ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 373 สิ่งยั่วยวนสำหรับเขาแล้วล้วนไร้ค่า / ตอนที่ 374 ความสุขของการมีภรรยาและลูกอยู่ข้างกาย
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 373 สิ่งยั่วยวนสำหรับเขาแล้วล้วนไร้ค่า / ตอนที่ 374 ความสุขของการมีภรรยาและลูกอยู่ข้างกาย
ตอนที่ 373 สิ่งยั่วยวนสำหรับเขาแล้วล้วนไร้ค่า
ไม่ชอบหญิงงาม เหล้าก็ไม่ดื่มมากมาย หลังจากเข้ามาสายตาก็ไม่มองมั่ว สิ่งยั่วยวนต่างๆ สำหรับเขาแล้วล้วนไร้ค่า ฟังพวกเขาคุยกับกลับใส่ใจยิ่งนัก ความชอบที่เหล่าผู้ชายชอบนั้นสำหรับเขาแล้วไม่น่าสนใจทั้งสิ้น เหมือนดั่งพ่อของเขา มีความทะเยอทะยาน และไม่ปิดบัง ดั่งเสือที่เพิ่งเรียนการล่าเหยื่อเช่นนั้น พร้อมที่จะพุ่งออกไปอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่น่าเสียดายที่เผยเขี้ยวเล็บมากเกินไป เปิดเผยเกินไป
อวี่เหวินลู่เม้มปาก เห็นด้วยกับคำพูดของพ่อของเขา
ในใจเฝิงเยี่ยไป๋คิดว่า ‘วัยเขานั้นควรจะเลี้ยงนกฝึกสุนัขต่อสู้ ผู้หญิงล้อมอยู่ข้างกายเป็นวง เขาดีมาก มีความทะเยอทะยาน ไม่ชอบทุกสิ่ง กลับชอบอำนาจ คนเช่นนี้ วันหลังหากได้เป็นฮ่องเต้ที่ทรงคุณธรรมก็แล้วไป แต่หากเป็นฮ่องเต้ที่ไร้คุณธรรม…’
ซู่อ๋องได้ยินเขาถามถึงเรื่องลูกชายของเขา ก็นึกถึงข่าวที่ได้ยินตอนที่มาถึงเมืองหลวงในวันนี้ เขาประสานสองมือ ยินดีกับเขาว่า “หลังจากที่เข้าเมืองหลวงแล้วถึงได้ยินว่า ท่านอ๋องได้ลูก เพียงแต่ยามที่เดินทางมาเร่งรีบนัก ไม่ได้เตรียมของขวัญใดๆ มาให้ ขอให้ท่านอ๋องโปรดอภัย”
เฝิงเยี่ยไป๋ก็มีมารยาทกับเขา บอกไม่เป็นไร หลังจากคุยเล่นอีกสองสามประโยคก็อ้อมกลับเข้าเรื่องหลักอีกครั้ง
ซู่อ๋องพูดตรงๆ อย่างไม่เกรงใจนัก พูดจาก็ไม่อ้อมค้อมแล้ว เขาคีบอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยว มีความสงบที่ไม่ได้แยแสสิ่งใด “เรื่องราชโองการ ตอนนี้ทุกคนต่างรู้กันหมด ท่านอ๋องเป็นคนฉลาด ก็น่าจะรู้ว่า สาเหตุที่ฮ่องเต้ให้เจ้าช่วยดูแลราชสำนักกระมัง ที่ข้ามาครั้งนี้ ก็ไม่ได้จะปิดบัง ก็เพื่อจะสืบกำลังที่แท้จริงของฮ่องเต้ และก็จะคิดดู หากจะสู้ศึกมีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใดที่จะบุกเมืองหลวง”
คำพูดนี้พูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวนัก เฝิงเยี่ยไป๋เล่นแหวนหยกที่อยู่บนมือ พูดจางๆ ว่า “คำพูดของเจ้านี้ไม่เกี่ยวกับข้า วันนี้เช้าฮ่องเต้เพิ่งจะมีราชโองการลงมา ให้ข้าไปทำราชโองการเยี่ยมเยือนฝั่งเมืองเหมิงแทนพระองค์ ไปเยี่ยมเยือนมีความหมายเป็นเช่นใด ท่านอ๋องก็น่าจะทราบดีกระมัง ตอนนี้ข้าเหมือนดั่งสัตว์ที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้ ขยับตัวไม่ได้เลย!”
