ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 457 ฮ่องเต้ทำผิดแล้วละอายใจ / ตอนที่ 458 เจ้าจะแยกจากเขาได้หรือ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 457 ฮ่องเต้ทำผิดแล้วละอายใจ / ตอนที่ 458 เจ้าจะแยกจากเขาได้หรือ
ตอนที่ 457 ฮ่องเต้ทำผิดแล้วละอายใจ
ร่างกายของน่าอวี้แย่ลงทุกวันจนการไอเป็นเลือดได้กลายเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว ของติดตัวที่ขาดไม่ได้เลยก็คือผ้า ในแขนเสื้อเก็บเอาไว้ครั้งหนึ่งก็คือสี่ห้าผืน ยามที่ไปหาเฉินยางนั้น ก็แกล้งไอสองทีบอกว่าตัวเองเป็นหวัด จากนั้นพอไออีกก็ไม่มีใครใส่ใจแล้ว เพียงแต่เฉินยางเห็นนางลำบาก ไม่อยากให้นางวิ่งไปมาเช่นนี้ ตอนหลังจึงไม่ให้นางมาแล้ว ตัวเองเดินไปหานางเอง
“ท่านหมออิ๋งโจวได้มาดูให้เจ้าหรือไม่ ไฉนถึงได้ไอเช่นนี้ ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่ดีนัก” ตอนนี้นางจะนั่งหรือยืนก็ลำบาก บนเอวเหมือนดั่งถูกแขวนตุ้มถ่วงเอาไว้ พูดสองประโยคก็ต้องลุกขึ้นมา พูดอีกสองประโยคก็ต้องนั่งลง เหนื่อยเสียยิ่งนัก
น่าอวี้เพิ่งดื่มยาไป ในปากขมนัก นางหยิบผลไม้อบแห้งหวานๆ ใส่ปาก แสร้งทำเป็นสบายว่า “ดูแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ข้าอ่อนแอตั้งแต่เด็ก พอมีโรคมา กว่าจะหายก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน ก่อนที่ท่านมาข้าก็เพิ่งจะดื่มยาไป โรคเล็กน้อย ไม่สำคัญอะไร”
ทั้งสองคนต่างคุยเล่นกันไป น่าอวี้ถามนาง “ที่ท่านอ๋องกลับมาครั้งนี้ ยังไม่ได้เข้าวังกระมัง ข้าได้ยินว่าท่านหญิงแท้งลูกแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง ฮ่องเต้มีราชโองการไม่ให้พวกเราเข้าวังไปเยี่ยมท่านหญิง ช่างทำเอาไม่สบายใจยิ่งนัก ก็ไม่รู้ว่าจวิ้นหม่ายังดีอยู่หรือไม่ ยังดีๆ อยู่เลยเด็กบอกจะไม่มีก็ไม่มีเสียแล้ว คนเป็นพ่อนั้นจะเสียใจเพียงใด!”
เฉินยางไม่ระแวงนาง บวกกับตอนแรกก็รู้สึกแค้น พอนางเริ่มถามขึ้นมา นางก็ย่อมบอกทุกอย่างไป “ฮ่องเต้นั้นทำผิดแล้วละอายใจ กลัวพวกเราเข้าวังเว่ยหมิ่นจะเล่าความทุกข์ของนางให้พวกเราฟัง ไม่เช่นนั้นเด็กอยู่ในท้องดีๆ ไฉนถึงได้ไม่มีแล้ว ในวังนอกจากพระองค์แล้ว ยังมีใครกล้าลงมือกับเว่ยหมิ่นอีก!”
