ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 521 แม้เจ้าคิดหนีแล้วจะหนีไปไหนได้ / ตอนที่ 522 เจ้าอยู่กับข้าไม่ได้เลยหรือ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 521 แม้เจ้าคิดหนีแล้วจะหนีไปไหนได้ / ตอนที่ 522 เจ้าอยู่กับข้าไม่ได้เลยหรือ
ตอนที่ 521 แม้เจ้าคิดหนีแล้วจะหนีไปไหนได้
งานฉลองวันเกิดปีนี้มีแค่ฮ่องเต้กับเว่ยหมิ่น จริงๆ แล้วการมาทะเลสาบเป้เอ่อร์เดิมทีฮ่องเต้ทรงไม่เห็นด้วย ตัวแปรมากมายนอกวังอาจก่อให้เกิดเรื่องง่าย อีกทั้งเขายังไม่สามารถนำทหารติดตามมาได้เยอะ เกรงว่าจะสะดุดตาคนไม่สะดวกต่อการเดินทาง แต่พอมาคิดๆ ดูอีกทีหรือนี่จะเป็นโอกาสอันดีครั้งหนึ่ง หลายปีมาแล้วที่เว่ยหมิ่นดูจะไร้น้ำใจกับเขาแต่นั่นขาดเพียงแค่โอกาส บางทีนี้อาจจะเป็นการพลิกสถานการณ์ให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นเองโดยธรรมชาติ
ในเมื่อเป็นงานฉลองวันเกิด จะขาดสุราไปไม่ได้ ฮ่องเต้รินเหล้าเต็มแก้วใบเล็กก่อนจะส่งให้กับนาง “วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ควรต้องดื่มเพื่อความสนุกสนานเสียหน่อย”
เว่ยหมิ่นรับแก้วเหล้ากุมไว้ในมือ แต่กลับไม่ส่งเหล้าเข้าปาก “ความสามารถในการดื่มของข้าท่านคงรู้ดี เพื่อไม่ให้เสียการควบคุมตัวเอง ข้าจะดื่มเพียงจอกเดียว ส่วนที่เหลือฝ่าบาททรงดื่มแทนข้าดีหรือไม่”
หาได้ยากยิ่งที่นางจะว่านอนสอนง่ายเช่นวันนี้ ฮ่องเต้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้ ชนแก้วกับนางหนึ่งครั้งก่อนจะทรงสรวลว่าได้ได้ได้ ดูแล้วบรรยากาศไม่เลว ยิ่งไล่นางกำนัลออกไปนอกกระโจม เหลือไว้เพียงเขาสองคน ไม่ว่าจะพูดความในใจก็ดี ทำอะไรๆ อย่างอื่นก็ดี คืนนี้จะต้องมีเรื่องที่พอคุยกันได้บ้าง
ข้างกายไม่มีคนคอยปรนนิบัติ เว่ยหมิ่นจึงทำหน้าที่เป็นผู้ปรนนิบัติคอยคีบอาหารและรินเหล้าให้ มือเรียวบางจับหูกาคอยเทเหล้าใส่แก้วที่อยู่ตรงหน้าของฮ่องเต้ แก้วแล้วแก้วเล่า วันนี้นางหัวเราะมากมายเหลือเกิน ฮ่องเต้จับมือนางไว้ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเมาเล็กน้อย “พอแล้ว ข้าว่าข้าดื่มมากพอแล้ว หากดื่มต่อไปเกรงจะเสียการเสียงานไปเสียก่อน”
ไม่แปลกที่ฮ่องเต้จะสงสัย วันนี้นางค่อนข้างแปลกไปจากปกติ ตามปกติแล้วจะต้องมีนางกำนัลเฝ้าอยู่ข้างกาย ยิ่งใกล้วันเกิดนางยิ่งเงียบอย่างไม่มีเหตุผล ฮ่องเต้เองก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่านางมีอะไรผิดแปลกไปจากปกติ แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป หากดื่มต่อไปกลัวว่าจะหลงเสน่ห์เล่ห์กลของนางจนมิอาจหยุดได้
เว่ยหมิ่นโน้มน้าวต่อไปคงไม่ดี เกรงว่าหากยังโน้มน้าวให้ดื่มต่อไป ฮ่องเต้คงเกิดความสงสัยขึ้นเป็นแน่ จึงได้แต่วางกาเหล้าลงแล้วคีบอาหารให้ฮ่องเต้
ฮ่องเต้จับมือที่กำลังยื่นมาของนาง แล้วลูบไล้ที่หลังมือของนางด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะตบเบาะรองนั่งข้างๆ แล้วเรียกนาง “มานั่งนี่สิ”
