ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 395 ติดสินบน / ตอนที่ 396 ถ่วงบ่อน้ำแล้วกัน เรียบร้อยดี
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 395 ติดสินบน / ตอนที่ 396 ถ่วงบ่อน้ำแล้วกัน เรียบร้อยดี
ตอนที่ 395 ติดสินบน
ที่ศาลได้เก็บห้องพักเรียบร้อย เฉินยางกลับไปพักผ่อนที่ห้องนานแล้ว ไม่ทันไร สาวใช้ของศาลก็ส่งของกินมา มีแกงไก่กระดูกดำ เนื้อวัวตุ๋น ยังมีนกพิราบต้มน้ำแดง บวกกับข้าวขาวที่แวววับ กินดียิ่งกว่าที่พวกเขาอยู่โรงเตี๊ยมเสียอีก
เฉินยางเห็นอาหารบนโต๊ะแล้วก็ส่ายหน้าไม่หยุด “คนข้างนอกจะหิวตายแล้ว ไฉนข้างในถึงยังกินเนื้อได้อีก”
ซั่งเหมยพูดว่า “ต้องบอกว่าราชการบังคับให้ประชาชนกบฏ พวกที่เป็นข้าราชการเหล่านี้ ล้วนเป็นคนขูดรีดชั้นดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหยาดเหงื่อประชาชน ต่อให้เป็นเนื้อแห้งก็ยังสามารถขูดจนได้น้ำมันออกมา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
นางได้ยิน ก็วางตะเกียบลงทันที “เช่นนั้นข้าไม่กินแล้ว”
ซั่งเซียงกล่อมนาง “ท่านควรจะกินก็กิน ไม่ได้เกี่ยวกับท่าน สุดท้ายที่ถูกเวรกรรมตามทันก็เป็นพวกเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเลย”
เฉินยางลุกขึ้นยืน ค่อยๆ เดินไปที่ประตู มองพระจันทร์โดดเดี่ยวที่อยู่ขอบฟ้า อดที่จะบ่นไม่ได้ว่า “พวกเต้าไม่เคยทนหิว ไม่รู้ว่ายามที่ต้องทนหิวทรมานเพียงใด คนเหล่านี้ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ข้างนอกร้องโหยหวนยิ่งนัก หิวจนแทบจะแทะตัวเองแล้ว พวกเขาที่เป็นข้าราชการของเหล่าพี่น้อง ไฉนถึงยังกินดีอยู่ดีอย่างสบายใจได้นัก”
เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางไม่ต้องเป็นกังวล แม้ฮ่องเต้ก็ไม่สนชีวิตของประชาชนของพระองค์เองเลย พวกเขาเป็นกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์
ก็ไม่ถึงที่ให้นางกังวลอยู่จริง เพียงแต่นางรู้สึกแย่ บ้านของนางก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่หิวจนไม่มีสิ่งใดกิน ในบ้านไม่อาจเปิดครัวได้ นั่นเป็นช่วงที่นางหิวยาวนานที่สุด ไม่ได้กินข้าวสามวันเต็มๆ พ่อของนางเกือบจะกรีดเนื้อตัวเองให้นางกินแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้ถึงรสชาติที่ต้องทนหิว แทบอยากจะแทะตัวเองเลยจริงๆ เพียงแต่ที่นี่ล่ะ? ข้างนอกเป็นขุมนรกข้างในกลับเป็นสวรรค์ พวกข้าราชการเหล่านี้มีตาเสียเปล่า ล้วนบอดสนิท ชีวิตของประชาชนอยู่ในสายตาของพวกเขานั้นไม่มีค่าใดๆ เลย
ซั่งเหมยซั่งเซียงกล่อมให้นางกินเสียหน่อย เพียงแต่นางดื้อดึงขึ้นมาควายสิบตัวก็ฉุดไม่อยู่ นางยืนรับลมอยู่ข้างหน้าต่าง รอเฝิงเยี่ยไป๋กลับมา