น่าอวี้จิบชา ข่มความรู้สึกคาวที่คอแล้วพูดตามคำพูดของนางต่อ “ใต้ฟ้านี้ ผู้หญิงที่ฮ่องเต้สนพระทัย จะมีใครหนีรอดไปได้ ดอกไม้บ้านหอมไม่สู้ดอกไม้ป่า ของตัวเองไม่สู้ของบ้านคนอื่น ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้ ผู้ชายล้วนเป็นเช่นนี้เสียหมด เพียงแค่ว่าฮ่องเต้ฐานะสูงส่ง ต่อให้เอาแต่ใจตัวเองก็ตาม จะมีใครพูดอะไรได้ เพียงแต่ลำบากจวิ้นหม่าแล้ว ภรรยาและลูกก็ไม่มีแล้ว ชีวิตหลังจากนี้จะอยู่อย่างไร”
“ฮ่องเต้นี่ก็ช่างเลวยิ่งนัก เหมือนดั่งบิดาของพระองค์ที่พอสนใจเข้าแล้วก็ไม่สนว่าต้องใช้วิธีอะไร อย่างไรก็จะแย่งมาเป็นของตัวเองให้ได้ ตอนนี้ไม่เพียงขังเว่ยหมิ่นเอาไว้แล้วทำให้ลูกของนางจากไป ยังคิดหาวิธีจะกำจัดเหลียงอู๋เย่ว์ อยากให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยกเช่นนี้ นี่คือเรื่องที่ผู้เป็นคนทำได้ลงหรือ”
น่าอวี้รีบเรียกอวี๋เอ๋อร์ไปปิดประตู หันกลับมาแตะที่ริมฝีปากของเฉินยางเบาๆ “คำพูดนี้พูดมั่วไม่ได้ หากถูกคนอื่นได้ยินเข้าจะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร มีอะไรคิดอยู่ในใจเป็นพอ อย่าได้สร้างปัญหาให้กับตัวเอง แล้วนางก็ถามอีกว่า “ฮ่องเต้จะฆ่าเหลียงอู๋เย่ว์ เขาไม่ใช่ถูกกักขังอยู่ในจวนท่านหญิงหรือ เช่นนั้นฮ่องเต้จะส่งคนไปฆ่าเขาก็ง่ายเสียยิ่งนัก เพียงขยับนิ้วก็เอาชีวิตเขาได้แล้ว คราวนี้คือตายแน่ๆ เลยไม่ใช่หรือ”
เฉินยางประคองเอวนั่งลง พูดอย่างมั่นใจว่า “เขาไม่ตายแน่ๆ ท่านพี่จะช่วยเขา”
น่าอวี้ร้อนรนขึ้นมา หอบหายใจแรงๆ สองที สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ท่านอ๋องจะช่วยได้อย่างไร จวนท่านหญิงถูกกององครักษ์ล้อมไว้แน่นหนา อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันก็บินเข้าไปไม่ได้ ท่านอ๋องนี่คือคิดจะฝ่าเข้าไปตรงๆ หรืออย่างไร”
เฉินยางพูดด้วยความอดทนว่า “ไม่ใช่ ท่านพี่บอกมีวิธีของเขาเอง ข้าก็ไม่ได้ถามเขา เพียงแต่… พูดถึงเรื่องนี้ เมื่อวานท่านพี่บอกกับข้าว่าจะให้ข้ากลับหรู่หนาน ที่นี่ไม่ปลอดภัย ยังให้เจ้าและอิ๋งโจวไปกับข้า ไม่รู้ว่าเจ้ายินดีหรือไม่”
ตอนที่ 458 เจ้าจะแยกจากเขาได้หรือ
กลับหรู่หนาน หรู่หนานนางยังไม่เคยไป เพียงแต่เคยได้ยินคนพูดถึงมาก่อน บอกว่าที่นั่นสวยงาม แม้จะไม่คึกคักดังเมืองหวง แต่ก็มีบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีเหมือนเมืองหลวง เป็นที่ที่เหมาะแก่การซ่อนตัว เฝิงเยี่ยไป๋ยอมให้นางและอิ๋งโจวตามเฉินยางกลับหรู่หนานก็ถือว่าได้ตอบรับคำสัญญาที่มีให้นาง คู่ของนางเขาก็ได้หาให้นางแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ล้วนต้องอาศัยนางเองแล้ว นี่ก็ไม่ถือว่าปฏิบัติไม่ดีกับนางแล้ว ถึงขั้นดีกับนางมากเพราะเห็นแก่หน้าเฉินยาง
เก็บตัวใช้ชีวิต การใช้ชีวิตเช่นนี้นางจะไม่อยากได้ได้อย่างไร เพียงแต่นางยังมีเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จในเมืองหลวง จากไปตอนนี้ก็เท่ากับทิ้งน่ายงไว้ ปล่อยให้เขาตาย นั่นเป็นญาติเพียงคนเดียวของนางที่เหลืออยู่บนโลกนี้ ใครจะไม่สนก็ได้ เพียงแต่นางไม่สนไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่ปฏิเสธความหวังดีของนางไป
