ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 459 เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย / ตอนที่ 460 นารีเป็นเหตุ
ตอนที่ 459 เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย
ก่อนจะไป น่าอวี้กุมมือนางแล้วบอกว่า `ขอโทษ` เฉินยางฟังแล้วไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก กลับไปแล้วยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดสังเกต ไม่กี่วันก่อนยังบอกว่ารักกันกับอิ๋งโจว ชีวิตนี้จะไม่แยกจากกันอยู่เช่นนั้น ไฉนวันนี้ถึงบอกว่า `ความรักสองคนหากยาวนาน จะขาดเพียงชั่วคราวได้อย่างไร`
ซั่งเหมยไม่ได้สังเกตว่านางมีเรื่องอยู่ในใจ จึงขยับเข้าไปถามนางด้วยความระมัดระวังว่า “นายหญิง ท่านจะกลับหรู่หนานแล้วหรือ ถึงตอนนั้นพวกบ่าวสามารถไปกับท่านได้หรือไม่”
เฉินยางเลิกคิ้วมองนาง “ตอนนี้ไม่รังเกียจข้าว่าโง่แล้วหรือ ไม่ใช่ว่าเจ้ามักจะบอกว่าข้าเป็นนายหญิงที่โง่ที่สุดที่เจ้าเคยปรนนิบัติหรือ”
“นั่นเป็นบ่าวปากพล่อย บ่าวตบปากตัวเอง” นางตบปากตัวเองเบาๆ ท่าทางน่าสงสาร พูดด้วยความน้อยใจกับนางว่า “บ่าวเข้ามาในวังกับซั่งเซียงตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยไปหรู่หนานเลย ได้ยินว่าหรู่หนานสวยงาม นายหญิง ท่านอย่าได้ทิ้งบ่าวไม่สนใจเลยนะ!”
กลับไปแล้วนางก็สามารถเจอพ่อของนางได้แล้ว หากพ่อของนางรู้ว่านางตั้งครรภ์ ต้องดีใจมากแน่ๆ เพียงแต่ก็วางใจไม่ลง ต่อให้เขาเก่งอย่างไร สุดท้ายก็มีเพียงคนเดียว ในมือไม่มีทหาร สู้รบขึ้นมาเขาจะทำอย่างไรดี
ซั่งเหมยเขย่าแขนนางเอาใจ นางจึงได้แต่พยักหน้าเพื่อให้นางสบายใจ
นางโตมาในวัง นอกจากปรนนิบัติแล้วก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย แทนที่จะถูกทิ้งเอาไว้แล้วต้องเปลี่ยนไปปรนนิบัติเจ้านายที่ไม่รู้นิสัย ไม่สู้ติดตามคนตรงหน้าคนนี้ คนตรงหน้าคนนี้นิสัยดี ติดตามนางย่อมไม่เสียหาย นับเป็นความโชคดี
ครั้งก่อนเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาตอนกลางคืน บนตัวเปียกชุ่ม ตอนแรกเฉินยางนอนลงแล้ว ได้ยินว่าข้างนอกมีความเคลื่อนไหวก็ลืมตาขึ้นมา ตั้งแต่ที่เขากลับมา บนโต๊ะข้างเตียงก็มักจะจุดไฟไว้ดวงหนึ่ง นางยกแท่งไฟออกไปตรวจดูข้างนอก เห็นเขาถอดเสื้อที่เปียกชุ่มอยู่ เหมือนดั่งเพิ่งขึ้นมาจากน้ำเช่นนั้น
นางรีบหยิบผ้าสะอาดบนราวให้เขาเช็ดร่างกายครึ่งบนที่เปลือยเปล่า “ท่านตกน้ำหรือ ไฉนถึงได้เปียกเช่นนี้”
“เกิดเรื่องเล็กน้อย” เขารับผ้ามา แล้วถอดชุดต่อหน้านาง ตั้งแต่ข้างนอกยันข้างในจนหมดทุกชิ้น
เฉินยางหน้าแดงหันหลังให้เขา นางตอบสนองไว ยังไม่ทันได้เห็นเรือนร่างของเขา ก็หันหลังให้แล้ว “เรื่องอะไรหรือ เพียงแต่ตกน้ำเท่านั้นใช่หรือไม่ ไม่ได้บาดเจ็บที่ใดกระมัง”