ไปเยี่ยมเยือนก็ไม่ใช่ว่าให้เขาเป็นศัตรูกับเขาตรงๆ หรือ ความหมายนี้ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด ซู่อ๋องลูบคาง ท่าทางฉลาด “ชื่อที่เขียนอยู่บนราชโองการนั้นยังไม่ครบส่วน ที่ฮ่องเต้สงสัยคือหนึ่งในพวกเราสองคน ราชโองการอีกฉบับหนึ่งอยู่ที่กรมความลับทหาร ฉบับนี้ไม่เปิดเผยต่อประชาชน อีกฉบับหนึ่งก็ไม่อาจเอาออกมาดูว่าเป็นใคร จะทำลายราชโองการก็ทำให้รู้สึกว่าเขาละอายใจ ย่อมต้องทำให้คนสงสัยว่าตำแหน่งฮ่องเต้ของเขานั้นได้มาโดยไม่ชอบธรรม เช่นนั้นก็ทำได้เพียงให้เจ้าและข้าฆ่ากันเอง ถึงยามนั้นหากไม่ตายทั้งคู่ ก็เป็นตายคนหนึ่งอีกคนก็สาหัส พอได้โอกาสเขาก็ลงมือจัดการเสี้ยนหนามทิ้ง สุดท้ายก็จัดการพวกเราทั้งหมดในคราวเดียว ต่อให้ที่เขียนอยู่บนราชโองการจะเป็นชื่อของเจ้าหรือข้า คนก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นภัยต่อบัลลังก์ของเขาได้อีก”
ดูเข้าให้ แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลถึงเมืองเหมิง เพียงแต่ข่าวในเมืองหลวงนั้น ที่ควรรู้ไม่ควรรู้เขาล้วนรู้หมด คาดว่าคงมีสายสืบอยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้ ค่อยๆ วางแผนทีละก้าว สงบนิ่งไม่เปิดเผย ความคมเก็บซ่อนไว้อย่างดี จนทำให้ถึงตอนนี้ฮ่องเต้ยังทรงพระราชดำริว่าเขาเป็นเพียงชายโง่ที่ใช้แต่กำลังชนะเท่านั้น หลบซ่อนอยู่ในเมืองเหมิง ให้ประชาชนเป็นแนวหน้าให้เขา ถึงขั้นด่าเขาอยู่ในราชสำนักว่าเขาเป็นเต่าหดหัว ไม่มีความยิ่งใหญ่ของตระกูลอวี่เหวินเลย
เพียงแต่ดูจากตอนนี้ ที่ไม่เหมือนคนตระกูลอวี่เหวินก็น่าจะเป็นพระองค์เสียแล้วกระมัง ล้วนมาจากแม่คนเดียวกัน เขายังเป็นถึงพี่ชาย กลับไม่มีแผนการที่ล้ำลึกและสายตาที่ก้าวไกลเท่าน้องชายคนนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต ไม่แต่งตั้งรัชทายาทให้เป็นฮ่องเต้กลับแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่เลยคงจะเกิดความวุ่นวาย ดังนั้นจึงได้ทิ้งวิธีนี้เอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เอาราชโองการให้ไทเฮาแล้วก็ให้คนปล่อยข่าวออกไปอีก
——
ตอนที่ 374 ความสุขของการมีภรรยาและลูกอยู่ข้างกาย
มารยาของผู้เป็นถึงฮ่องเต้มากยิ่งกว่าร้อยเล่มเกวียนเสียอีก ราชโองการรักษาชีวิตอะไรนั่น ก็เพื่อจะให้ทางสะดวกกับลูกชายตัวเองได้มีเหตุผลที่จะบุก พ่อเช่นนี้เขาก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ตัวเองจากไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่ความวุ่นวาย แถมยังยั่วยุให้เหล่าลูกชายฆ่ากันเอง ช่างเป็นพ่อที่ดีเสียจริงๆ
เป้าหมายของซู่อ๋องชัดเจนมาก ก็คือให้เฝิงเยี่ยไป๋ร่วมมือกับเขา ไม่อาจรอให้ฮ่องเต้วางแผนใส่ เช่นนั้นแล้วก็มีทางเดียวที่อยู่ตรงหน้า ก็คือร่วมมือกับซู่อ๋องล้มฮ่องเต้ให้ได้
เพียงแต่เขาก็ไม่ได้โง่ ต้องรู้ว่าหากร่วมมือกับซู่อ๋อง วันหลังสำเร็จแล้ว เขาจะไม่โยนความผิดใส่เขาหรือ ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชสมบัติ ด้านมืดที่ไม่อาจให้คนอื่นรู้ได้นั้นก็ต้องมีคนมาแบกรับ เพื่อจะได้ทำให้ตำแหน่งฮ่องเต้นั้นนั่งได้อย่างมั่นคง และไม่ให้ประชาชนสงสัยได้