พวกนางทั้งสองคนกล่อมนางไม่ได้ จึงได้แต่ไปปิดหน้าต่าง แล้วสวมชุดให้นางเพิ่มและประคองนางนั่งรอที่เตียง
ทางฝั่งนั้น เฝิงเยี่ยไป๋ดื่มเหล้าไปสองจอก ถามไม่กี่ประโยคเพื่อสืบความจริง พอขุดมาได้พอประมาณ ก็ไม่ยอมนั่งต่อแล้ว
ประชาชนทุกข์ยากมากมายเช่นนี้ จะจัดการก็ไม่ได้ง่ายนักอยู่จริง เพียงแค่ช่วยเหลือให้อาหารไม่ใช่วิธีที่ยืนยาว พวกเขาจากบ้านเกิดมา ล้วนมาทางเหนือแล้ว ทางใต้ว่างเปล่า มีเมืองไม่น้อยกลายเป็นเมืองร้าง พูดไปแล้ว ก็ยังต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้ ไม่ช้าก็เร็วจะกินจนพระคลังหมดสิ้นแน่นอน
หลี่ฉางยงเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยพอใจนัก ยังคิดว่าตัวเองปรนนิบัติไม่ดีพอ เขาตบมือเล็กน้อย ข้างล่างก็มีคนอุ้มกล่องไม้สักสี่เหลี่ยมเข้ามา พอเปิดออก ก็เป็นทองคำที่เปล่งประกาย
“ท่านอ๋อง ท่านเดินทางมาเหนื่อยยาก นี่เป็นข้าน้อยที่ถวายให้ท่าน ท่านดู ข้าน้อยทำงานมานานหลายปี เฝ้าอยู่ที่นี่อย่างลำบาก ส่งหนังสือราชสำนักขึ้นไปไม่รู้ตั้งกี่ฉบับแล้ว อยากจะถวายตัวให้ราชสำนักมากยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่หนังสือราชสำนักเข้าเมืองหลวงไป ล้วนไม่มีวี่แวว ดังนั้น…” เขาผลักทองคำไปข้างหน้าเฝิงเยี่ยไป๋ “ข้าน้อยอยากขอให้ท่านอ๋องกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้แล้วพูดชมข้าน้อยเสียหน่อย”
เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ก็รีบไล่เขากลับไปเลย? ดูความหมายนั่น คือเห็นว่าที่นี่กอบโกยผลประโยชน์ไม่ได้แล้ว จึงคิดจะใช้เงินซื้อตำแหน่ง ดูนั่น นี่ก็เป็นข้าราชการที่ดูแลประชาชนของอวี่เหวินชัง ถึงยามนี้แล้วยังคิดแต่จะเลื่อนยศเลื่อนฐานะ
ตอนที่ 396 ถ่วงบ่อน้ำแล้วกัน เรียบร้อยดี
เฝิงเยี่ยไป๋เอาทองคำก้อนหนึ่งชึ้นมาชั่งน้ำหนักในมือ น้ำหนักก็ไม่เบาเลย ความตั้งใจนี้ กลัวจะเรื่องไม่สำเร็จเช่นนั้น
หลี่ฉางยงเห็นเขาเชิดมุมปากโดยไม่แสดงออก ในใจก็คิดว่าทำถูกแล้ว ความร่ำรวยจะมาถึงแล้ว รอยยิ้มบนหน้าก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ เกือบอ้าไปถึงหลังหูเลย
นึกไม่ถึงว่าเฝิงเยี่ยไป๋ชั่งน้ำหนักทองคำนั้นอยู่ในมือไม่กี่ที ข้อมือหมุนไป ถึงกับขว้างใส่หน้าเขา เขาหลบไม่ทัน ก็ขว้างใส่เต็มๆ หัวแตกทันที เลือดไหลลงตามหางตา
หลี่ฉางยงกุมศีรษะร้องขึ้นมา ใบหน้าเฝิงเยี่ยไป๋บูดบึ้งขึ้นมาทันที ยกเท้าเตะไปอีกครั้งเหมือนยังระบายอารมณ์ไม่พอ “ซื้อตำแหน่งซื้อถึงหัวข้าขึ้นมาแล้ว? เจ้าก็ไม่ดูว่าตัวเองเป็นใคร หมวกราชการมีให้เจ้าใส่ก็ไม่เลวแล้ว ยังคิดจะปีนให้สูงขึ้นอีก ไม่กลัวตกลงมาตาย!”
