ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 385 ลูกชายพวกเรายังอยู่ในท้องเจ้าอยู่เลย / ตอนที่ 386 บทนี้คือน้ำตาล
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 385 ลูกชายพวกเรายังอยู่ในท้องเจ้าอยู่เลย / ตอนที่ 386 บทนี้คือน้ำตาล
ตอนที่ 385 ลูกชายพวกเรายังอยู่ในท้องเจ้าอยู่เลย
เฝิงเยี่ยไป๋เรียกคนเอาของที่นางสั่งให้เอาลงมาขนขึ้นไปทั้งหมดอีกครั้ง โดยเฉพาะขนมของนาง ขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว รวมๆ ทั้งหมด สุดท้ายนับไปนับมากลับเพิ่มขึ้นมาอีกสองกล่อง รถม้าที่ตอนแรกเตรียมเอาไว้ใส่ไม่หมด เขาสะบัดมือ หามีอีกคันหนึ่ง การไปครั้งนี้ ใช้รถม้าสิบกว่าคัน นี่เรียกว่าไปอย่างเรียกง่ายเสียที่ใด? ยิ่งใหญ่อลังการ เหมือนดั่งกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเช่นนั้น
จะว่านางคิดมากก็ดี จะว่านางยากจนจนเคยชินก็เถอะ อย่างไรเสียอลังการเช่นนี้ แถมยังไปที่ทุรกันดารอยู่ นางก็รู้สึกไม่เหมาะ
ซั่งเหมยถอนหายใจอยู่ข้างๆ “นายหญิง ท่านดูเถิด ท่านอ๋องดีกับท่านเพียงใด ของมากมายเช่นนี้ ล้วนเป็นของท่านทั้งสิ้น”
เฉินยางก้าวลงจากบันได บอกเขาว่าของมีมากเกินไปแล้ว “ตอนแรกท่านก็ไปถูกด่าอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเผยความร่ำรวยอลังการเช่นนี้อีก ตอนที่ไปถึงแล้ว เหล่าคนทุกข์พวกนั้นคงแค้นท่านแทบตายแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋กำลังชี้สั่งคนให้เอากล่องที่ใส่ชุดของนางขนขึ้นรถ เขาดึงเอวนางเข้ามากอด ลูบท้องนางพูดว่า “ที่นั่นไม่สู้เมืองหลวง ของขาดแล้วอยากจะซื้อ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ข้าเป็นผู้ชาย ลำบากเสียหน่อยไม่เป็นไร แต่จะให้เจ้าเป็นเช่นนั้นไม่ได้ ผู้หญิงผิวดีเนื้ออ่อน หากให้เจ้าไปแล้วข้ายังดูแลเจ้าไม่ดี เจ้าจะให้ข้าเสียใจเพียงใด”
“แต่ว่า…” นางตกใจกับความอลังการเช่นนี้ “เช่นนั้นก็ใช้ไม่ถึงมากมายเพียงนี้เลย ก็เพื่อขนมกับเสื้อผ้าเล็กน้อย กลับต้องใช้รถม้ามากมายเพียงนี้ ท่านทำเช่นนี้…กลับทำเอาข้าเหมือนดั่งภาระเช่นนั้น หากท่านจะต้องทำเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่ไปแล้ว ไปแล้วท่านยังต้องดูแลข้า สร้างปัญหาให้ท่านอีก”
“เป็นเช่นนั้นไม่ได้…ในเมื่อเจ้าบอกว่าสามีว่าเช่นไรภรรยาก็ว่าตาม บอกว่าจะตามข้าไปด้วยกัน จะคืนคำได้อย่างไร ลูกชายพวกเรายังอยู่ในท้องเจ้าอยู่เลย เจ้าพูดแล้วคืนคำ ระวังเจ้าจะสอนเรื่องไม่ดีกับเขา”