เฝิงเยี่ยไป๋หัวเราะเบาๆ เดินเท้าเปล่าผ่านหน้านาง “ไม่มี คนที่ทำข้าบาดเจ็บได้มีไม่มาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเจอ”
นางเห็นชายร่างสูงใหญ่เดินผ่านตรงหน้าอย่างเปิดเผย นางเอาผ้าให้เขาปิดบังร่างกาย เฉินยางตกใจอุทานก่อนเอามือปิดตา “ท่าน… ไฉนท่านถึงออกมาเช่นนี้”
“ข้าให้เจ้าดูหลายครั้งแล้ว เอาเปรียบข้ามากมายเช่นนี้ ไฉนตอนนี้ถึงรู้ว่าอายเสียแล้ว” เขาไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดคลุมยาวหลวมๆ มาสวม ผมยาวปล่อยลงมาดั่งน้ำตก แม้จะยุ่งเหยิงแต่ก็น่าดูเช่นกัน
เฉินยางมองผ่านร่องนิ้ว เห็นเขาสวมชุดเรียบร้อย ถึงได้เอามือลง เดินเข้าไปถามเขา “ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ไม่ใช่ว่าท่านไปสืบทางที่จวนท่านหญิงหรือ ไฉนถึงตกลงไปในน้ำได้”
เขากอดนางจากด้านหลัง มือวางอยู่บนท้องของนาง แตะหมัดกับลูก “เพียงแค่กระโดดลงน้ำเล่นเท่านั้น ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร”
“โกหก” ใบหน้าของนางยังแดงไม่หาย เหมือนดั่งเมฆไฟสองก้อน มือเล็กๆ กุมอยู่บนมืออันใหญ่ของเขา พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “ท่านถูกกององครักษ์พบเข้าแล้วกระมัง เพื่อจะหลบกององครักษ์ถึงได้กระโดดลงน้ำใช่หรือไม่”
ตอนที่ 460 นารีเป็นเหตุ
ที่เฉินยางเดานั้นไม่ผิดเลย เฝิงเยี่ยไป๋เมื่อถูกนางมองออกก็ไม่คิดจะปิดบังนาง เพียงแค่รู้สึกว่าการบอกกับนางว่าตัวเองถูกคนไล่น่าขายหน้านัก รอให้นางถามออกมาอย่างมั่นใจแล้ว เขาถึงพูดว่า “คนพวกนั้นแต่ละคนล้วนจมูกสุนัข ไวยิ่งนัก หัวหน้ากององครักษ์หานสือก็เก่งกาจ ข้าได้ประมือกับเขา วิชาเหมือนดั่งมาจากสำนักหนึ่งในยุทธภพ กลิ่นอายชั่วร้ายเต็มตัว ถนัดใช้อาวุธลับ เพื่อจะหลบเขา ข้าถึงได้หลบอยู่ในบ่อน้ำ”
ที่ขายหน้าคือเขายังไม่เคยถูกใครไล่ต้อนเช่นนี้ ต่อหน้าภรรยาเขาล้วนมีภาพที่ยิ่งใหญ่ มีภาพลักษณ์ชายสมบูรณ์ที่ปัญหาอะไรมาถึงที่เขานี้ก็สามารถจัดการได้หมด เรื่องในวันนี้ช่างน่าขายหน้านัก เขาเคยทุลักทุเลเช่นนี้เสียที่ใด จึงไม่อยากจะพูดออกมา
“ไม่บาดเจ็บก็ดีแล้ว ครั้งต่อไปก็หาคนไปกับท่านเถิด องครักษ์ที่วางอยู่ข้างกายข้าก็ไม่ต้องแล้ว ข้าอยู่บ้านทุกวัน ก็ไม่มีที่ใช้พวกเขา ครั้งต่อไปท่านก็พาพวกเขาไปเสียเถิด”
ที่เฉินยางเป็นห่วงไม่ใช่ว่าเขาถูกคนไล่หรือไม่ ที่นางเป็นห่วงคือเขาปลอดภัยหรือไม่ ในเมื่อเป็นกององครักษ์ เมื่อลงมือแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะไว้ชีวิต ต่อให้เขามีวิชาสูงส่งเพียงใด อย่างไรเสียสองฟหมัดก็ยากจะสู้สี่มือ คนอื่นรุมล้อมเข้ามา ก็ไม่อาจต้านไหว เขาอยู่ข้างนอกเจอกับคมดาบ เฉินยางช่างไม่วางใจนัก
“เจ้าไม่รังเกียจข้า?”
