ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 419 คู่สร้างคู่สม / ตอนที่ 420 เหล้าดื่มเยอะแล้วซื่อจื่อน้อยจะโง่เอาได้
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 419 คู่สร้างคู่สม / ตอนที่ 420 เหล้าดื่มเยอะแล้วซื่อจื่อน้อยจะโง่เอาได้
ตอนที่ 419 คู่สร้างคู่สม
คราวนี้พูดจนอิ๋งโจวก็หน้าแดงขึ้นมา อ้ำอึ้งไม่มีคำตอบ
เฉินยางก็บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร แม้ว่าจะไม่โกรธ แต่ก็รู้สึกไม่เหมาะ อย่างไรเสียฐานะของน่าอวี้ตามชื่อแล้วก็ยังเป็นผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋ ส่วนอิ๋งโจวหรือ แม้ว่าจะตัวคนเดียว เพียงแต่ในใจเขามีคนอยู่แล้ว ที่หรู่หนานยังมีจี้หรู่ฉางรอเขาอยู่ สองคนนี้ เฉินยางคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ไฉนพวกเขาถึงอยู่ด้วยกันเสียแล้ว ที่ไปเมืองเหมิงครั้งนี้ หลังจากกลับมาก็รู้สึกว่าความแน่นอนของเมื่อก่อนก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ซั่งเหมยพูดจนทั้งสองคนพูดอะไรไม่ออก หากพวกเขาอธิบาย ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างอะไร นางก็เชื่อแล้ว เพียงแต่พวกเขาดันไม่ยอมอ้าปากอธิบาย เหมือนดั่งยอมรับแล้วเช่นนั้น อีกอย่างอิ๋งโจวยังยืนออกมาปกป้องนาง ยากนักที่จะไม่ให้คนคิดผิดไป
เพียงแต่หากพูดจากใจจริงแล้ว ทั้งสองคนนี้ก็เหมาะสมกันอยู่ ต่างเป็นคนดั่งเทพเซียน อยู่ด้วยกันแล้วก็เป็นคู่สร้างคู่สม จะให้ไม่อิจฉาได้อย่างไร
น่าอวี้ถูกอิ๋งโจวขวางอยู่ข้างหลัง เฉินยางประคองเอวถอยหลังสองก้าว ฝืนยิ้มขึ้นมาว่า “ไฉนพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่ เมื่อครู่ข้าได้ยินมีเสียงคนคุยกัน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเจ้า”
อิ๋งโจวก็ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี หรือจะบอกว่าเขาได้เจอแววตาและกลิ่นอายที่คล้ายคนรักจนหวั่นไหวขึ้นมาหรือ หรือจะบอกว่าเขาคิดจะแย่งผู้หญิงกับสามีของนาง จะเป็นเช่นใดก็ยากที่จะเอ่ยปาก เขาเป็นคนเรียนหนังสือ ผิดชอบชั่วดีอยู่ในใจเสมอ วันนี้กลับทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เขาพูดไม่ออกเสียจริง
น่าอวี้กระตุกแขนเสื้อเขาอยู่ข้างหลัง นางเดินยิ้มเข้ามาพูดกับเฉินยางว่า “ให้เวลาข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ยามดึกข้าค่อยไปหาท่าน จะพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน”
ก็ใช่ อยู่ข้างนอกพูดอะไรหรือ เรื่องเช่นนี้ พูดกันเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า นางอยู่ที่นี่ ระหว่างทั้งสามคนมักรู้สึกประหลาด อาจจะเป็นนางที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ ยังมีอิ๋งโจว ตอนนี้เขาต้องทรมานอยู่แน่ๆ ตัวเองยืนอยู่ที่นี่ก็พูดอะไรไม่ออก ไยต้องสร้างความไม่สบายใจให้กับตัวเองและคนอื่นด้วย
