ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 439 วันนี้อารมณ์ไม่ดี / ตอนที่ 440 หัวสมองของนางนั้นแม้มีใจแต่ทำไม่ได้
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 439 วันนี้อารมณ์ไม่ดี / ตอนที่ 440 หัวสมองของนางนั้นแม้มีใจแต่ทำไม่ได้
ตอนที่ 439 วันนี้อารมณ์ไม่ดี
ในวังหากไม่เคารพเบื้องบนจะส่งราชสำนักภายในโบยตีจนตาย นางบอกว่าจะใช้วิธีในวังนั้นลงโทษเขา ก็ไม่ใช่ว่าจะโบยตีเขาจนตายหรือ
เสี่ยวโซ่เอ๋อร์ร้อนรนขึ้นมาทันที เขาหมอบอยู่กับพื้น “ไม่ทราบว่าบ่าวไม่เคารพพระชายาที่ใด พระชายาถึงกับต้องโบยตีบ่าวจนตาย พระชายาจะให้บ่าวตาย ก็ต้องให้บ่าวตายตาหลับ”
เพียงแค่โกรธมากแล้วอยากทำให้เขากลัว คิดว่าเขากลัวแล้วก็จะรีบพูดออกมา ใครจะรู้ว่านี่เป็นคนดื้อดึงยิ่งนัก ถึงยามนี้แล้วยังจะเถียงนางอีก เศษเงินเหล่านั้นสำคัญกว่าชีวิตเขาอีก! หากเมื่อครู่พูดดีๆ กับนาง เพื่อประโยคไม่กี่ประโยค ไม่มีเหตุผลที่นางจะไม่ให้ เพียงแต่เขาจะต้องอ้อมค้อมเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจนัก!
เฉาเต๋อหลุนดึงเขาขึ้นมา ไม่มีการพูดมาก ลากแล้วก็เดินไปข้างนอก เฉินยางยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองเขา “ในวังขาดขันทีขายของไปเสียคนหนึ่งก็ไม่มีใครสืบ ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าดีๆ เจ้าไม่ยอมฟัง จะต้องลำบากถึงจะยอมพูดความจริง หากเจ้าพูดมาอย่างซื่อตรง เงินให้เจ้าไม่น้อยแน่นอน เพียงแต่เจ้าน่ารังเกียจก็ตรงที่รับเงินแล้วก็ไม่ยอมพูดดีๆ วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีนัก นี่เป็นเจ้าที่บังคับข้าเอง”
เสี่ยวโซ่เอ๋อร์อยู่ในวังทำงานมาหลายปี ดูสีหน้าคนเก่งที่สุด เมื่อก่อนใช้วิธีจะจับแต่แกล้งปล่อยนั้น ไม่ใช่ว่ามีเงินมากมายเข้ากระเป๋าแล้วหรือ มาวันนี้ ก็เคยได้ยินมานานแล้วว่าพระชายาคนนี้ไม่ฉลาด คิดว่าจะหลอกเอาเงินมากเสียหน่อย ใครจะนึกว่าอารมณ์แย่เช่นนี้ เพียงไม่กี่ประโยคก็คิดจะไล่เขาไปพบยมบาล ว่าแล้วข่าวลือนั้นเชื่อไม่ได้เสียจริง!
