ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 401 ท่านอ๋องนี่คือเพ่งเล็งข้าแล้ว / ตอนที่ 402 ไม่เหมือนผู้หญิงเลย
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 401 ท่านอ๋องนี่คือเพ่งเล็งข้าแล้ว / ตอนที่ 402 ไม่เหมือนผู้หญิงเลย
ตอนที่ 401 ท่านอ๋องนี่คือเพ่งเล็งข้าแล้ว
เฝิงเยี่ยไป๋ไปถึงเมืองเหมิงก็เป็นซู่อ๋องที่ออกไปต้อนรับเอง เห็นเขามาเพียงคนเดียว ก็ยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็นำเขาขึ้นไปบนกำแพงเมือง ชี้ไปที่ประชาชนที่ร้องอยู่ข้างล่างกำแพง ยังมีดินแดนนอกกำแพงที่มีสภาพย่อยยับถอนหายใจ “นี่ก็คือแผ่นดินของต้าเยี่ยของข้า ทั้งๆ ที่ดีๆ อยู่ ก็ถูกพี่ชายของข้านั้นดูแลจนเป็นเช่นนี้ ข้าช่างเสียใจยิ่งนัก!”
ท้องฟ้ามืดสนิท ที่จริงแล้วก็มองอะไรไม่เห็น เพียงแต่ได้ยินเสียงร้องโหยหวน สภาพที่ย่อยยับนั้นก็เป็นความจริงที่ไม่ต้องบอก แผ่นดินของตระกูลอวี่เหวิน จากความมั่งคั่งร่ำรวยในสมัยฮ่องเต้องค์ก่อน เพียงแต่ตอนนี้เหลือเพียงเปลือกนอก เขามีสายเลือดอวี่เหวินไหลอยู่ จะไม่เสียใจได้อย่างไร
เฝิงเยี่ยไป๋รู้ว่าเขาให้ตัวเองมาพูดอะไร ไม่รอให้เขาอ้าปาก ก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ข้ากับพวกเจ้าที่แซ่อวี่เหวินไม่ถูกชะตากัน ใครจะเป็นฮ่องเต้สำหรับข้าแล้วก็ไม่ต่างกัน พวกเจ้าแย่งชิงของพวกเจ้าเอง ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยว ฮ่องเต้เลื่อนยศข้าตอนแรกก็เพื่อจะควบคุมข้า ตอนหลังก็เพื่อจะให้พวกเราฆ่ากันเอง โอกาสนี้เป็นโอกาสดี ข้าสามารถหลุดพ้นไปได้ ดังนั้น เรื่องระหว่างพวกเจ้า อย่าได้มาหาข้าจะดีที่สุด”
ซู่อ๋องอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า “ข้ารู้ ตอนแรกพระบิดาแย่งแม่ของเจ้า เจ้าและพ่อเจ้าต่างโกรธอยู่ในใจ เพียงแต่เขาเป็นฮ่องเต้ ถูกใจแล้วคือถูกใจเลย ใต้ฟ้านี้ล้วนเป็นของเขา ผู้หญิงยังจะหนีรอดจากเอื้อมมือเขาได้หรือ พูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเสียหน่อย เรื่องนี้หากเป็นบ้านคนอื่น คงดีใจคุกเข่าก้มกราบส่งคนเข้าวังแล้ว แต่เจ้าและพ่อเจ้าดันดื้อดึงนัก ตอนนี้เรื่องนี้ก็ผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว เขาก็ลงสุสานนานแล้ว เรื่องเวรกรรมของรุ่นก่อนก็ปล่อยวางลงเถิด เจ้ายังจำไปตลอดชาติเลยหรืออย่างไร”
เห็นเขาเม้มปากไม่พูด เขาก็พูดอีกว่า “ได้ยินว่าเจ้าและไทเฮายังไม่ถูกกัน ไม่ต้องเป็นเช่นนั้น จริงๆ เรื่องที่ไทเฮาทำเพื่อพวกเจ้าสองพ่อลูกมีไม่น้อย ตอนแรกได้ยินว่าพ่อเจ้าพาเจ้าลาราชการออกจากเมืองหลวง นางหาทุกวิถีทางที่จะติดต่อกับพวกเจ้า เจ้าก็รู้ ในวังมีเวรยามแน่นหนา จดหมายเหล่านั้นของนางไม่ได้ส่งออกไปฉบับเดียว ตอนหลังมีคนเสนอฆ่าเจ้าและพ่อเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นภัย ยังเป็นนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักหย่างซินคืนหนึ่งขอให้พระบิดาเปลี่ยนใจ เรื่องแย่งภรรยาคนอื่นแล้วฆ่าครอบครัวของเขาอีกไม่ดีนัก หากแพร่ออกไป เป็นฮ่องเต้ก็ไม่มีหน้า ไม่เช่นนั้นเจ้าและพ่อเจ้าจะอยู่จนถึงวันนี้ได้อย่างไร”