เขาชอบเอาเรื่องนี้มาพูดกับนาง เฉินยางทำหน้าบึ้งว่า “ถึงยามนั้นประชาชนด่าลับหลังนินทาท่าน ข้าจะมีหน้าได้ด้วยหรือ พาลด่าข้าไปด้วยเลย อย่างน้อยท่านก็นึกถึงชื่อเสียงตัวเองเสียบ้าง คนดีๆ คนหนึ่ง ไปราชการแทนฮ่องเต้แล้ว ก็กลายเป็นคนบาปตลอดชาติ เพียงคิดก็อึดอัดแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋ยิ้มดั่งไม่แยแส “ฮ่องเต้เป็นเจ้าชีวิตที่อยู่ใต้ฟ้า ข้าเป็นเพียงแค่เบี้ยตัวหนึ่งของฮ่องเต้เท่านั้น ประชาชนไม่ได้โง่เสียหน่อย ต่อให้ด่า ก็ด่าฮ่องเต้ผ่านข้า คนบาปตลอดชาติยังไม่ใช่ข้า” พูดจบก็ก้มหน้ามองนาง “ที่แท้เจ้าก็เป็นห่วงว่าข้าจะถูกด่าใช่หรือไม่”
เฉินยางถูนิ้ว เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา “เช่นนั้นก็ไม่ต้องใช้มากมายเช่นนี้ ให้คนเอาลงมาเสียหน่อยเถิด ข้ามีชีวิตมาสิบกว่าปี โตมาในหมู่ประชาชนทั่วไป เพิ่งได้เป็นคนร่ำรวยไม่กี่วัน ยังไม่ทำให้ข้าเรื่องมาก ท่านพ่อของข้าพูดไว้ ลำบากเสียหน่อยดี คนจะได้หนังเหนียว แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย”
ลูกที่ผู้ชายเลี้ยงมาไม่ได้เอาแต่ใจดั่งผู้หญิงเลี้ยงมา ไม่มีสิ่งบังคับมากมาย สง่างามปล่อยวางง่าย นางก็ถูกเลี้ยงมาจนหนังเหนียวสิบกว่าปีนี้ ความร่ำรวยที่กัดกินก็มีเพียงภายนอก เนื้อแท้นางก็ยังสามารถทนความลำบากได้อยู่ จุดนี้เฝิงเยี่ยไป๋รู้ เพียงแต่เขาก็อยากเลี้ยงนางเหมือนดั่งลูกสาวเช่นนั้น ผู้หญิงก็ต้องเลี้ยงอย่างดี เมื่อก่อนพ่อของเขาอยู่ หาเงินก็ยังพอมีเป้าหมาย ตอนหลังเขาอยู่คนเดียว เงินทองมากน้อยก็ไม่สนใจแล้ว ชีวิตพออยู่ได้เป็นพอ หาเงินก็ไม่ใช่เพื่ออยู่รอด ได้กลายเป็นนิสัยนานแล้ว ตอนหลังแต่งงานกับเฉินยาง เงินทองมีที่ใช้ ตอนนี้เขาจึงคิดเพียงเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้นาง
ตอนที่ 386 บทนี้คือน้ำตาล
นิสัยคนตระกูลเฝิงก็คือผู้ชายดี รักภรรยา ในเมื่อรักภรรยา เช่นนั้นที่ภรรยาพูดไม่ฟังไม่ได้ สุดท้ายรถม้าสิบกว่าคันถูกนางลดเหลือเพียงห้าคัน ของที่อยู่บนรถ นอกจากของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ที่เหลือก็ไม่เอาไปแม้แต่อย่างเดียว
อย่าคิดว่านางตัวเล็ก แต่ความคิดกลับไม่เล็กเลย ในหัวนางมีความคิดของตัวเอง ถามถึงเหตุผล นางก็สามารถพูดได้อยู่นาน ของที่เอาลงจากรถม้าก็มีสิบหลายกล่อง นางชี้ไปที่ของเหล่านั้น อ้าปากอยู่ครึ่งวันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สุดท้ายนางก็ถอนหายใจ แล้วหันหลังกลับห้องไป
ในใจเฝิงเยี่ยไป๋กระตุก รีบเข้าไปจูงมือนาง บอกว่าช้าเสียหน่อย แล้วสังเกตสีหน้าของนางอย่างละเอียด ไม่เห็นความโกรธ ถึงได้วางใจลงบ้าง “เป็นอะไรหรือ ข้าเห็นเจ้าท่าทางอยากจะพูดแต่ไม่พูด โกรธแล้วหรือ”