“บ่าวมิบังอาจ! บ่าวมิบังอาจ!” หากจะไล่ให้เขาไปตาย ก็ไม่มีใครช่วยเขาจริง คนอย่างเขาก็เป็นเช่นนี้ รังแกคนอ่อนแอกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า คนอื่นแข็งกร้าวขึ้นมา เขาก็ย่อมอ่อนแอลงแล้ว เขาคุกเข่าลงไปทันที เปลี่ยนเป็นคนละคน
“พระชายาโปรดไว้ชีวิต ท่านจะถามอะไร บ่าวมิอาจปิดบัง เมื่อครู่ที่บอกท่านไปนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ท่านหญิงอยู่ในวังสบายดีจริงๆ”
เฉินยางทำหน้าบูดบึ้ง กำลังจะอ้าปาก เขาก็พูดต่อว่า “เพียงแต่… เพียงแต่ล้วนดีแค่เปลือกนอก ผู้ดูแลรองที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทครั้งก่อนมาที่ครัวหลวง ถามว่าถ้วยใดเป็นยาบำรุงของท่านหญิง บ่าวก็ไม่ทราบว่าผู้ดูแลรองจะทำอะไร จึงบอกเขาไป จากนั้นก็เห็นผู้ดูแลรองใส่ของบางอย่างไว้ในถ้วย บ่าวไม่มีอำนาจ ก็ไม่กล้าถาม ในวันที่ส่งไปนั้นก็ได้ยินว่าท่านหญิงเกือบแท้งแล้ว ยังดีที่หมอหลวงมาได้ทันเวลา ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่ท่านหญิงจะกินอาหารก็ระมัดระวังเพิ่มขึ้น น้ำก็ไม่กล้าดื่มมั่ว”
ซั่งเหมยกลัวนางจะโกรธจนเป็นอะไรขึ้นมา จึงรีบประคองนางให้นั่งลง แล้วถามแทนนางอีกว่า “แล้วตอนนี้ล่ะ ร่างกายท่านหญิงดีขึ้นหรือไม่”
เสี่ยวโซ่เอ๋อร์มองเฉินยางด้วยความลำบากใจ “บ่าวทำเพียงส่งอาหาร ไม่ใช่หมอหลวง เรื่องนี้บ่าวก็ไม่ทราบแล้ว เพียงแต่ฝ่าบาทก็ยังดีกับท่านหญิงอยู่ ก็ไม่อาจทนเห็นท่านหญิงเป็นโรค ช่วงเวลานี้ผู้ดูแลรองก็ไม่เคยมาอีกเลย”
คนที่พระองค์ทำร้าย ยังรู้จักรักอีกหรือ เป็นอะไรกัน
“ในเมื่อท่านหญิงให้เจ้ามาส่งจดหมายให้ข้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็น่าจะรู้ระเบียบกระมัง เอาเงินคนอื่นก็ต้องทำงานให้ เจ้ารับเงินสองทางแล้ว การรักษาความลับคือเรื่องที่หนึ่ง เรื่องที่สองก็คือต้องดูแลท่านหญิงให้ดี ที่ข้านี้ไม่ขาดเงินให้เจ้าแน่นอน เพียงแต่เรื่องความเป็นอยู่ของท่านหญิงนั้น เจ้าต้องดูแลให้ดี หากท่านหญิงมีข่าวแท้งลูกอีก เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตายตามไปเลย!”
นี่เป็นงานร้อนมือเหลือเกิน หากคนที่จะทำร้ายท่านหญิงยังพอว่าได้ เพียงแต่ตอนนี้คนที่จะทำร้ายท่านหญิงเป็นฮ่องเต้ เขาจะกล้าต่อต้านฮ่องเต้ได้อย่างไร!
ตอนที่ 440 หัวสมองของนางนั้นแม้มีใจแต่ทำไม่ได้
เฉินยางไม่มีเวลามาพูดกับเขา นางเรียกซั่งเหมยเอาเงินให้เขา แล้วก็ชิงพูดตัดทางถอยของเขาก่อนที่เขาจะอ้าปาก “หากดูแลท่านหญิงดี วันหลังยังมีรางวัล หากดูแลไม่ดี เจ้าก็คิดเอาเองว่าเจ้ามีศีรษะเท่าไรให้ตัดได้!”
นางเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเห็นเขามากกว่านี้อีก ยิ่งไม่ฟังคำปฏิเสธของเขา นางสะบัดมือ ให้เฉาเต๋อหลุนพาคนออกไป
เป็นครั้งแรกที่ซั่งเหมยเห็นนางเช่นนี้ นางยกชาให้ถ้วยหนึ่งแล้วพูดว่า “นายหญิง เมื่อครู่ท่านทำเอาบ่าวประหลาดใจเสียจริง ท่านต่างจากเมื่อก่อนไปมากเลย”
เฉินยางเข่าอ่อน นั่งอยู่บนเตียงถอนหายใจไม่หยุด “เมื่อครู่ข้าพูดดีหรือไม่ ที่จริงแล้วข้าก็ไม่รู้ว่าจะคุมเขาอยู่หรือไม่ เพียงแต่ข้าเห็นท่านพี่ปกติก็สั่งสอนคนเช่นนี้ เอะอะก็ประหาร เมื่อก่อนยังรู้สึกว่าไม่ดี พอวันนี้ตัวเองใช้แล้ว ที่จริงวิธีนี้ก็ใช้ดีอย่างนี้”