อย่าให้ถึงยามที่เขาช่วยซู่อ๋องแย่งชิงแผ่นดินมา เขากลับแว้งกัดตัวเอง เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าตัวเองโดดเข้ากองไฟหรือ คิดว่าเขาโง่จริงๆ หรืออย่างไร
ตระกูลอวี่เหวินพวกเขาล้วนมีนิสัยเดียวกัน เชื่อถือไม่ได้ ตั้งแต่รุ่นของบิดาของเขานั่น ก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ บนปากบอกว่าฮ่องเต้ขุนนางฉันมิตร แต่กลับแอบเฝ้าคิดถึงภรรยาคนอื่น เรื่องวุ่นวายต่างๆ ของตระกูลเขาเฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยากยุ่ง ปล่อยให้พวกเขาแย่งชิงกันเอง ไม่เกี่ยวกับเขา ใยเขาต้องเสียเวลาไปช่วยพวกเขา
เฝิงเยี่ยไป๋อยากเป็นเพียงคนนอก สำหรับที่ซู่อ๋องพูดมานั้น เขาไม่สะทกสะท้าน “ท่านอ๋องกล่าวถูกยิ่งนัก ในเมื่อวันนี้พูดกันชัดเจนแล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้ยามที่ข้าไปที่ท่านอ๋องนั่น ขอให้ท่านอ๋องเปิดทางเสียหน่อย ข้าไม่ได้หวังสิ่งใด เพียงอยากจะกลับบ้านใช้ชีวิตสงบสุขของข้า หากฐานะท่านอ๋องนี้ปลดได้ ย่อมดียิ่งกว่าสิ่งใด”
อวี่เหวินลู่กัดฟัน พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “ท่านอ๋องอยากจะใช้ชีวิตสงบสุข ไม่อยากแย่งชิงกับผู้ใด ก็ต้องมองให้ออกมาสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร ท่านอยากจะใช้ชีวิตมีความสุขกับภรรยาและลูก ก็ไม่คิดว่า ฮ่องเต้จะให้สมดั่งที่ท่านหวังหรือ พวกเราไม่สู้รบกัน สำหรับเขาแล้วท่านก็ไร้ประโยชน์ เขายังเก็บท่านไว้ได้อีกหรือ โดยเฉพาะช่วงนี้ท่านอ๋องได้ลูก สำหรับฮ่องเต้แล้ว เท่ากับกำจุดอ่อนของท่านไว้ได้อีกข้อหนึ่ง เรื่องมาถึงตอนนี้ ไม่มีทางให้ถอยนานแล้ว ล้วนบอกว่าท่านอ๋องล้ำลึก เป็นคนฉลาด ไฉนตอนนี้ถึงหลงทางเสียได้ เรื่องง่ายดายเช่นนี้ก็ยังมองไม่ออกหรือ”
เฝิงเยี่ยไป๋จิบชา เหลือบมองเขา “ซื่อจื่อยังไม่เคยแต่งงาน จะรู้ถึงความสุขของการมีภรรยาและลูกอยู่ข้างกายได้อย่างไร ผู้ชายน่ะ อย่างไรเสียก็ต้องมีครอบครัวก่อน ซื่อจื่อไม่เคยอ่าน `เมิ่งเหลียงลู่` หรือ ผู้ชายต้องมีครอบครัวก่อนถึงจะสร้างฐานะ ครอบครัวเรียบร้อยแล้วถึงได้มีผลงาน
อวี่เหวินลู่ถูกเขาสวนกลับจนพูดไม่ออก ผู้ชายตระกูลอวี่เหวินชอบเอาชนะ เขาก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม ยังไม่เคยถูกใครสวนกลับจนพูดไม่ออก พออ้าปากอีกครั้งก็เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว “เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นไม่ทราบว่าพระชายาสวยงามเพียงใดถึงได้ทำให้ท่านอ๋องสูญเสียความทะเยอทะยาน จากเสือร้ายกลายเป็นแมวบ้าน”
ซู่อ๋องดุว่าเขาเสียมารยาท
เฝิงเยี่ยไป๋กลับเม้มปากยิ้มขึ้นมา ยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วก็วางลงอีก สะบัดแขนเสื้อแล้วยืนขึ้นมา ประสานมือลาจาก ตอนจบก็ด้วยท่าทางอวดเล็กน้อยว่า “ภรรยาข้าไม่ใช่เพียงหญิงงามจะเปรียบได้ หากจะต้องเทียบ ซื่อจื่อกลับไปดูรูปนางฟ้า งามกว่านั้นอีกเล็กน้อยก็ใช่แล้ว”
ซู่อ๋องไม่ได้รั้งเขาเอาไว้ หากร้อนรนก็จะเกิดความผิดพลาดมากมาย ผ่อนบ้างหนักบ้าง ในเมื่อวันนี้เขายอมมาตามนัดคนเดียว ก็บอกได้ว่าในใจเขาก็ยังไม่แน่ชัด ไม่รีบร้อน รอถึงเมืองเหมิง ฮ่องเต้อยู่ที่ไกลๆ มีโอกาสมากมายค่อยๆ คุยกันได้