระโปรงหายไปต่อหน้าเขา พริบตาเดียวก็วิ่งเข้าห้องไป เหลือเพียงกลิ่นหอมที่จางๆ และหายไปในทันที
ในใจน่าอวี้กระตุก นางบิดผ้าด้วยความตึงเครียด เจ้าโง่ทั้งสองนี้ ไม่มีเรื่องอะไรทำตามนางทำไม นางอยากคุยเพียงเล็กน้อยกับเฉินยาง พวกนางก็กลัวว่าตัวเองจะถูกทิ้ง จึงตามอยู่ข้างหลังติดๆ แม้ว่าเฉินยางจะนิสัยดี แต่ก็ไม่ใช่คนใจดีนัก เดินไปไม่กี่ก้าวมีคนตามหลังอยู่ จะไม่รู้ความต้องการได้อย่างไร นางไม่อยากจะโกรธ จึงนั่งลงคุยสักหน่อย
ตอนนี้ดูแล้ว นางกลับกลายเป็นคนก่อเรื่องเสียแล้ว
“มีเรื่องจะพูดกับข้างั้นรึ” เขาทำสีหน้าเย็นชา แล้วกวาดตามองผ่านทีละคน “รบกวนพระชายาทั้งบ่ายก็เพื่อจะคุยกับข้าน่ะหรือ”
ชายรักหญิงงาม หญิงรักชายหล่อ เมื่อก่อนยังคิดว่าเขาเป็นคนป่วยมีชีวิตไม่ยืนยาวนัก แถมยังไม่เคยเจอหน้าจริงๆ ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในกองเพลิง เพียงแต่ยามนี้ไม่เหมือนดั่งยามนั้น หน้าตาท่านอ๋องหล่อเหลายิ่งนัก โรคก็หายดีแล้ว มีทั้งอำนาจบารมี งานมงคลดีๆ และผู้ชายดีๆ เช่นนี้ ใครไม่อยากกำแน่นอยู่ในมือบ้าง
ซ่งจู่ก็เชื่อว่าตัวเองเป็นคนงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง มีขุนนางมากมายมาสู่ขอจนธรณีประตูแทบทรุด นางก็ไม่แม้จะมอง อยู่กับเฝิงเยี่ยไป๋อย่างไรก็ไม่ถือว่าเกินเลย อีกอย่างอาของนางก็ยังเป็นเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อ ต่อให้ไม่ใช่เพื่อคน เพื่อผูกสัมพันธ์แล้วก็ไม่ควรจะเย็นชาใส่นาง
“ตั้งแต่ท่านอ๋องแต่งงานจนถึงยามนี้ นอกจากไปที่ห้องพระชายารองเจี่ยงแล้ว ข้าและพี่หญิงหลี่ก็เฝ้าอยู่ในห้องทุกคืนอย่างเดียวดาย อยากจะพบหน้าท่านอ๋องสักครั้งยังยากเสียยิ่งกว่าพบพระพักตร์อีก วันนี้ก็ถูกบีบจนไม่มีวิธีแล้ว ถึงได้คิดจะมาหาพระชายานี้เพื่อรอโอกาส และก็มาแสดงความยินดีกับพระชายาด้วย”
หลี่หรูไม่กล้ามองเฝิงเยี่ยไป๋ ในใจคิดว่า ‘เจ้าโง่ซ่งจูนี่ ตัวเองรนหาที่ตายยังต้องลากนางไปอีกคน มีตาหามีแววไม่ยิ่งนัก ดูสีหน้าของท่านอ๋องแล้วยังกล้าป่าวประกาศเรื่องเหล่านี้อีก ความฉลาดของอาของนาง ไฉนนางถึงไม่ได้เรียนมาเลย’
น่าอวี้ก็ไม่กล้าพูดกล่อมแล้ว ยามนี้นิ่งเงียบสำคัญกว่าสิ่งใดอีก ต่อให้เขาไม่พอใจเพียงใด ด้วยภาพลักษณ์ดีๆ ที่นางได้ปูทางมาก่อนหน้านี้ ก็คงไม่ถึงกับหาเรื่องนางในทันทีกระมัง!
เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินว่านางมาแสดงความยินดี ในใจก็เหมือนถูกบีบ เรื่องนี้ปิดบังไม่อยู่ กลัวเพียงว่าฮ่องเต้จะได้รู้แล้ว นี่เป็นลูกคนแรกของเขา จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ทั้งยังเป็นข้ออ้างที่จะควบคุมเขา ถึงขั้นความกังวลยังกลบความดีใจที่เขาจะได้เป็นพ่อคนขึ้นมา เรื่องดีเรื่องร้ายปะปนกันไป ก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง!
——
ตอนที่ 356 ใจคิดเพียงจะแย่งความรัก
เฉินยางนั่งอยู่หลายชั่วยามจนปวดหลัง นางนั่งอยู่บนเตียงข้างหน้าต่างมองไปข้างนอกพลาง ทุบเอวไปพลาง ซั่งเหมยยกลูกไหนที่ล้างเสร็จแล้วให้นาง มองตามสายตานางไปแล้วพูดด้วยความเคียดแค้นว่า “เมื่อครู่แต่ละคนช่างพูดเก่งเสียจริง ไฉนยามนี้ถึงเป็นคนใบ้กันหมดแล้ว บอกว่าจะคุยกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องมาแล้ว ก็กลายเป็นคนใบ้เสีย แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้า”
พวกนางตามนางติดๆ ดูแล้วก็ช่างน่ารำคาญเสียจริง ความสามารถที่ติดพัวพันคนอื่นของผู้หญิงนั้นได้มาโดยธรรมชาติ สองคนนั้นนางไม่รู้จัก ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่น่าอวี้ก็ปนอยู่ในนั้น นี่กลับทำเอานางไม่เข้าใจเสียแล้ว สุดท้ายนางก็ถูกบีบจนหมดปัญญา จึงพากลับมาทั้งหมด ยกของกินอร่อยขึ้นโต๊ะ พวกนางอยากรอก็ให้พวกนางรอไป เพียงแต่พากลับมาแล้วกลับกลายเป็นความวุ่นวายอีก นางถอนตัวไม่ได้ ถูกพวกนางดึงไว้พูดคุยไปทั้งบ่าย ตอนนี้สะบัดหลุดแล้ว คิดในใจว่าหลังจากนี้จะแสดงสีหน้าเป็นมิตรบ่อยๆ ไม่ได้ ต้องทำเหมือนดั่งเฝิงเยี่ยไป๋ทำหน้าบูดบึ้ง ดูว่าใครยังกล้าสร้างความวุ่นวายกับนางอีก
เฉินยางมองน่าอวี้จนเหม่อลอย ผ่านไปอยู่นานถึงถามซั่งเหมยว่า “เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าน่าอวี้เปลี่ยนไปแล้ว”
ซั่งเหมยมองนางด้วยความประหลาดใจ “ท่านเพิ่งสังเกตหรือ แค่เปลี่ยนเสียที่ใด แทบจะเป็นคนละคนเลย ต่างจากเมื่อก่อนไปเยอะมากแล้ว”
เฉินยางพยักหน้าช้าๆ “ข้าก็รู้สึก เมื่อก่อนยังสนิทกับนางได้อยู่ ตอนนี้แม้จะยังพูดคุยได้บ้าง เพียงแต่มักรู้สึกว่ามีช่องว่างอยู่ วันนี้นางตามข้ามาคือมีเรื่องจะพูดกับข้า แต่นึกไม่ถึงว่าถูกอีกสองคนรบกวนเข้าให้ ก็ไม่ได้คุยเลย”
“ท่านมีอะไรจะพูดกับนางอีกหรือ ตอนนี้นางคิดเพียงจะแย่งความรัก เป็นศัตรูกับท่าน อย่างท่านที่ไม่เจ้าเล่ห์ไม่ระแวงคน คุยกับนางสองประโยคไม่แน่ก็ขายตัวเองไปเสียแล้ว”
“เพียงแต่ตอนแรกก็เป็นข้าที่เลือกให้นางเข้ามา ข้าชอบนางอยู่ รู้สึกว่าท่านพี่แต่งนางเข้ามาก็ไม่เป็นไร พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องเหมือนเดิม เพียงแต่ดูจากตอนนี้…เหมือนไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ยามที่นางมองท่านพี่นั้น แววตาเปล่งประกาย พอแววตาเปล่งประกาย คนก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก”
ซั่งเหมยย่อตัวลงนวดขาให้นาง พูดบ่นว่า “บ่าวก็พูดไม่เกรงใจ นายหญิงท่านเป็นคนโง่นัก ผู้หญิงก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานล้วนเปลี่ยนทั้งสิ้น พอแต่งงานแล้ว สามีก็เป็นทุกอย่างของผู้หญิง จะทำสิ่งใดก็ต้องพึ่งสามี ย่อมต้องหาวิธีแย่งความรักให้ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตยาวนานเช่นนี้ หรือจะโดดเดี่ยวเดียวดายจนจบสิ้นชีวิตหรือ”
“ที่เจ้าพูดก็ใช่ หากไม่มีเรื่องการแกล้งป่วยนั้น พวกนางก็ไม่ต้องแต่งเข้ามา แต่งกับคนที่ยังไม่ได้มีภรรยาอยู่แล้ว ชีวิตหลังจากนั้นก็จะดีเสียหน่อย”
หากเรื่องนี้จะต้องโทษคนใดละก็ ก็ต้องโทษฮ่องเต้ ราชโองการเป็นฮ่องเต้ที่มีพระบัญชาลงมา และก็เป็นพระองค์ที่บีบบังคับ เฝิงเยี่ยไป๋ถึงได้คิดวิธีแกล้งป่วยนี้ นี่เป็นโลกของผู้ชาย ผู้หญิงสำหรับพวกเขาแล้ว ก็เป็นเพียงหมากที่ใช้แย่งชิงอำนาจ สงสารก็เพียงพวกนาง ที่ถูกลากเข้ามาเพราะแผนการร้าย
ซั่งเหมยพูดอีกว่า “จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ได้ ต่อให้พวกนางไม่แต่งกับท่านอ๋อง แต่งกับคนอื่น ก็ไม่รู้ว่าคนที่พวกนางได้แต่งนั้นจะแต่งภรรยาเพิ่มอีกหรือไม่ ผู้ชายมีภรรยาสามคนสี่คนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ลูกสาวตระกูลใหญ่เช่นพวกนางนั้น ตอนแรกก็เตรียมถูกเลือกเข้าวังปรนนิบัติฮ่องเต้ วิธีการเรื่องความรักนั้นเรียนตั้งแต่อยู่ในบ้านแล้ว ท่านอย่าได้มองว่าแต่ละคนหน้าตาสวยงาม พูดจามีเหตุผล ที่จริงแล้วใจดำถึงเพียงไรก็ยังไม่รู้เลย!”
เฉินยางไม่พูดอะไรอีก เฝิงเยี่ยไป๋ไล่พวกนางไปแล้ว ยามที่น่าอวี้หันกลับมาเห็นนาง ก็ยกมุมปากจางๆ เผยรอยยิ้มขมขื่นยิ่งนัก