เฝิงเยี่ยไป๋พูดต่ออย่างเย็นชาว่า “พ่อข้าตายไปนานแล้ว”
ซู่อ๋องพูดต่อ “ได้ ถือเป็นข้าพูดผิด พี่ชายของข้าคนนี้ ทำอะไรไร้คุณธรรมนัก ข้ารู้ว่าเขาคิดจะทำร้ายเจ้าอยู่ตลอด เจ้าคนเดียวอำนาจมีน้อย ในมือก็ไม่มีทหาร อีกอย่างตอนนี้ภรรยาก็มีลูกแล้ว เจ้ายังเอาตัวรอดได้ เพียงแต่ลูกกับภรรยาล่ะ เจ้าไม่อาจปกป้องพวกเขาได้ตลอดเวลา พวกเรานี้ถือว่าต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์กัน เจ้าช่วยข้า ก็เท่ากับช่วยตัวเอง”
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะเบาๆ “ข้ามสะพานทำลายสะพานทิ้ง ก่อนฆ่าลาก็ให้ไปโม่แป้ง นี่ไม่ใช่วิธีที่ตระกูลอวี่เหวินพวกเจ้าชอบใช้หรือ แม่คนเดียวคลอดคนสิบแบบไม่ได้ ท่านอ๋องจะยกทัพ ไม่ต้องสนว่าใช้ข้ออ้างอะไรเข้าเมืองหลวง อย่างไรเสียก็เป็นการก่อกบฏ คิดจะมีชื่อเสียงที่ดีก็ไม่ได้ หากวันใดเรื่องสำเร็จแล้ว จะต้องหาคนมาเป็นแพะรับบาป มารับความอัปยศนี้แทนเจ้า ดังนั้น ท่านอ๋องนี่คือเพ่งเล็งข้าแล้ว?”
ไม่กี่ประโยคก็พูดเอาซู่อ๋องพูดไม่ออก เขาเอามือไพล่หลังเดินไปมาสองก้าว ผ่านไปอยู่นานก็มองเขาด้วยความจริงจัง “เจ้าเชื่อข้าไม่ได้”
เฝิงเยี่ยไป๋พูดจางๆ “เช่นนั้นท่านอ๋องก็เชื่อข้าได้แล้ว? ฆ่าก่อนค่อยรายงาน ส่งคนไปเติมตำแหน่งว่างที่สุยหนิง บีบข้าไปอยู่บนหน้าผาแล้ว ท่านอ๋องยังจะให้ข้าเอาอะไรเชื่อท่าน”
ตอนที่ 402 ไม่เหมือนผู้หญิงเลย
ประชาชนที่ทุกข์ยากนั้นก็เหมือนดั่งน้ำในทะเล หากจะช่วยเหลือละก็ ช่วยอย่างไรก็ไม่หมดสิ้น ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงเช้าอีกวันหนึ่ง คนที่มารับข้าวก็ไม่เคยขาดเลย ข้าวสารแต่ละกระสอบจากเต็มถุงอยู่จนกลายเป็นถุงที่ว่างเปล่า แจกออกไปไม่มีจบสิ้น เหมือนดั่งหลุมที่ไร้ก้นหลุม อ้าปากไว้อยู่เติมไม่เต็มอยู่ตลอดเวลา
อวี่เหวินลู่ก็ยกเก้าอี้นั่งอยู่ที่ประตู นั่งจ้องกับเฉินยาง เขาเป็นผู้เชายและก็เป็นคนฝึกวิชา ปกติฝึกนั่งย่อตัวครั้งหนึ่งสามห้าชั่วยามก็ไม่เหนื่อย เรื่องนั่งอยู่เฉยๆ นี้ สบายมาก ย่อมไม่สะทกสะท้าน เพียงแต่เฉินยางไม่ได้ นางตั้งครรภ์อยู่ นั่งลงไม่ทันไรก็ปวดเอวจนทนแทบไม่ไหว ซั่งเหมยกล่อมนาง จะหงุดหงิดกับเขาไปทำไม อย่างไรเสียก็มีกององครักษ์เฝ้าอยู่ที่นี่ อย่างไรเสียก็ไม่ให้เขาเข้าไป บอกจะประคองนางกลับไปพักผ่อน
อวี่เหวินลู่ก็ตะโกนอยู่ข้างล่าง “ทนไม่ไหวจริงก็กลับไปนอนเสีย อย่าได้ให้มีข่าวแพร่ออกไปว่าข้ารังแกผู้หญิง ทั้งยังเป็นสตรีมีครรภ์อีก จะเสียชื่อของข้าได้”