เว่ยหมิ่นไม่ขยับ จ้องมองไปที่ฮ่องเต้
“มานั่งนี่ ข้ามีเรื่องอยากพูดกับเจ้า”
เว่ยหมิ่นดึงมือกลับแล้วถูขยี้มือไปมาใต้โต๊ะโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนก่อนพยักหน้า “ฝ่าบาทมีเรื่องอันใด ข้านั่งฟังตรงนี้ก็ได้ยิน”
นางไม่ขยับเข้าไป ฮ่องเต้จึงขยับกายเข้ามานั่งข้างๆ กุมมือนางมาวางไว้บนโต๊ะ เมื่อครู่นี้เขาดื่มไปไม่น้อย ดูเหมือนว่าสายตาจะพร่าเลือนทำให้ใจเต้นแรง
ฮ่องเต้ก้มตัวลงจูบที่ฝ่ามือของนางหนึ่งที สัมผัสอ่อนโยนทำให้เว่ยเมิ่นตกใจจนขนลุก อยากจะชักมือออกมาแต่กลับชักไม่ได้
“วันนี้เจ้าดีกับข้าเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ารับความรู้สึกของข้าแล้ว ข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะคิดไม่ซื่อ ด้านนอกล้วนเป็นคนของข้า ถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ แม้เจ้าคิดหนีแล้วจะหนีไปไหนได้ เจ้าว่าจริงไหม”
เว่ยหมิ่นหวาดระแวงกับคำพูดของเขา ใบหน้านิ่งสงบไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆ จึงลองขยับมือแต่กลับถูกเขากดไว้แน่นจนขยับไม่ได้ เช่นนั้นจึงเลิกขยับ “ฝ่าบาทสงสัยข้าเช่นนั้นหรือ แล้วในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ข้าจะหนีไปไหนได้ หรือถ้าหนีได้จะหนีไปได้ไกลสักแค่ไหนเชียว”
ฮ่องเต้พยักหน้าฟังเหตุผล เหมือนกับน้ำแข็งบนหน้าได้ละลายหายไปและกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง “ก็คงใช่ เป็นข้าเองที่ใจแคบ เอาล่ะ ข้าขอโทษ เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก”
ตอนที่ 522 เจ้าอยู่กับข้าไม่ได้เลยหรือ
ฮ่องเต้ระมัดระวังตัวมากขึ้น เว่ยหมิ่นลอบกัดฟันคิดย้อนไปว่าตัวเองแสดงออกชัดเจนเกินไปหรือไม่ ถึงทำให้ฮ่องเต้ระแคะระคายได้ นางเหลือบมองฮ่องเต้แล้วขยับแขนเพื่อเป็นการเตือนเขา “ฝ่าบาท หากท่านยังกดต่อไป แขนข้าข้างนี้คงจะใช้การไม่ได้แล้ว”
เพราะนางเตือน ฮ่องเต้ถึงได้รู้สึกตัว รีบปล่อยแขนนางด้วยสีหน้าเก้อเขิน “ข้าเสียมารยาทเอง เจ้า… เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”
เว่ยหมิ่นไม่เป็นไร สองมือประสานไว้บนเข่า จ้องมองไปที่จานอาหารเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย โอกาสหาได้ยากนัก หากเขาตื่นตัวอยู่เสมอ แล้วนางจะมีโอกาสลงมือเมื่อใดเล่า
“ข้าเรียกให้คนเตรียมดอกไม้ไฟไว้ ที่นี่กว้างขวาง จุดดอกไม้ไฟที่นี่สวยที่สุด ข้าพาเจ้าออกไปดูดอกไม้ไฟดีหรือไม่”
เว่ยหมิ่นเงยหน้ามองเขาแล้วในที่สุดก็ยิ้มหัวเราะขึ้นมา “ฝ่าบาทพูดขนาดนี้แล้ว ข้าคิดๆ ดูก็เหมือนไม่ได้ดูดอกไม้ไฟมาสักพักแล้ว”
เมื่อได้ยินความหมายในคำพูดนี้แล้วก็ดีใจอย่างประหลาด จึงเรียกพั่งไห่เสียงดังด้วยความดีใจ พั่งไห่ที่อยู่ยืนอยู่ด้านนอก สะดุ้งตกใจเปิดกระโจมเข้ามา เก็บแขนเสื้อแล้วคุกเข่าลง “กระหม่อมอยู่ตรงนี้ ฝ่าบาทมีเรื่องรับสั่งอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มองเว่ยหมิ่นอย่างไม่อยากให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีก มุมปากค่อยๆ ฉีกยิ้มออก “ดอกไม้ไฟที่ข้าให้พวกเจ้าเตรียมมาเล่า ไปนำออกมาจุดให้หมด จุดทีเดียวให้หมดเลย”