“ไม่” ตอนแรกนางก็บ่นเขาว่าสิ้นเปลือง เพียงแต่ของที่เอาลงจากบนรถนั้น ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ใช่ของนาง เขาทำอย่างเต็มที่เช่นนี้ก็เพื่อนาง เฉินยางรู้สึกอบอุ่นในใจ ตอนแรกยังคิดจะว่าเขาเล็กน้อย เพียงแต่คำพูดมาถึงปากก็กลืนลงไปอีก หากเขาทำเพื่อนางแล้วยังต้องถูกว่าอีก เช่นนั้นตัวเองก็กลายเป็นภรรยาร้ายที่ไร้เหตุผลแล้วไม่ใช่หรือ
นางรู้สึกตัวขึ้นมาว่าหลังจากตั้งครรภ์แล้วต่างจากเมื่อก่อนไปมาก เมื่อก่อนในใจมีเพียงกินดื่ม หรือไม่ก็คิดจะหาวิธีออกไปเที่ยวข้างนอก ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ในหัวมีแต่เขา ยังมีลูกที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ไม่มีอะไรทำก็นึกภาพครอบครัวสามคนใช้ชีวิต เพียงคิดก็มีความสุขมากแล้ว
บางครั้งนี่อาจจะเป็นธรรมชาติของผู้หญิงกระมัง แต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว ใจก็สงบลงแล้ว ไม่คิดถึงเรื่องอื่นแล้ว แม้ว่าอนาคตจะต้องหมุนรอบสองคนนี้ ก็คุ้มค่า
“ท่านพี่” นางซุกที่อกของเขา หัวเล็กๆ ขยับไปมาอยู่ในอกของเขา แล้วหาท่าที่สบายที่สุด สงบลงแล้ว สองแขนเล็กๆ ก็กอดเอวเขาไว้แน่น “ไฉนท่านถึงดีกับข้าเช่นนี้ นอกจากท่านพ่อของข้า ท่านก็เป็นคนที่ดีกับข้าที่สุดแล้ว หากข้าห่างจากท่านไม่ได้จะทำเช่นไร”
ใจของเฝิงเยี่ยไป๋ถูกนางกระแทกจนอ่อนปวกเปียกแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นางกอดเขา เขาชอบเสียเหลือเกิน กางแขนกอดนางไว้ ในใจเหมือนดั่งมีน้ำตาลมาราดเช่นนั้น “ข้ายังต้องอยู่หลังพ่อเจ้าหรือ ดูเหมือนว่าข้าจะยังดีกับเจ้าไม่พอ”
“ไม่ใช่…” นางเงยหน้ามองเขา “ท่านพ่อเลี้ยงข้าจนโต เขาเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่ ข้าก่อเรื่องทั้งกลางวันกลางคืนเขาก็ยังไม่รังเกียจข้า ท่านไม่เหมือนกับเขา คนหนึ่งเป็นท่านพ่อ คนหนึ่งเป็นท่านพี่ พวกเขาล้วนเป็นคนที่สำคัญของข้า”
นางจูบที่คางของเขา ใบหน้าแดงก่ำ “ข้า… ข้าชอบท่าน”
วันนี้นิสัยเปลี่ยนไปแล้วหรืออย่างไร หรือว่าฉลาดแล้วในที่สุด นางบอกชอบเขา! ไม่ได้การ ใจเขาแทบลอยออกไปแล้ว เขาเชิดคางนางขึ้นมา แล้วจูบลงที่ริมฝีปากแดงๆ นั่น ปากนางวันนี้หวาน เหมือนดั่งแช่อยู่ในไหน้ำตาลนานนับปีเพิ่งจะเอาออกมา
ช่างเป็นภรรยาที่ดีเสียเหลือเกิน เขาพ้นความทรมานในที่สุดแล้ว หลังจากนี้สามีภรรยาครองคู่กัน มีลูกคนเดียวจะพอได้อย่างไร ต้องมีเป็นโหล ไม่เช่นนั้นเงินของเขาเหล่านั้น กี่ชาติถึงจะใช้หมด
เขาจูบเสร็จแล้ว แกล้งทำหน้าบึ้งพูดว่า “แต่ข้าไม่ชอบเจ้า”
หัวใจของนางกระตุก รอยยิ้มตรงหน้าแข็งทื่อขึ้นมา
เฝิงเยี่ยไป๋ถึงได้กล่าวประโยคหลังด้วยความขี้เล่นว่า “ข้ารักเจ้า”
เฉินยางตกใจหอบหายใจ หวดกำปั้นเล็กๆ ใส่เขา “ท่านทำข้าตกใจแทบแย่!”