ซั่งเหมยย่อตัวลงนวดขาให้นาง นวดไปพลางหัวเราะไปพลาง “ยังดีที่มีผู้ดูแลเฉามาแสดงเป็นคู่ของท่าน ท่านไม่รู้ เมื่อก่อนผู้ดูแลเฉาก็อยู่ในราชสำนักภายใน มือเขาดำเสียยิ่งนัก”
เฉินยางพึมพำ “มิน่าเจ้าลิงนั่นถึงได้กลัวเช่นนี้ ข้ายังคิดว่าเป็นข้าที่ขู่เขาจนกลัว นึกไม่ถึงว่าเป็นผู้ดูแลเฉา”
นางเป็นผู้หญิง ต่อให้ดุเพียงใดก็จะดุถึงมากมายเท่าไรเชียว อีกอย่างก็ยังตั้งครรภ์ท้องกลมอยู่ พูดสองประโยคก็ต้องนั่งพัก ใครจะกลัวนางได้
ความจริงล้วนอยู่ในอก ซั่งเหมยก็ไม่กล้าพูด กลัวพูดออกมาแล้วจะทำลายความพยายามที่นางสร้างขึ้นมา
เฉาเต๋อหลุนพาคนออกไปแล้วก็เตือนเสียอีกเล็กน้อย ชีวิตในวังยากลำบาก เพียงแต่คนเช่นเขานั้น ก็คือหาความร่ำรวยบนคมดาบ เรื่องที่แอบทำอยู่เรื่องใดที่ไม่ถูกประหารบ้าง เพิ่งอีกเรื่องสองเรื่องก็ไม่ได้เป็นอะไร
ขันทีน้อยที่ไปส่งจดหมายที่จวนท่านหญิงก่อนหน้านี้ก็กลับมาแล้ว บอกว่าจดหมายได้ส่งถึงมือเหลียงอู๋เย่ว์แล้ว จากนั้นเขาก็หอบหายใจ พูดอีกว่า “หัวหน้าหานฝากคำพูดให้บ่าวมาบอกท่าน”
เฉินยางรีบถาม “เรื่องอะไรหรือ”
ขันทีน้อยเอียกศีรษะคิดไปพลางพูดไปพลางว่า “หัวหน้าหานพูดว่า “ให้ฮูหยินอย่าได้เสียเวลากับจวิ้นหม่าเลย ชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว เพียงท่านคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนชะตาได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีภัยถึงตัว เขาขอเตือนท่านให้เอาเรื่องห่างตัวเสียจะดีกว่า”
เฉินยางหันศีรษะถามเฉาเต๋อหลุน “คำพูดของเขานั้นหมายความว่าเช่นไร ไฉนข้าฟังแล้วเหมือนฮ่องเต้จะลงมือกับเหลียงอู๋เย่ว์”
เฉาเต๋อหลุนถูนิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “หานสือนี้เป็นหัวหน้ากององครักษ์รักษาพระองค์ เป็นคนสำคัญของฮ่องเต้ เคยช่วยชีวิตฮ่องเต้อยู่หลายครั้ง เป็นคนฝั่งฮ่องเต้ ไฉนเขาถึงพูดเรื่องเหล่านี้กับท่าน”
“เช่นนั้นตามความคิดของผู้ดูแล เขาคนนี้เชื่อถือได้หรือไม่”
เฉาเต๋อหลุนส่ายหน้า “เรื่องนี้บ่าวก็พูดไม่ถูก เขาคนนี้ดื้อด้านนัก บางครั้งก็ไม่เห็นใจเลย บางครั้งก็พูดง่ายนัก รักเงิน แต่ไม่โลภ ที่ควรจะเป็นของเขาขาดสลึงเดียวก็ไม่ได้ ที่ไม่ควรเป็นของเขา ยัดให้เขาก็ไม่เอา มีคนมากมายอยากจะซื้อเขาเพื่อให้เขาพูดชมตัวเองต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ เพียงแต่เขาไม่สนใจ อย่างไรเสียก็เป็นคนแปลก คำพูดของเขานั้น เชื่อได้และก็เชื่อไม่ได้”
แม้แต่คนที่เคยอยู่ในวังมานานก็พูดไม่ถูก เช่นนั้นในใจเฉินยางก็ยิ่งไม่มั่นใจแล้ว หากเชื่อได้ก็ดี หากเชื่อไม่ได้… เช่นนั้นแล้วครั้งก่อนเรื่องที่นางไปจวนท่านหญิงไม่ใช่ว่ารั่วไหลออกไปแล้วหรือ
น่าเสียดายที่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่ หากเขาอยู่ล่ะก็ จะต้องคิดวิธีดีๆ ช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ออกมา ตอนนี้อาศัยเพียงนาง ไม่ใช่นางรู้สึกต่ำต้อย หัวสมองของนางนี้ ช่างมีใจแต่ทำอะไรไม่ได้เสียจริง