ในใจหลี่ฉางยงรู้สึกไม่ยุติธรรม เพียงแต่จะไม่ยุติธรรมอย่างไร เขาเป็นถึงท่าอ๋อง และก็เป็นราชโองการจากฮ่องเต้ เป็นดั่งบรรพบุรุษ ต้องเลี้ยงดูต้องรับอย่างดี เขารีบคุกเข่าลง คลานไปที่ข้างเท้าของเขา กอดขาเอาไว้ร้องท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต
เฝิงเยี่ยไป๋เตะเขาออกไปอีกครั้ง เขาเรียกหัวหน้าองครักษ์มา พูดเสียงดุดันว่า “ค้นศาลนี้ให้ทั่ว มุมต่างๆ อย่าได้ปล่อยทิ้งไว้แม้แต่ที่เดียว ข้าอยากจะดูนัก ศาลเล็กๆ นี้ตกลงซ่อนความไม่ชอบธรรมมากมายเพียงใด ทำให้ใต้เท้าหลี่ร่ำรวยเช่นนี้ ยื่นมือไปก็คือทองคำห้าร้อยตำลึง”
เขาเองรนหาที่ตายโทษคนอื่นไม่ได้ ไม่เคยเห็นคนโง่เช่นนี้มาก่อน ยามนี้แล้วยังกล้าเผยความร่ำรวยปีนสูงขึ้นอย่างเปิดเผย เขาขาดเงินเหล่านั้นหรือ วิธีนี้ใช้กับคนอื่นอาจจะได้ สำหรับเขาแล้ว ก็เท่ากับดูหมิ่นนัก
ก็เป็นโอกาสดี ใช้เรื่องนี้ปลอบใจประชาชน ฮ่องเต้ให้เขามาผิดใจกับซู่อ๋อง เพียงแต่พอเขามา กลับประหารข้าราชการของตัวเอง แต่ต่อให้ฮ่องเต้รู้ก็ตรัสอะไรไม่ได้ ประหารข้าราชการโกงกินก็เป็นการฆ่าปลวกตัวหนึ่งบนเสาบ้านของเขา ไม่ต้องสนว่าเป็นฮ่องเต้ทรงธรรมหรือฮ่องเต้เ**้ยมโหด ไม่มีใครไม่แค้นข้าราชการโกงกิน เขาได้ช่วยพระองค์พอดี พระองค์ดีพระทัยยังไม่ทันเลย
แม้ว่าประชาชนนี้จะไม่ใช่เป็นประชาชนของเขา จะปลอบประชาชนที่ทุกข์ยากอย่างไรก็ไม่ถึงที่ให้เขาเป็นกังวล เขาก็ไม่ได้ใจดีถึงขั้นใช้เงินตัวเองไปช่วยพวกเขา เพียงแต่ศาลสุยหนิงก็ไม่ใช่ของเขา เรื่องยืมดอกไม้ถวายพระเขาก็ทำเป็น สร้างชื่อเสียงดีให้ตัวเองใครไม่เป็นบ้าง
ศาลสุยหนิงรวมค้นได้เงินสองหมื่นตำลึง ข้าวสองพันหนึ่งร้อยเกวียน ยังมีสมบัติล้ำค่าอื่นๆ ศาลเล็กๆ นี้ กลับเกินความคาดหมายของเขา ซ่อนเงินทองไว้ไม่ใช่น้อย ของมากมายเช่นนี้ จะใช้อย่างไรก็พอให้ประชาชนที่ทุกข์ยากในเมืองได้กินอิ่มไปช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
หัวหน้าองครักษ์จับหลี่ฉางยงเข้ามาถามว่าจะจัดการอย่างไร หลี่ฉางยงกราบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต สิ่งของที่ท่านค้นมาได้นั้น ข้าน้อยยินดีมอบให้ท่าน ขอเพียงไว้ชีวิตของข้าน้อย ของเหล่านี้ก็เป็นของท่าน!”
เขาคิดว่าข้อเสนอที่ตัวเองเปิดมานั้นใหญ่พอ อย่างไรก็พอให้เขาคิดแล้วค่อยพูด เพียงแต่ขอร้องอยู่นาน ก็ขอได้เพียงประโยคเบาๆ จากเขาว่า “ลากออกไปประหารเถิด ยังจะเก็บเขาไว้แย่งอาหารกับประชาชนที่ทุกข์ยากกินหรือ”
หัวหน้าองครักษ์ลากคนออกไปแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋นึกถึงเฉินยางก็พูดอีกว่า “ลากออกไปไกลเสียหน่อย อย่าได้ฆ่าในบ้าน… ช่างเถอะ ถ่วงบ่อน้ำแล้วกัน เรียบร้อยดี”
ที่ศาลมีบ่อบัวอยู่พอดี บนตัวหลี่ฉางยงมัดหินก้อนใหญ่ไว้ มัดอย่างแน่นหนา ถูกหัวหน้าองครักษ์ถีบลงจากฝั่ง นอกจากคลื่นน้ำที่ไม่น้อยนั้น ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก