ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 453 ส่งนางกลับหรู่หนาน / ตอนที่ 454 ลากออกไปประหาร
ตอนที่ 453 ส่งนางกลับหรู่หนาน
เว่ยหมิ่นแท้งลูก คนแรกที่เฉินยางนึกถึงนั้นก็คือเหลียงอู๋เย่ว์ “ครั้งก่อนข้าไปหาเขา เขาดื่มจนเมา ล้มอยู่บนพื้นคนเดียว ในปากก็พล่ำแต่ชื่อเว่ยหมิ่น… นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นผู้ชายร้องไห้เสียใจได้ถึงเพียงนี้ หากเขารู้ว่าเว่ยหมิ่นไม่มีลูกแล้ว เขาจะยังมีชีวิตต่อได้หรือ”
“ดังนั้นแล้วจะยังให้เขารู้ไม่ได้” แววตาเฝิงเยี่ยไป๋ดิ่งลึก จ้องมองท้องของนาง “ห้าเดือนกว่าแล้วกระมัง ภรรยาเอ๋ย เจ้าจะเป็นอะไรไม่ได้ หากเจ้าเป็นอะไร ข้าก็คงมีชีวิตไม่ได้แล้วจริงๆ”
เฉินยางเลียนแบบท่าทางในวันปกติของเขา นางนวดศีรษะเขา “ช่วงหลายวันที่ท่านไม่อยู่ข้าก็ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าสามารถดูแลตัวเองได้”
เขามักจะคิดว่าคำพูดที่ว่าผู้ชายต้องสร้างครอบครัวก่อนถึงค่อยสร้างฐานะควรจะกลับกัน ไม่สร้างฐานะก่อนก็สร้างครอบครัว สร้างครอบครัวแล้วจะเอาแรงที่ใดมาสร้างฐานะ? สร้างครอบครัวแล้ว มีภรรยามีลูกแล้ว สามีภรรยาอยู่ด้วยกันมีความสุข ครอบครัวสุขสันต์ ก็ไม่มีใจที่จะออกไปผจญภัยแล้ว ปล่อยบ้านดีๆ ทิ้งไว้ไม่ยอมอยู่ จะมีใครอยากแยกกับภรรยาอีกหรือ
ไม่สนว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ตัวเขานี้ไม่มีใจที่จะแย่งชิงอำนาจบัลลังก์อะไรกับพวกเขาแล้ว เพียงแต่จะปล่อยให้คนอื่นมารังแกไม่ได้ ครั้งนี้เป็นฮ่องเต้ที่จุดชนวนเอง ชีวิตสงบสุขอยู่จนชินแล้ว จะต้องหาเรื่องให้ได้ คนอื่นอยากห้ามก็ห้ามไม่อยู่ เรื่องมาถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็จะโทษประชาชนไม่ได้แล้ว!
“ข้าคุยกับเจ้าเสียหน่อยได้หรือไม่” เขาดึงนางมานั่งตักตัวเอง “เมื่อวานที่ข้าพูดกับอวี่เหวินลู่เจ้าก็ได้ยินแล้วกระมัง ฮ่องเต้อยากให้ข้าตาย ข้าไม่อยากตาย เช่นนั้นก็ได้แต่ร่วมมือกับซู่อ๋องแล้วดึงฮ่องเต้ลงมา เมื่อวานที่อวี่เหวินลู่ส่งมาก็คือผังจัดทัพป้องกันของเมืองหมอง ไม่ต้องสนว่าจะใช้ทำอะไร ในมือกุมจุดอ่อนของคนอื่นอยู่ มักจะไม่ผิด ดังนั้น ตอนนี้เมืองหลวงไม่ปลอดภัยแล้ว ข้าอยากจะส่งเจ้ากลับหรู่หนาน ถึงตอนนั้นก็ให้อิ๋งโจวและน่าอวี้ไปกับเจ้า ระหว่างทางก็จะได้ดูแลซึ่งกันและกัน เจ้าว่าดีหรือไม่”
เฉินยางเม้มปากใช้ความคิด มือจับที่ไหล่เขาแล้วนั่งไปข้างหน้าเล็กน้อย ในปากก็พูดพึมพำว่า “ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะสู้รบกันนานเพียงใด”
“ใช้เวลาไม่นาน” เขาถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ใช้ตัวหลักในสนามรบนี้ สงครามครั้งนี้จะใช้เวลานานเพียงใด ที่จริงในใจเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
เฉินยางกุมท้องไม่พูดอะไร ที่จริงนางไม่อยากไป มักจะรู้สึกว่ามีเขาอยู่ ปัญหาอะไรก็สามารถแก้ไขได้ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่ต้องกลัว เพียงแต่นางไม่ได้เห็นเลยว่าเขาลำบากเพียงใด สภาพของนางตอนนี้ขาดคนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ จะอยู่ต่อก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับเขา ต่อให้ไม่อยากไปเพียงใดก็ต้องไป
“เช่นนั้นข้าเชื่อฟังท่าน” นางลุกขึ้นยืน นั่งกลับไปที่นั่งของตัวเอง พูดด้วยความเหนื่อยหน่ายว่า “เช่นนั้นแล้วข้าไปเสียเมื่อใด”
“รอก่อน รออีกสองวัน ข้าเข้าวังไปทูลฮ่องเต้ แล้วสืบสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน”
ตอนนี้ยังเข้าวังไม่ได้ ฉวยโอกาสที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเขากลับเมืองหลวงแล้ว ต้องช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ออกมาก่อน เว่ยหมิ่นแท้งลูกเป็นโอกาส ฮ่องเต้บอกประชาชนว่าท่านหญิงแท้งลูกเพราะหกล้ม ถึงตอนนั้นค่อยลอกฆ่าเหลียงอู๋เย่ว์ ก็บอกว่ากระทบทางจิต หรือรู้สึกผิดจึงฆ่าตัวตาย ก็จะไม่มีใครไปสืบว่าสาเหตุเป็นอะไรกันแน่
เฉินยางยังอยากจะพูดอะไรอีก เพียงแต่เห็นเขาขมวดคิ้วนิ่งเงียบอยู่นาน สีหน้าเคร่งเครียด นางไม่กล้ารบกวน ตัวเองจึงกินข้าวไปอย่างเงียบๆ หลังกินเสร็จก็อุ้มต้าหมี่ไปนั่งอาบแดดอยู่ที่สวน มองเข้าไปในห้องด้วยแววตาเหม่อลอย ในใจบิดเป็นเกลียว
ตอนที่ 454 ลากออกไปประหาร
ไทเฮารู้ข่าวเว่ยหมิ่นแท้งลูก จะอย่างไรก็ต้องไปดูให้ได้ หากยามนี้ขวางไว้ไม่ให้ไป ก็เห็นชัดว่าไม่ชอบมาพากลไม่ใช่หรือ ฮ่องเต้เปลี่ยนท่าทางที่เสียพระทัย จูงไทเฮาไปเว่ยหมิ่นด้วยกันที่ตำหนักอวี้ชิ่ง
หมอหลวงได้มาจับชีพจรแล้ว ผู้หญิงแท้งลูก มีผลถึงแม้ต้องพักฟื้นก็ต้องดูแลให้ดีๆ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยเป็นต้นเหตุของโรคภัย นั่นจะเป็นเรื่องทั้งชีวิต อีกอย่างท่านหญิงก็เศร้าหมอง หากเป็นเช่นนั้นต่อไป ชีวิตเกรงว่าจะไม่ยืนยาว
เว่ยหมิ่นนอนอยู่บนเตียงอย่างอาลัยอาวรณ์ พอเห็นไทเฮา น้ำตาไร้เสียงก็ไหลลงมา ฮ่องเต้เข้ามาถามนาง นางฝืนขยับปากตอบด้วยเสียงไม่ดังนัก เพียงแต่ได้ยินอย่างชัดเจน “คราวนี้ฮ่องเต้พอพระทัยแล้วกระมัง!”
เขาพอพระทัย? ช่างเสียเถิด เห็นแก่นางเพิ่งแท้งลูก ร่างกายก็ยังไม่ดีอยู่ ฮ่องเต้ก็ไม่สืบสาวเอาเรื่องแล้ว ถือว่าไม่ได้ยินที่นางพูดไป เหลือไทเฮาที่ร้องไห้บอกว่าเว่ยหมิ่นชีวิตลำบาก ฮ่องเต้แสร้งทำเป็นถามบ่าวในตำหนักของนาง “วันนี้เป็นใครที่เดินเป็นเพื่อนท่านหญิง ยืนออกมาเดี๋ยวนี้!”
นางกำนัลสองคนเดินออกมาด้วยความหวาดกลัว ตัวสั่นไม่หยุด พวกนางคุกเข่าลงพื้น แล้วขอร้องขึ้นมา
ฮ่องเต้ร้องหึเบาๆ ตรัสว่า “ทหาร! ลากคนออกไปประหารเสีย! แม้แต่ท่านหญิงก็ยังดูแลไม่ดี จะเก็บพวกเจ้าไว้เพื่อสิ่งใดกัน”
ทั้งสองคนนั้นพอได้ยินว่าจะถูกตัดศีรษะก็รีบคลานเข้าไปกอดพระเพลาไว้คนละข้าง ร้องไห้เสียงดังว่า
“ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต! ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต! ท่านหญิงแท้งลูกไม่ใช่พวกบ่าว…”
ยังไม่ทันพูดจบ ฮ่องเต้ก็ชักดาบองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ แล้วฟาดลงคนละดาบ เลือดสาดกระเด็นออกมา
เว่ยหมิ่นหลั่งน้ำตาไร้เสียง คว้ามือไทเฮาเอาไว้ สั่นไม่หยุด “เป็นเขาที่ทำร้ายข้า พระปิตุจฉา เป็นเขาที่ทำร้ายข้า!”
ไทเฮาส่งสัญญาณให้นางเงียบ น้ำตาเริ่มหลั่งลงมาเหมือนดั่งเขื่อนที่แตก “เด็กดี ต้องโทษป้า เป็นป้าที่ไร้ความสามารถ ปกป้องเจ้าไม่ได้ ป้ารู้ รู้ว่าเจ้าลำบาก หากไม่ใช่เจ้าเข้าวังบอกข่าวดีกับป้า จะเป็น… จะเป็นเช่นวันนี้ได้อย่างไร”
“พระปิตุจฉา ข้า… ข้ารู้สึกผิดกับเหลียงอู๋เย่ว์ นี่เป็นลูกคนแรกของเขา เป็นข้าที่ไม่อาจปกป้องลูกของพวกเราได้… พระปิตุจฉา ข้ารู้สึกแย่…” ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเด็กยังอยู่ในท้องของนาง เด็กคนนี้เป็นที่พึ่งพิงเดียวของนางในวังแล้ว นางชินที่พูดกับท้องตัวเอง เล่าเรื่องของนาง เล่าเรื่องของเหลียงอู๋เย่ว์ นี่เป็นลูกของนาง นางสามารถรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของเขาอย่างชัดเจน เพียงแต่นางยังไม่ทันได้มองดูว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร เขาก็ไม่มีแล้ว ลูกก็ไม่มีแล้ว เหมือนดั่งกระชากชีวิตนางไปครึ่งหนึ่งเสียเช่นนั้น นางรู้สึกว่าตัวเองก็ใกล้จะสิ้นชีพแล้ว
ไทเฮาก็มีหลานคนนี้เพียงคนเดียว รักเหมือนดั่งลูกสาวตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เป็นเนื้อที่มาจากนาง แต่ก็เป็นสายเลือดเดียวกับนาง นางไม่มีลูกแล้ว ไทเฮาไม่เจ็บได้อย่างไร
เพียงแต่ตอนนี้ นอกจากปลอบนางแล้ว ยังมีวิธีอะไรได้อีก ต่อให้รู้ว่าเป็นฮ่องเต้ทำ เพียงแต่นี่อยู่ในวัง เป็นถิ่นของฮ่องเต้ ต่อให้อยากจะแก้แค้น ก็ไม่อาจทำได้
“เด็กดี ป้ารู้ เจ้าก็อย่าได้ร้องไห้เลย เจ้าร้อง หัวใจของป้าก็แทบสลาย หมอหลวงบอกว่าเจ้าต้องพักรักษาดีๆ เพิ่งจะแท้งลูกไป ร้องไห้ไม่ได้ จะเป็นต้นเหตุของโรคเอา” นางหยิบผ้ามาเช็ดน้ำตาให้เว่ยหมิ่น แล้วพูดอยู่ข้างหูนางว่า “เจ้าวางใจได้ ป้าจะหาวิธีช่วยเจ้าออกมา ให้เจ้าได้อยู่กับเหลียงอู๋เย่ว์เป็นครอบครัวให้ได้”
พอลุกขึ้นมา ก็กล่อมเสียอีกว่า “เชื่อฟังที่ป้าพูด รักษาร่างกายตัวเองให้ดีแล้วอย่าร้องอีกเลย จะต้องดีขึ้นมา ต้องดีขึ้นมาแน่นอน”