เฉินยางดื้อดึงยิ่งนัก ตัวเองประคองเอวแล้วลุกขึ้นมา เดินวนไปมาที่ประตู ซั่งเหมยซั่งเซียงตกใจแทบตาย นางตั้งครรภ์สามเดือนแรกสภาพยังไม่นิ่ง หากลูกเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ท่านอ๋องกลับมาไม่ฆ่าพวกนางเลยหรือ
“นายหญิง ท่านไม่ได้นอนทั้งคืนแล้ว ร่างกายทนไหวอีกหรือ อย่างน้อยก็ฟังบ่าวเสียหน่อยกลับปนอนเสียเถิด ไม่เช่นนั้นท่านอ๋องมาแล้ว เห็นท่าทางของท่านเช่นนี้จะปวดใจอีก”
เฉินยางหันไปพูดกับเจี่ยชีว่า “เจ้าส่งคนไปดู ดูว่าท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือไม่”
เจี่ยชีขานรับแล้วลงไปทำ
อวี่เหวินลู่มองนางด้วยความอึ้ง ผู้หญิงคนนี้ช่างดื้อดึงเสียจริง ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่เป็นเช่นนี้เลย ลูกในท้องตัวเองก็ไม่สนใจ ก็ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากที่ใด สามารถนั่งจ้องตากับเขาทั้งคืนโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ผู้หญิงที่เขาเคยเจอเมื่อก่อนนั้นแต่ละคนมีใครบ้างที่ไม่ใช่อ่อนนุ่มนิ่ม เพียงแตะก็อ่อน บีบเล็กน้อยก็แตก แต่นางดันเหมือนเหล็กหลอมมา ไม่เหมือนผู้หญิงเลย
มาถึงตอนนี้ งานทำได้ดีหรือไม่ก็ไม่สนใจแล้ว ที่สำคัญคือต้องกู้หน้าให้ได้ เขาเป็นผู้ชายอกสามศอก จะแพ้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างไร เช่นนี้แล้ววันหลังจะให้เขาเอาหน้าไปสู้ทหารที่อยู่ข้างล่างได้อย่างไร
บ่าวที่อยู่ข้างล่างยกข้าวต้มมาถ้วยหนึ่ง “ท่านซื่อจื่อ ท่านกินอะไรเสียหน่อยเถิด นั่งอยู่ทั้งคืนแล้ว กินอะไรเสียหน่อยก็ดี”
เขาเหลือบมองเฉินยาง นางเชิดศีรษะ หางตากวาดผ่านเขา ในจมูกส่งเสียงหึเบาๆ
นี่หมายความว่าอย่างไร ดูถูกเขาหรือ เขาปัดถ้วยทิ้ง ตะโกนว่า “ข้าไม่หิว” มีท่าทางเหมือนดั่งจะปกปิดแต่ก็ปิดไม่มิดเช่นนั้น
ซั่งเหมยมองไปที่ข้างล่าง แล้วยกน้ำแกงต้มไก่ไปตรงหน้าเฉินยางพูดกล่อมว่า “นายหญิง พวกเราไม่ต้องสนใจเขา เขาไม่กิน พวกเรากิน”
เฉินยางรับถ้วยมา ไม่มีการลังเล นางดื่มรวดเดียวหมด ดื่มเสร็จแล้วก็เอาผ้าเช็ดปาก สีหน้าสะใจ มองอวี่เหวินลู่พูดว่า “ข้ากินแทนลูกชายข้า”
อวี่เหวินลู่โกรธจนควันออกหู เขาเลียริมฝีปาก จะหิวอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่าหน้าตัวเอง เขาฝืนทนไว้ เห็นนางนั่งอยู่ที่นั่นทั้งกินทั้งดื่ม กินดื่มอิ่มแล้วก็นวดท้องเย้ยหยันเขา “ข้าวต้มที่เพิ่งออกมาใหม่ๆ อร่อยเสียจริง ข้าวนี้ทั้งนุ่มทั้งหอม” นางจุ๊ปาก ทำหน้าอิ่มเอม
ฝั่งนี้ทั้งสองคนยังตั้งท่าใส่กันอยู่ ฝั่งนั้นเจี่ยชีได้ข่าวกลับมาแล้ว พูดเสียงต่ำว่า “ท่านอ๋องอยู่ระหว่างทางแล้ว คาดว่าอีกหนึ่งถึงสองชั่วยามก็จะมาถึง”
เฉินยางได้ยิน ก็มั่นใจยิ่งขึ้น นางเอามือเท้าเอว ยิ่งมีท่าทีห้าวหาญขึ้นไปอีก