ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 437 เจ้าลิงนั่นเจ้าเล่ห์นัก / ตอนที่ 438 ทำข้าเดือดแล้วเจ้าก็แย่
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 437 เจ้าลิงนั่นเจ้าเล่ห์นัก / ตอนที่ 438 ทำข้าเดือดแล้วเจ้าก็แย่
ตอนที่ 437 เจ้าลิงนั่นเจ้าเล่ห์นัก
เพื่อจะตบตาผู้คน ที่เฝิงเยี่ยไป๋มาครั้งนี้พาเจี่ยชีมาเพียงคนเดียว อันผิงอ๋องเป็นคนที่ขี้สงสัยมาก จู่ๆ ก็ไปสืบกำลังทหารรังแต่จะถูกสงสัยเอาได้ ที่จริงแล้วก็ไม่ต้องสืบไปทั่วเพื่อหาค่ายทหาร ในคนหมู่มากย่อมมีข่าวลือ ฟังมาหนึ่งพันเล่าไปหนึ่งหมื่น ในสิบคนมีเก้าคนล้วนแพร่ข่าวไปเรื่อย ส่วนมากก็เป็นเรื่องจริงอยู่ เขาซ่อนอยู่ที่โรงน้ำชาโรงเตี๊ยมหลายวัน กลับไปก็เอาข่าวที่ได้ยินมาวิเคราะห์เสียหน่อย จะหาค่ายทหารเจอก็ไม่ยาก เพียงแต่หากจะรู้ว่าอันผิงอ๋องสะสมกำลังทหารมากมายเท่าไรก็ยังต้องไปดูที่ค่ายด้วยตัวเอง การจะปลอมตัวไปอย่างไรเพื่อไม่ให้คนสังเกตเห็นนั้นก็เป็นเรื่องลำบาก
วันก่อนเขาเพิ่งเขียนจดหมายไปหาซู่อ๋องจะร่วมมือ เขาขอผังป้องกันของเมืองหมองเพื่อจะเป็นจุดอ่อนที่อยู่ในกำมือของเขา เขารู้ผลดีผลเสีย ไม่อาจเคลื่อนไหวสุ่มเสี่ยงแอบเปลี่ยนผัง กำลังทหารของอ๋องนอกด่านสองคนนี้เป็นเช่นไร เขาก็ต้องมีข่าว เพียงแต่คนอื่นก็คงไม่เผยความลับที่แท้จริงของตัวเองให้เขาแน่นอน
การสืบซู่หยางและเฟินหยาง ไม่ใช่เพราะเพื่อฮ่องเต้ การรู้เขารู้เรา ไม่ว่าจะใช้ที่ใดก็ย่อมไม่ผิด เพียงแต่เขาไม่วางใจเมืองหลวง ฮ่องเต้สั่งให้เขาออกไป ก็คือคิดอยากจะฉวยโอกาสเขาไม่อยู่ ให้เขาไฟไหม้หลังบ้าน ยามนี้ไม่มีใครสังเกตความเป็นความตายของเหลียงอู๋เย่ว์ เว่ยหมิ่นก็จนปัญญา เฉินยางยังตั้งครรภ์อยู่ เมืองหลวงไม่มีใครช่วยเขาได้ เขาไม่อาจอยู่ที่นี่นาน ยังต้องรีบกลับไป
ว่ามาที่เฉินยาง ครั้งที่แล้วหลังจากที่พลาดท่าที่หานสือนั้น หานสือก็เตือนนางไม่ให้นางไปที่จวนท่านหญิงอีก เพียงแต่จะนั่งรอก็ไม่ได้ จึงหาวิธีอื่น นางให้คนในจวนไปส่งข้าว ที่จริงแล้วในนั้นมีจดหมายสอดอยู่ ให้เขาต้องส่งให้ถึงมือเหลียงอู๋เย่ว์ให้ได้ แถมยังกำชับอีกว่า หากกององครักษ์ขวางทางก็ให้เงินไป ในจวนไม่ขาดเงินเหล่านี้ ซื้อความสะดวกยังพอได้อยู่
ขันทีน้อยได้รับคำสั่งแถมมีรางวัลอีก จึงรีบวิ่งออกไป เฉินยางเรียกเฉาเต๋อหลุนมาอีก ถามเขาว่าจำหน้าตาขันทีที่ครั้งก่อนมาส่งจดหมายได้หรือไม่ เฉาเต๋อหลุนคิดอย่างละเอียด จึงบอกจำได้ “เป็นเสี่ยวโซ่วเอ๋อร์ที่อยู่ครัวหลวง บ่าวจำได้ คนของครัวหลวงสามารถเข้าออกวังได้ ขันทีนางกำนัลในวังบางครั้งก็จะฝากเขาซื้อของเล็กน้อยที่อยู่นอกวัง เจ้าเด็กนี้เจ้าเล่ห์นัก เป็นคนฉลาด ใช้งานได้ดี”
มิน่าเว่ยหมิ่นถึงได้หาเขาให้ออกมาส่งจดหมาย
เฉินยางพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าหาเขาเจอหรือไม่”
