ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 445 สองสลึงที่ใช้ไม่ได้ / ตอนที่ 446 ลูกผู้ชายร้องอะไรนัก กลั้นเอาไว้
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 445 สองสลึงที่ใช้ไม่ได้ / ตอนที่ 446 ลูกผู้ชายร้องอะไรนัก กลั้นเอาไว้
ตอนที่ 445 สองสลึงที่ใช้ไม่ได้
เฉินยางถูกอวี่เหวินลู่ขู่เข้าให้ ของอะไรที่จะทำให้ศีรษะหลุดจากบ่าทำให้ท่านซื่อจื่อต้องมาส่งด้วยตัวเอง นางจึงไม่กล้าวู่วาม มองไปที่เขา “ของอะไร”
สุดท้ายอวี่เหวินลู่ก็ได้เปรียบเสียที จะยอมบอกนางง่ายๆ ได้อย่างไร เวลานี้ต้องนิ่งเอาไว้ เพื่อลดความอดทนของนาง ดีที่สุดก็คือให้นางมาขอร้องตัวเอง ในใจซื่อจื่อคิดได้เช่นนี้จึงแกล้งพูดว่า “เจ้าตัดสินแทนเฝิงเยี่ยไป๋ได้หรือ บอกเจ้าไปก็ไร้ค่า ข้ารอเฝิงเยี่ยไป๋ดีกว่า รอเขากลับมาแล้วให้เขามาขอกับข้า ถึงตอนนั้นข้าค่อยเอาของให้เขา”
ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาเสียท่าให้กับสามีภรรยาคู่นี้อยู่หลายครั้ง ในใจจึงหงุดหงิด อยากฉวยโอกาสที่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่กู้หน้าคืนจากภรรยาของเขา เฝิงเยี่ยไป๋รังแกไม่ง่ายนัก นางเป็นผู้หญิงยังรังแกไม่ง่ายหรือ ดูตอนนี้ ก็ถูกเขาบีบจนร้อนรนแล้วไม่ใช่หรือ
“เจ้าจะพักอยู่ในจวนท่านอ๋อง?” เฉินยางรู้สึกเพียงว่าเขาบ้าไปแล้ว “ในจวนท่านอ๋องมีคนของฮ่องเต้อยู่ เจ้าก็ไม่กลัวฮ่องเต้รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่แล้วส่งคนมาจับเจ้าหรือ”
เขานั่งไขว่ห้างอย่างไม่ร้อนรน “เรื่องนี้ข้าไม่สนใจแล้ว นั่นเป็นเรื่องของพวกเจ้า จะให้ดีก็จัดการหูตาพวกนั้นเสียให้หมด ไม่เช่นนั้นหากข้าถูกจับอยู่ที่จวนท่านอ๋อง พวกเจ้าแต่ละคนล้วนหนีไม่พ้น”
หากอวี่เหวินลู่ถูกจับอยู่ในจวนท่านอ๋อง เช่นนั้นฮ่องเต้ก็ต้องสงสัยว่าเฝิงเยี่ยไป๋กับซู่อ๋องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนแรกเขาอยู่ในราชสำนักก็ลำบากอยู่แล้ว แต่ละก้าวระวังแล้วระวังอีก หากเกิดเรื่องขึ้นมาอีกจะให้เขาจัดการเช่นไร
อวี่เหวินลู่เรียนรู้การวางแผนใส่คนอื่นกับพ่อของเขาที่ฉลาดนั้นตั้งแต่เด็ก สมองว่องไว ครั้งก่อนที่นางได้เปรียบ นั่นเป็นเพราะเขาอ่อนข้อให้ ครั้งนี้ต้องกู้หน้าคืน ย่อมมีวิธี การวางแผนนั้นเฉินยางไม่สู้เขาเลย แม่นางคนนี้มักจะคิดทุกเรื่องง่ายเสียนัก ในใจเก็บเรื่องไว้ไม่อยู่ ทำเอาคนมองออกได้ง่ายๆ จะจัดการกับนางช่างไม่เสียแรงนัก
สองประโยคก็แพ้ให้กับเขา เฉินยางนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ คิดไปพลาง ก็ใช้หางตามองเขาไปพลาง “ของสำคัญเช่นนี้ ซู่อ๋องยอมให้เจ้ามาหรือ เขามีลูกชายเพียงคนเดียวคือเจ้า ไม่กลัวเจ้าเป็นอะไรไปหรือ”