“ข้าจะรังเกียจท่านทำไมหรือ”
“รังเกียจที่ข้าไม่ห้าวหาญแล้ว ถึงกับถูกคนไล่”
“หากข้ารังเกียจท่านเรื่องนี้ เช่นนั้นแล้วข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพไม่ดีกว่าหรือ”
ความภูมิใจในตัวเองของผู้ชายสำคัญเพียงใด วันนี้เฉินยางถือว่ารู้เสียแล้ว นางหันกลับมาในอ้อมกอดของเขา พิงอยู่ที่ไหล่ “ข้าขอเพียงแค่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว ท่านมีชีวิตอยู่ดีกว่าสิ่งใดๆ อีก ข้าไม่รังเกียจท่าน ท่านกลับรังเกียจตัวเองเสียแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋เชิดมุมปากแล้วอุ้มนางไว้ในวงแขน “การตัดสินใจของพ่อข้าที่ฉลาดที่สุดในชีวิตนี้ก็คือให้เจ้าแต่งงานกับข้า คนมีภรรยาต่างกับคนไม่มีภรรยายิ่งนัก มีภรรยาก็มีคนรัก”
เฉินยางถูกเขาอุ้มไปบนเตียง เพิ่งจะนอนลง ข้างบนก็มีเงากดลงมาแตะกับปลายจมูกของนาง “วันนี้ได้สืบทางมาเรียบร้อยแล้ว คืนพรุ่งนี้ข้าก็จะไปช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ เช้าวันมะรืนก็จะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ จากนั้น… ก็ส่งเจ้ากลับหรู่หนาน”
ที่แท้การแยกจากกันมาไวเช่นนี้ ตอนแรกนางคิดว่าต้องผ่านไปอีกหลายวัน ตอนนี้กลับมาไว้เสียเหลือเกิน ความรู้สึกในใจเอ่อล้นขึ้นมา ทั้งขมทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด ความรู้สึกพุ่งที่ตาของนาง จนค่อยๆ แดงก่ำ สุดท้ายก็เป็นหมอกจางๆ ไอน้ำรวมตัว กลายเป็นน้ำตา ผสมกับรสที่ขมขื่น จากหางตาที่มีอยู่ทีละหยดกลายเป็นสายดั่งฝนตกหนัก ห้ามก็ห้ามไม่อยู่
“ข้าไม่กลับไปได้หรือไม่ ข้าอยากกลับไปพร้อมกับท่าน ข้าขอรับปากว่าจะไม่สร้างปัญหาให้ท่าน ได้หรือไม่ ข้าจะรออยู่ในจวนให้ท่านกลับมาอย่างเชื่อฟัง ได้หรือไม่”
น้ำตาของนางเขาเช็ดอย่างไรก็ไม่หมด แขนเสื้อเปียกชุ่มแล้วก็ยังไม่อาจทำให้นางสงบได้ “เชื่อฟังสิ ข้าไม่ได้กังวลว่าเจ้าจะสร้างปัญหาให้ข้า ข้าเพียงกังวลมีคนจับเจ้ามาขู่ข้า หากใครจับเจ้ามาขู่ข้า นั่นก็คือจบสิ้นแล้ว เจ้าสำคัญกว่าสิ่งใด หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา นั่นก็คือบีบให้ข้าไปตาย รู้หรือไม่”
“ไฉนข้าฟังแล้วเหมือนดั่งท่านกำลังบอกว่าข้านี่คือนารีเป็นเหตุเลย” นางหัวเราะขึ้นมาบุ้ยปากกดความน้อยใจไม่อยู่