เฉาเต๋อหลุนพูดว่า “ทุกเดือนวันที่หนึ่งและสิบห้าครัวหลวงจะออกนอกวังเพื่อซื้อของ พรุ่งนี้ก็เป็นวันนั้นพอดี จะหาเขาไม่ใช่เรื่องยาก นายหญิงหาเขามีเรื่องใดหรือ เจ้าลิงนั่นเจ้าเล่ห์นัก ท่านมีเรื่องใดจะฝากเขาไปทำ ให้บ่าวไปบอกเขาเสียเถิด!”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เจ้าไปตามหาเขามาให้ข้า ข้าจะถามเขาเพียงเล็กน้อย”
เฉาเต๋อหลุนขานรับ นางไม่อยากพูด เขาก็ไม่ต้องถาม จะได้ไม่ต้องมีปัญญา เขาก็คือรู้มากไป เป็นคนไม่รู้อะไรเลยเสียดีกว่า!
ซั่งเหมยไม่เข้าใจ “นายหญิง ท่านหาเขาทำไมหรือ วันก่อนบ่าวก็เคยฝากเขาซื้อของ เจ้าลิงนั่นไม่ใช่คนดี ชอบโก่งราคา ขอเพียงได้กลิ่นอะไรที่เกี่ยวกับเงิน ก็จะเป็นเหมือนดั่งแมลงวันเห็นเนื้อเช่นนั้น สะบัดไล่ก็ไม่ไป”
สิ่งเหล่านี้เฉินยางล้วนเรียนมาจากเฝิงเยี่ยไป๋ จับงูจับที่คอ จี้คนจี้จุดอ่อน คนที่โลภมากจัดการได้ง่ายที่สุด ขอเพียงมีเงิน เรื่องอะไรก็ทำได้ ตอนนี้เห็นว่าพึ่งคนอื่นไม่ได้ จึงได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว เว่ยหมิ่นนั้นไม่สนไม่ได้ อย่างอื่นนางช่วยอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ทำให้นางกินดื่มสบายใจได้ ตอนนี้นางก็เป็นคนมีลูกแล้ว ร่างกายจะทนการทรมานเช่นนี้ไม่ไหว
ตอนที่ 438 ทำข้าเดือดแล้วเจ้าก็แย่
เฉาเต๋อหลุนทำงานมักจะเชื่อใจได้ วันที่สองกลางวันก็พาเสี่ยวโซ่วเอ๋อร์มาแล้ว เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์มีใบหน้าอ้วนกลม ใบหน้าขาวกลม มีตาเล็กๆ คู่หนึ่ง เมื่อยิ้มแล้วก็ดูจะเจ้าเล่ห์นัก ดูแล้วก็เป็นคนฉลาด เมื่อเห็นเฉินยาง ก็คำนับตามระเบียบ “บ่าวน้อมทักทายพระชายา”
เฉินยางบอกไม่ต้องมากพิธี แล้วเรียกคนอื่นออกไป และถามเขาด้วยท่าทางเป็นกังวลว่า “ครั้งก่อนเป็นเจ้าที่มาส่งจดหมายที่จวนกระมัง ท่านหญิงอยู่ในวังเป็นเช่นไรบ้าง สบายดีหรือไม่”
เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์โค้งเอวถามกลับ “ที่พระชายาถามคือท่านหญิงมีชีวิตดีหรือไม่ หรือถามท่านหญิงกินดีหรือไม่”
ยังมาหลอกนางอีก เฉินยางขมวดคิ้วถามเขา “ต่างกันด้วยหรือ ไม่ว่าสิ่งใดไม่ดีก็คือไม่ดี ข้าถามเจ้า เจ้าก็ตอบมาตามตรง ท่านหญิงมีครรภ์ วันก่อนยังเกือบจะแท้งลูก ตอนนี้ดีขึ้นหรือไม่”
เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์เงยหน้ามองนาง ตาที่หรี่อยู่ลืมขึ้น รอยยิ้มก็เก็บกลับไป “ในวังไม่ขาดสิ่งใด ท่านหญิงกินอิ่มนอนหลับ ร่างกายดีอยู่เลย พระชายาไม่ต้องเป็นกังวล”
กินอิ่มนอนหลับ โกหกกันหน้าด้านๆ เลยไม่ใช่หรือ เฉินยางโกรธจนลุกขึ้นมา ชี้นิ้วไปที่เขา ช่างเจ้าเล่ห์นัก จะเอาเงินยังต้องใช้เล่ห์กลอีก หากเขาเป็นดั่งหานสือนั่น ไม่อ้อมค้อม จะเอาเงินก็พูดตรงๆ กลับยังมีภาพลักษณ์ที่ดี ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ เฉินยางก็ยิ่งเกลียด
ซั่งเหมยรู้ความหมาย จึงส่งเงินไป “พวกเห็นแก่เงิน ยังไม่รีบพูด นายหญิงบ้านข้าถามอะไรเจ้าเจ้าก็พูดมาตามตรง หากมีประโยคใดไม่เป็นความจริง จะลากเจ้าไปเป็นอาหารสุนัข!”
เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์รับเงินมา แล้วใส่ไว้ในเสื้อด้วยความพอใจ รอยยิ้มเผยออกมาอีกครั้ง “พระชายาถามท่านหญิงมีชีวิตดีหรือไม่ บ่าวก็เป็นเพียงคนที่ส่งอาหารให้ท่านหญิง ทุกครั้งที่ไป ท่านหญิงก็อาบแดดอยู่ที่สวน บ่าวเห็นสีหน้าท่านหญิงดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยมีชีวิตชีวานัก อาจจะเพราะเบื่อกระมัง ท่านวางใจได้ ท่านหญิงอยู่ในวังไม่ได้ลำบากสิ่งใด อาหารก็มีคนทดสอบพิษแล้วถึงส่งไป ย่อมกินดีแน่นอน”
ให้เงินไปแล้วแลกกลับมาได้เพียงคำพูดกลบเกลื่อนเช่นนี้ แม้เฉินยางจะมีนิสัยดี ก็ทำเอาโกรธขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ร่างกายที่ยังท้องอยู่ไม่อาจลงมือ จึงได้แต่กัดฟันถามเขาว่า “เจ้าอยู่ในวังขายของเล็กน้อยเบื้องบนของเจ้ารู้หรือไม่ ข้าว่าที่ท่านหญิงนั่นก็คงถูกเจ้าปล้นเสียหมดสิ้นแล้วกระมัง ถามเจ้าไปเจ้าก็ตอบมาตามตรง อย่าคิดว่าข้าเป็นผู้หญิงจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ กระต่ายถูกบีบจนร้อนรนแล้วยังกัดคนได้ ทำข้าเดือดแล้วเจ้าก็แย่ ข้าถามเจ้าอีกครั้ง ตกลงตอนนี้ท่านหญิงดีหรือไม่”
เรื่องความสามารถในการหาเงินนั้นเสี่ยวโซ่วเอ๋อร์เรียนรู้จากอาจารย์ของเขา ตอนแรกที่ให้นั้นล้วนเป็นเงินเล็ก ดังนั้นสิ่งที่พูดจะต้องพูดในสิ่งที่นางไม่อยากได้ยิน จะให้นางรู้ในสิ่งที่นางอยากรู้ในทันทีไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเงินก้อนใหญ่ที่อยู่ตอนหลังก็จะไม่ได้แล้ว ต้องค่อยๆ ล่อนาง ยิ่งนางอยากรู้มากก็ยิ่งไม่ให้นางรู้ เช่นนี้แล้วเงินที่ได้มาตอนหลังถึงจะมีมาก
เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์รู้กฎนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะถูกนางขู่ก็ยังคงไม่ร้อนรน “บ่าวจะกล้าบังอาจกับพระชายาได้อย่างไร ที่บ่าวพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ขอให้พระชายาเชื่อด้วยเถิด”
เฉินยางอดทนไว้ไม่ระเบิดออกมา นางหันศีรษะพูดกับซั่งเหมยว่า “ไปเรียกผู้ดูแลเฉาเข้ามา”
ซั่งเหมยรับคำสั่งออกไปแล้ว ผู้ดูแลเฉาเข้ามา จ้องใส่เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์ ในใจก็พอเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “นายหญิง ท่านมีสิ่งใดจะสั่งหรือ”
เฉินยางเชิดคางใส่เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์พูดว่า “ตามระเบียบที่อยู่ในวังของพวกเจ้า การไม่เคารพเบื้องบน ไม่เห็นเจ้านายอยู่ในสายตาควรจัดการเช่นไร ก็จัดการเขาเช่นนั้น!”