“ได้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปรอเจ้า”
นางเรียกซั่งเหมยบอกจะกลับไป
ซั่งเหมยกระทืบเท้าเรียกนาง “นายหญิง ท่านจะกลับไปเช่นนี้เลยหรือ”
“ออกมาเดินนานแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว ทั้งตัวไม่มีแรง ยืนแล้วก็ปวดเอว อยากจะกลับไปนอน” นางกระตุกซั่งเหมย แล้วก็ก้าวเท้าเดินออกไปแล้ว
ซั่งเหมยจึงได้แต่ตามไป จากไปด้วยความไม่เต็มใจ
อิ๋งโจวถอนหายใจอยู่ข้างหลังนาง รู้สึกผิดในใจ พูดตัดพ้อตัวเองว่า “เป็นเพราะข้า ไม่ควรเรียกเจ้ามาที่นี่ ตอนนี้ถูกพบเจอเข้าให้แล้ว ทำเอาเจ้าขายหน้าเสียแล้ว”
น่าอวี้พูดปลอบว่า “ไม่โทษเจ้า ต่อให้วันนี้ไม่มีใครพบเจอ จะช้าจะเร็วก็ต้องมีคนรู้เข้า เพียงแต่…” นางกังวลขึ้นมา “เจ้าคิดดีแล้วจริงหรือ ข้าไม่อยากทำให้เจ้าลำบาก ร่างกายของข้านี้ เจ้าเคยตรวจชีพจรให้ข้า เจ้าเองก็รู้ ข้ากลัวว่าจะทำให้เจ้าลำบาก”
อิ๋งโจวอยากกอดนางเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ฝืนไว้ได้ มือยื่นออกไปแล้ว ใกล้จะแตะถูกไหล่นางก็หดกลับมาอีก เขายิ้มเจื่อนๆ “ข้าไม่กลัวจะลำบาก อีกอย่าง เจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าลำบาก”
น่าอวี้ดีใจจนยิ้มออกมา “เจ้าพูดเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้าอายเข้าไปอีก พอแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถิด ที่เฉินยางนั้นข้าจะไปพูดเอง ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”
อิ๋งโจวยังคงไม่วางใจ “หากไม่ได้จริงๆ ละก็ ข้าไปเอง ข้าสำหรับนาง อย่างไรก็ยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิต นางน่าจะไว้หน้าข้าบ้างกระมัง”
น่าอวี้ผลักเขากลับไป “ไม่ต้อง ข้ารู้ว่าจะพูดอย่างไร”
ตอนที่ 420 เหล้าดื่มเยอะแล้วซื่อจื่อน้อยจะโง่เอาได้
เรื่องของน่าอวี้และอิ๋งโจว เฉินยางไม่ได้พูดอะไร ซั่งเหมยกลับเริ่มโกรธแค้นแทนนางขึ้นมา พูดอยู่ตลอดว่า “ข้าก็รู้ว่านางไม่ใช่คนดีอะไร หน้าตาก็เหมือนปีศาจจิ้งจอก ท่านอ๋องเพิ่งไปได้ไม่นาน นางก็รีบคลานขึ้นเตียงคนอื่นแล้ว” ยามที่ผู้หญิงจะเ**้ยมโหดขึ้นมา เห็นวิชาที่ปาก อะไรไม่น่าฟังก็พูดสิ่งนั้น พูดเหมือนดั่งจุดประทัดไม่ยอมหยุด
เฉินยางได้ยินนางยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง จึงขมวดคิ้วตำหนิ “พอได้แล้ว พูดเสียสองประโยคก็พอ ไม่จบไม่สิ้นหรือ เจ้าได้เห็นพวกเขาทำเรื่องเหลวไหลกับตาตัวเองหรือ คำพูดที่ไม่มีหลักฐานอย่าได้พูดมั่ว”
ซั่งเหมยถูกนางตำหนิก็เลิกด่า เพียงแต่ปากก็ยังบ่นอยู่ว่า “ท่านก็เห็นกับตาไม่ใช่หรือว่าพวกเขาเดินออกจากป่าไผ่ นี่ไม่ใช่หลักฐานหรือ”
พวกนางไม่รู้ว่ากฎที่น่าอวี้และเฝิงเยี่ยไป๋ตั้งเอาไว้ จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด เพียงแต่นางรู้ว่า หากเฝิงเยี่ยไป๋ชอบน่าอวี้ เรื่องนี้ก็อาจจะเอาผิดได้ เพียงแต่เขาไม่ชอบน่าอวี้ นางยังเป็นแม่นางที่อายุน้อยอยู่ จะให้จบลงเช่นนี้ไม่ได้กระมัง ดังนั้นเรื่องนี้นางคิดแล้วว่าน่าอวี้ไม่ผิด อิ๋งโจวก็เป็นคนที่สมบูรณ์ทุกอย่าง พวกเขาอยู่ด้วยกันก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะ
เพียงแต่… ตอนแรกน่าอวี้บอกกับนางว่ามีคนในใจอยู่ อิ๋งโจวก็ไม่เคยลืมแม่นางเสียนคนนั้นเลย คนสองคนที่ต่างก็มีคนในใจอยู่แล้วไฉนถึงมาอยู่ด้วยกันได้ ไม่เขินอายหรือ หรืออาจจะใช้ใบหน้านั้นไปคิดถึงคนที่อยู่ในใจของตัวเอง เฉินยางเพียงคิดก็รู้สึกหนาวถึงกระดูก นางช่างไม่เข้าใจพวกเขาเลยจริงๆ
เพื่อไม่ให้ซั่งเหมยคุมปากตัวเองไม่ได้แล้วพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนอีก ยามที่น่าอวี้มา เฉินยางจึงให้นางไปดูแมวแล้ว ที่ข้างกายเหลือเพียงซั่งเซียงที่เงียบสงบ ซั่งเหมยซั่งเซียง ทั้งๆ ที่ต่างมาจากวังเช่นกัน เมื่อก่อนก็ปรนนิบัติอยู่ที่เดียวกัน ไฉนนิสัยถึงได้ต่างกันเช่นนี้
ยามที่ใกล้จะพลบค่ำ สุดท้ายน่าอวี้ก็มา ตอนที่มานั้นก็หิ้วเหล้าสองไห เป็นเหล้าผลไม้ที่พวกเขาดื่มที่อวี้เฉวียนซานจวงครั้งก่อนนั่น ดื่มง่าย ตอนหลังเฉินยางคิดถึงอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ดื่มอีก ครั้งนี้ก็ได้สมหวังดั่งใจนางแล้ว
“ซั่งเซียง พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าจะคุยกับน่าอวี้”
ซั่งเซียงจ้องมองเหล้าที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ค่อยวางใจนัก “นายหญิง ตอนนี้ท่านตั้งครรภ์อยู่ ท่านหมอบอกแล้ว เหล้าต้องดื่มน้อย ไม่เช่นนั้นซื่อจื่อน้อยที่คลอดออกมาจะโง่เอาได้”
เฉินยางสะบัดมือไล่นาง “วางใจเถิด ข้ารู้อยู่ ไม่ดื่มมาก”
ซั่งเซียงพูดง่ายกว่าซั่งเหมยมาก เฉินยางอดทนรอไม่ไหวรีบเปิดไหเหล้าแล้วดม กลิ่นนี้นางชิมครั้งเดียวก็จำได้แล้ว กลิ่นหอมกรอกเข้าจมูก ช่างทำเอารู้สึกสบายเหลือเกิน
“วางใจเถิด ข้าถามท่านหมอแล้ว เหล้านี้ดื่มมากก็ไม่มีผลต่อท่าน เพียงแต่เพื่อความปลอดภัยแล้วท่านก็ดื่มน้อยหน่อยเถิด!”
เฉินยางตอบอืมเบาๆ มือหยุดชะงัก “วันนี้เจ้ามาหาข้า มีเรื่องจะพูดใช่หรือไม่ เจ้ากับท่านหมออิ๋งโจว…”
นางไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร เพียงแต่ก็ยังคงทนไม่ไหวที่จะถาม พวกเขาต่อให้ปิดบังจะปิดบังได้นานเพียงใดหรือ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีคนรู้
น่าอวี้ก้มศีรษะลง พูดด้วยเสียงสะอื้น “ก็เป็นดั่งเช่นที่ท่านเห็นวันนี้ ข้าอยู่กับเขาแล้ว” นางเงยหน้าขึ้นมา เผยรอยยิ้มเจื่อน “เช่นนี้ไม่ดีหรือ”
เฉินยางกลัวนางจะเข้าใจผิด รีบพูดว่า “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้บอกว่าเช่นนี้ไม่ดี เพียงแต่เมื่อก่อนเจ้าเคยบอกว่าเจ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้ไม่สนใจเขาแล้วหรือ”
คนที่ชอบ น่าอวี้นึกถึงเฝิงเยี่ยไป๋แล้วเผยลักยิ้มที่อยู่ข้างแก้ม “คิดถึงเขาแล้วมีประโยชน์อันใด เขาแต่งภรรยาแล้ว ลูกก็มีแล้ว ใจไม่อยู่ที่ข้าแล้ว คิดถึงเขาไปก็เท่านั้น”