“ข้ายังไม่เคยไปหรู่หนานเลย เพียงแต่ข้าเคยได้ยินพ่อข้าพูดถึงว่าเป็นที่ที่สวยมาก หากสามารถไปใช้ชีวิตสันโดษที่หรู่หนานก็ดี เพียงแต่…” จู่ๆ นางก็น้ำตาไหลลงมา นางใช้ผ้าเช็ดที่หางตา “ข้าโตที่เมืองหลวงตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ก็ล้วนฝังอยู่ที่นี่ หรู่หนานห่างจากเมืองหลวงหลายพันลี้ หากวันหลังอยากจะเจอพ่อแม่เสียครั้งหนึ่งคงจะยากยิ่ง ตอนที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ไม่อาจปรนนิบัติพวกท่าน ตายไปแล้ว ข้าจะไม่สนก็ยิ่งไม่ได้”
ความหมายในคำพูดของนางคือไม่อยากไปแล้ว เฉินยางเข้าใจแล้วนึกถึงอิ๋งโจวขึ้นมา จึงถามนางอีกว่า “เช่นนั้นเจ้าไม่สนใจท่านหมออิ๋งโจวหรือ เขายังมีกระท่อมยาที่หรู่หนาน ที่กระท่อมยายังมีคนไข้รอเขารักษาอยู่ เขาออกมานานไม่เคยได้กลับไปเลย ในบ้านไม่แน่วุ่นวายเพียงใดแล้ว เจ้าก็พูดแล้ว ทั้งสองที่ห่างไกลกันนัก หากพวกเจ้าแยกจากกัน จะเจอกันก็คงยากยิ่ง เจ้าจะแยกจากเขาได้หรือ”
จะไม่ยอมก็ต้องยอม ว่าแล้วความรักทำให้คนหลงลืมได้ นางได้ใช้ชีวิตสงบสุขอยู่หลายวัน รักกันกับอิ๋งโจวถึงขั้นลืมจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่จวนท่านอ๋อง นางกับพวกเขาไม่ใช่มิตรกัน ระหว่างพวกเขามีกำแพงกั้นอยู่ตลอด พูดถึงฐานะ นางยังเป็นศัตรูกับนางเลย ที่มาก็คิดจะทำร้ายพวกเขา ก่อนหน้านี้ลืมฐานะของตัวเอง ตอนนี้นึกขึ้นมาได้แล้ว ก็ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้อีก เรื่องบางเรื่องต้องปล่อยวางลง คนบางคนก็ต้องรู้จักละทิ้ง ไม่มีเสียใจหรือไม่ มีแต่ยอมหรือไม่ยอม
“ความรักสองคนหากยาวนาน จะขาดเพียงชั่วคราวได้อย่างไร พวกเราหากต่างรักซึ่งกันและกัน ระยะทางห่างไกลแล้วจะเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกัน” แยกจากกันจะไม่เศร้าได้เช่นไร เพียงเพราะความวู่วามของนาง เกิดความรักกับอิ๋งโจวขึ้นมา ตอนนี้จึงมีสภาพที่ยากจะแก้ไข ร่างกายของนางไม่เอาไหน ก่อนจากไปก็ทำร้ายอีกคน ในใจรู้สึกผิดเสียจริง ยังดีที่ต่างไม่จมลึก ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ยังทัน รีบยั้งเอาไว้ถึงจะดี
เฉินยางพยักหน้าเหมือนดั่งเข้าใจ คนที่เป็นคนนอกก็ยังรู้สึกเศร้าแทนพวกเขา นางนวดที่ท้องตัวเอง แล้วพูดปลอบประหนึ่งคนที่เคยผ่านเรื่องนี้มาว่า “รอให้เจ้ามีลูกเป็นของตัวเองก็ไม่คิดเช่นนี้แล้ว จะอย่างไรครอบครัวอยู่ด้วยกันก็จะดี มีคนอยู่เป็นเพื่อน พวกเจ้ายังไม่ได้แยกจากกัน รอให้แยกจากกันแล้ว ลิ้มรสความคิดถึงนั้น ก็รู้ว่าทรมานเพียงใดแล้ว”
น่าอวี้ฟังเข้าไปแล้ว ยิ้มคุยเล่นกับนาง พริบตาเดียวก็มาถึงตอนเย็น น่าอวี้รั้งนางให้กินข้าวด้วยกัน แต่เฉินยางบอกไม่ต้องแล้ว นางต้องกลับไปแล้ว นางอยู่ที่นี่ทั้งบ่าย สีหน้าของนางแย่ยิ่งนัก หากยังรบกวนต่อไป นางก็ช่างไร้แววตาเสียแล้ว