พั่งไห่มองเว่ยหมิ่นแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าในใจของนางคิดอะไร ถึงจะไม่มีลูกแล้ว แต่ก่อนหน้ายังเกลียดฮ่องเต้อย่างกับอะไร เกลียดจนไม่สามารถกัดเนื้อบนกายเขามาชดใช้ให้กับชีวิตลูกของนาง มาตอนนี้กลับดูดอกไม้ไฟด้วยกันดีๆ ได้ ดูท่าทางการดีใจก็ราวกับเป็นเรื่องจริง
แต่ว่าวันนี้ฮ่องเต้ทรงมีความปีติยินดียิ่งนัก พวกเขาเป็นข้ารับใช้เบื้องพระยุคลบาท มิอาจทำให้บรรยากาศแห่งความปีติของฮ่องเต้พังลงได้ บางเรื่องไม่สามารถพูดให้ชัดเจนเพราะฮ่องเต้อาจจะโกรธจนบันดาลโทสะได้ หรือถ้าพูดให้ชัดเจนก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตของตนได้ ข้ารับใช้อย่างพวกเขาขอเพียงแค่เป็นหูเป็นตาแทนฮ่องเต้แล้วคอยป้องกันให้ไม่เกิดเรื่องขึ้นก็พอแล้ว
บุรุษผู้เก่งกาจก็พ่ายให้กับสาวงาม เว่ยหมิ่นแย้มรอยยิ้มให้กับฮ่องเต้ ราวกับทำให้น้ำแข็งบนหน้าของเขามลายหายไป ในหัวเหมือนมีเมฆหมอกมาปกคลุม จำได้เพียงแต่รอยยิ้มของนาง
“ด้านนอกอากาศเย็นนัก สวมเสื้ออีกสักตัวแล้วค่อยออกไปเถอะ” บนเตียงมีเสื้อคลุม ฮ่องเต้ทรงนำมาคลุมให้นางด้วยตัวเอง ขณะที่ก้มศีรษะลงก็แลเห็นแพขนตาของนางขยับเบาๆ สายตามองต่ำลงไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของนางอย่างอ้อยอิ่งจนลืมการกระทำที่อยู่ตรงหน้า
จิตใต้สำนึกของเว่ยหมิ่นบอกให้ถอยหลังมาหนึ่งก้าว “ข้ามิกล้ารบกวนฝ่าบาท ข้าคลุมเองดีกว่า”
“เว่ยหมิ่น…” ฮ่องเต้จับไหล่ของนางไว้ ใบหน้าใกล้ชิดเข้ามา “ข้าพยายามปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีที่สุดแล้ว แทบอยากจะควักหัวใจออกมาให้เจ้า เจ้าจะลืมเหลียงอู๋เย่ว์แล้วอยู่กับข้าไม่ได้เลยหรือ”
ลืมเช่นนั้นหรือ จะลืมได้อย่างไร เว่ยหมิ่นเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำใสๆ “ฝ่าบาทคิดว่าคุยเรื่องแบบนี้กับข้าตอนนี้เหมาะสมหรือ เหลียงอู๋เย่ว์คือคนที่ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้เป็นสามีของข้า ถ้าไม่ใช่เขา ไม่แน่ป่านนี้ข้าอาจจะแต่งกับเฉินตานไปแล้ว แล้วจะให้ข้าอยู่กับฝ่าบาทหรือ จะอยู่กับฝ่าบาทได้อย่างไร แล้วเหลียงอู๋เย่ว์จะทำอย่างไรเล่า”
เมื่อครู่นี้ลองแล้ว ด้วยความสามารถของนาง ไม่สามารถเอาชนะอำนาจที่อยู่ในมือของฮ่องเต้ได้ หากว่าต้องการจะฆ่าเขา เกรงว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้เขาก็พ่ายแพ้แล้ว โอกาสมีเพียงครั้งเดียว เว้นแต่จะฉวยโอกาสไว้ให้มั่น มิฉะนั้นจะไม่มีทางได้ลงมือง่ายๆ ตอนนี้วิธีการเดียวก็คือต้องเป็นฝ่ายเข้าหาฮ่องเต้เอง
ฮ่องเต้ก็รู้สึกเสียใจ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีทางอื่น เดิมทีเหลียงอู๋เย่ว์เป็นแขก ส่วนเขาเป็นฮ่องเต้ คงไม่ดีถ้าเขาต้องแก่งแย่งผู้หญิงกับคนอื่นอย่างไม่ซื่อสัตย์ นี่จึงเป็นการให้โอกาสเหลียงอู๋เย่ว์