“เจ้ากล้าดูถูกข้าหรือ” เขาจ้องตาถลน ใบหน้าที่สวยงามแต่มีความเป็นเด็กอยู่กลับต้องทำท่าทางดุร้ายให้ได้ เขาดุใส่นาง “เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นแม่นางเช่นเจ้าหรือ เจออะไรก็ได้แต่ร้องไห้ จะบอกเจ้าให้ ข้ามีความสามารถยิ่งนัก จะให้จัดการคนในจวนทั้งหมดนี้ก็เพียงแค่ขยับนิ้วเท่านั้น”
เขายังหนุ่ม พูดจาอะไรก็เผยคมไปหมด ไม่รู้จักซ่อนเอาไว้ ประโยคเดียวก็เผยความเก่งของตัวเองไปเสียหมด เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าตัวเองได้เผยความสามารถทั้งหมดของตัวเองให้คนอื่นหมดแล้ว ความไม่เกรงกลัวสิ่งใดมีแต่ยิ่งเพิ่มขึ้น
เฉินยางมองเขานิ่งๆ “เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าเสีย ฆ่าคนทั้งจวนท่านอ๋องไปให้หมด แล้วดูว่าเจ้าจะมีชีวิตออกไปได้หรือไม่ เมืองหลวงเวรยามแน่นหนา เจ้าเข้ามาได้แต่ใช่ว่าจะออกไปได้ เจ้าคิดว่าฮ่องเต้เป็นสองสลึงที่ใช้ไม่ได้เช่นเจ้าหรือ เนื้อที่มาถึงปากแล้ว มีเหตุผลที่จะไม่กินหรือ”
ผู้หญิงคนนี้…
อวี่เหวินลู่กัดฟัน “เจ้าด่าใครสองสลึง”
นางแสร้งทำเป็นประหลาดใจก่อนมองไปที่ซั่งเหมย “อุ๊บ! ถูกเขาฟังออกเสียแล้ว! ข้ายังคิดว่าเขาไม่เข้าใจเสียอีก!”
นี่ก็คือผลของการเล่นลิ้นกับผู้หญิง
ซั่งเหมยเอามือป้องปากหัวเราะ “นายหญิง คำพูดเหล่านี้ท่านคิดอยู่ในใจเป็นพอ ไยต้องพูดออกมาหรือ ทำเอาซื่อจื่อเสียหน้าแย่”
ตอนที่ 446 ลูกผู้ชายร้องอะไรนัก กลั้นเอาไว้
ทั้งสองคนนี้เถียงกันไปมาอยู่ในห้อง ไม่รู้ใครแพ้ใครชนะ ที่ข้างนอก ไหลลู่ได้มาตามเสียง เห็นประตูห้องปิดไว้เพียงครึ่งหนึ่งจึงพิงอยู่ที่ประตูฟังอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายพอได้ยินซื่อจื่อของเขาพูดออกมาว่า “เจ้ารนหาที่ตาย” ก็รีบพุ่งเข้าไป ไม่พูดอะไรรีบกอดคนไว้ก่อน อยากจะร้องไห้แต่ก็กลัวจะมีคนมา จึงได้แต่บุ้ยปากด้วยความน้อยใจ เกือบน้ำตาร่วงสองหยดเพื่อให้เห็นถึงความน่าสงสารของเขาแล้ว
ห้องของผู้หญิงบอกจะเข้าก็เข้าได้อย่างไร กลางคืนดึกดื่นเช่นนี้ มาคนหนึ่งก็เสียมารยาทมากพอแล้ว นี่มาอีกคน เฉินยางโกรธจนหัวเสีย มือสั่นเทาชี้ไปที่ประตู “ไสหัวไป! พวกเจ้าทั้งสองคนไสหัวออกไป!”
อวี่เหวินลู่ดึงไหลลู่ออกจากตัวแล้วแตะที่สะโพกของเขา “รีบไสหัวไป อยากอยู่ที่ใดก็ไปอยู่ที่นั่น!”
ไหลลู่คุกเข่าลงทันที “ท่าน ท่านของบ่าว บ่าวขอร้องท่านล่ะ ที่พวกเรามาครั้งนี้มาทำเรื่องจริงจัง ท่านก็อย่าได้วุ่นวายเลยได้หรือไม่ ท่านอ๋องยังรออยู่เลย พวกเราวางของลงแล้วก็รีบไปเสียเถิด!”
“เจ้า!” เขาทำท่าจะต่อย หมัดเขาเหวี่ยงไป พุ่งตรงไปที่ใบหน้าของไหลลู่ ลมจากหมัดทำเขาผมของเขาปลิวไสว เห็นว่าจะถูกต่อยกลายเป็นขาเขียวช้ำ เขาก็หยุดลง ลมที่ดุดันนั้นสงบทันที ไหลลู่ลืมตา กำปั้นอยู่ตรงหน้า หมัดยั้งเอาไว้แล้ว ทว่าเขากลับไม่ยั้ง กอดไปที่ขาของอวี่เหวินลู่ ร้องเสียน่าสงสารนัก “นายท่านของข้า บ่าวรู้ว่าท่านตีข้าไม่ลง ในเมื่อท่านรักบ่าวเช่นนี้ก็ฟังบ่าวเสียเถิด ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่มีใครเห็น พวกเราวางของลงแล้วก็รีบกลับไปเสียเถิด!”
ใบหน้าอวี่เหวินลู่บูดบึ้งยิ่งนัก สะบัดขาเตะเขาออก “ไสหัวไป! น่ารังเกียจยิ่งนัก ลูกผู้ชายร้องอะไรกัน กลั้นเอาไว้!”
“คึกคักเสียจริงเลยนะ!”
สิ้นเสียงอวี่เหวินลู่ ที่นอกประตูก็มีประโยคนี้แทรกเข้ามา ความเคลื่อนไหวทุกอย่างในห้องหยุดลงทันที ทุกคนต่างมองไปที่นอกประตูพร้อมกัน เงาที่อยู่ในความมืด สง่า แอบแฝงด้วยความดุดัน เอามือไขว้หลังเดินเข้ามาช้าๆ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเห็นได้ชัด
“ซื่อจื่อนี่คือเล่นละครอยู่ในจวนข้าหรือ”
คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากเงามืด บนตัวมีกลิ่นไอดินอยู่ ใบหน้าที่ชัดเจนเผยอยู่ในสายตาทุกคน เฉินยางดีใจ ไม่สนใจมากมายเช่นนั้นแล้ว นางเดินอ้อมโต๊ะพุ่งไปหาเขา ที่จริงแล้วก็ไม่ได้แยกจากกันนานนัก ไม่ถึงสิบวัน เพียงแต่เวลาที่รอนั้นมักจะยาวนาน ตั้งแต่วันที่เขาไปนั้นนางก็เริ่มคิดถึง จนถึงวันนี้ สุดท้ายเขาก็กลับมา
แม้จะท้องอยู่ก็ยังคงไม่ระวัง ตอนนี้นางลืมไปว่าตัวเองเป็นคนที่ท้องอยู่ ยกขาก็วิ่งไปหาเขา เฝิงเยี่ยไป๋ตะโกนให้นางระวังเท้า แล้วรีบเข้าไปหาก่อนโค้งตัวไปตามความสูงของนาง ยื่นมือกอดนางเอาไว้ “เจ้าจะเป็นแม่คนแล้ว ไฉนถึงยังไม่ระวังเช่นนี้อีก บอกเจ้าไปตั้งกี่ครั้งแล้วก็ไม่ฟัง หูไปอยู่ที่ใดหรือ”
ไม่มีการพร่ำบอกคิดถึงอย่างหวานซึ้งใดๆ อ้าปากมาก็เอ่ยตำหนิเสียก่อนแล้ว เพียงแต่เฉินยางกลับไม่รู้สึกน้อยใจ ตำหนินางก็รู้สึกดีใจ เขาไม่อยู่ พวกซั่งเหมยนั้นจะมีใครใช้น้ำเสียงนี้พูดกับนางเล่า น่าประหลาดเสียจริง เป็นครั้งแรกที่ถูกตำหนิแล้วยังรู้สึกมีความสุขได้ หรือว่านางบ้าเสียแล้ว
ต้องแยกจากกันจริงๆ ถึงได้รู้ตัวว่าเขาสำคัญกับนางเพียงใด ยามที่เขาอยู่ ทุกเรื่องมีเขาทำนางไม่ต้องทำสิ่งใด พอเขาไปแล้ว เมื่อเจอเรื่องที่ต้องให้นางตัดสินใจนางถึงได้รุ้สึกถึงความลำบาก ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเขาลำบากเพียงใด