ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 543 ความคิดของมกุฎราชกุมาร / ตอนที่ 544 ขออำนาจทหารอ้อมๆ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 543 ความคิดของมกุฎราชกุมาร / ตอนที่ 544 ขออำนาจทหารอ้อมๆ
ตอนที่ 543 ความคิดของมกุฎราชกุมาร
เฝิงเยี่ยไป๋เป็นคนที่ลงมือทำทันที บอกว่าจะกลับหรู่หนาน เรื่องที่ต้องเตรียมก็เตรียมทันที มกุฎราชกุมารนั้นก็ต้องมีข้ออ้าง เหล่าคนใช้ในบ้านนี้ก็ต้องหาวิธีให้กลับบ้านหรือให้ไปอยู่ที่อื่น ยังมีร้านที่เปิดอยู่ในเมืองหลวง เงินใส่ไว้ในร้านแลกเงิน พอได้ตั๋วมา ก็ขายร้านให้คนอื่น ข้างนอกข้างในมีความวุ่นวายเช่นนี้ จะให้คนไม่สังเกตเห็นก็ยากนัก เพียงแต่ความเคลื่อนไหวของฝั่งซู่อ๋องนั้นก็ไม่น้อย ยามที่กำลังเสริมไปถึงด่านเอี้ยนหงนั้น ด่านก็ถูกตีแตกแล้ว ด่านซื่อสุ่ยก็ยากจะรักษา เห็นแล้วคงอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วัน ใครยังจะมีแรงมาสนใจเขาอีก
จะสั่งทหารได้ต้องมาราชโองการของฮ่องเต้ เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่ฟื้นเสียที หมอหลวงก็จนปัญญา บอกว่าเสียพระโลหิตมากไป ร่างกายอ่อนแอ บวกกับปิ่นนั้นปักได้เ**้ยมนัก แทงทะลุพระศอ คอเป็นทางผ่านของลมปราณสำคัญทั่วร่างกาย การแทงนั้นแทงทะลุไป จึงทำให้ร่างกายทั้งร่างรับผลไปด้วย เหล่าหมอหลวงก็ไม่กล้าทดลองการรักษาบนพระกายฮ่องเต้ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาจะต้องรับผิดชอบ ต่างเก็บฝีมือเอาไว้ เอาแต่บอกปัด ดูจุดประสงค์ของมกุฎราชกุมารแล้วก็ไม่ใช่ว่าอยากจะให้รักษาฮ่องเต้ให้หาย เพียงแต่ทำเอาหน้าเท่านั้นเอง
พ่อลูกไม่ค่อยมีความผูกพัน ฮ่องเต้มีทายาทมากมาย ไม่ได้ใส่ใจกับทุกคนนัก บางคนถึงขั้นโตเช่นนี้แล้วยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ฮ่องเต้ มกุฎราชกุมารเป็นผู้สืบทอด หากฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ เขาก็เป็นเจ้าแผ่นดินต้าเยี่ย ผู้ชายนั้นมีความอยากได้อำนาจด้วยธรรมชาติ มกุฎราชกุมารขึ้นครองตามวิถี ขอเพียงฮ่องเต้ไม่อาจเข้าราชกิจ เสียงที่จะให้มกุฎราชกุมารสืบตำแหน่งต่อก็จะมีมากขึ้น ตอนนี้ต้าเยี่ยมีภัยทั้งในทั้งนอกถาโถมเข้ามา ไม่มีคนที่ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ไม่ได้
คนที่เป็นห่วงฮ่องเต้จริงๆ ในยามนี้เกรงว่าคงจะมีพั่งไห่เพียงคนเดียวแล้ว หมอไร้วิชาของสำนักหมอหลวงนี้รักษาฮ่องเต้ไม่หาย เช่นนั้นอิ๋งโจวที่อยู่จวนท่านอ๋องนั้นจะต้องรักษาได้แน่นอน พ่อของเขาเป็นเจ้าสำนักหมอหลวงคนก่อน วิชาการรักษาสูงส่งเป็นที่รู้กัน ท่านพ่อเป็นได้เช่นนี้แล้ว ลูกชายจะต้องไม่แย่ไปกว่ากัน ขอเพียงอิ๋งโจวยอมรักษาฮ่องเต้ ไม่แน่ฮ่องเต้อาจยังมีโอกาสรอดได้
เพียงแต่คิดคือคิด เฝิงเยี่ยไป๋ก็ใช่ว่าจะยอมส่งคนให้เขา เขาอยู่ในวังมาหลายปีเช่นนี้ก็ดูออกนานแล้ว หากฮ่องเต้เป็นอะไรขึ้นมา คนที่อยากให้ฮ่องเต้หายดีมีเพียงไม่กี่คน ใครไม่อยากฉวยโอกาสวุ่นวายนี้เข้ามาแบ่ง ตำแหน่งฮ่องเต้เป็นการสืบทอด เพียงแต่ตั้งแต่อดีตก็มีการเปลี่ยนราชวงศ์ ตระกูลอวี่เหวินของพวกเขาอาศัยอะไรยึดไว้คนเดียว
เฝิงเยี่ยไป๋นึกไม่ถึงว่าพั่งไห่จะวางแผนใส่เขา เขายืมคนต่อหน้าขุนนางและมกุฎราชกุมาร สีหน้าของมกุฎราชกุมารดูไม่ดีนัก คิดว่าคงจะไม่พอใจอย่างแน่แท้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ ตอนแรกเขาสามารถสืบตำแหน่งอย่างถูกต้อง หากยามนี้ได้ชื่อว่าฆ่าพระบิดาเพื่อชิงตำแหน่ง แม้จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้ก็ไม่สงบ กลับทำให้คนเหล่านั้นอ้างล้างแค้นมาบุกเขา
เฝิงเยี่ยไป๋ย่อมไม่อยากให้ฮ่องเต้หายดี ฮ่องเต้วางแผนทำร้ายเขาอยู่ตลอด แล้วเขาจะโง่ถึงขั้นหาคนมารักษาฮ่องเต้หรือ จุดนี้เขากับมกุฎราชกุมารถือว่าใจตรงกัน พั่งไห่แม้ว่าจะเสนอความคิดเห็นอยู่ข้างหูมกุฎราชกุมาร เพียงแต่อยู่ในท้องพระโรง ขอเพียงไม่ใช่คนหูหนวกก็ได้ยินเสียงของเขา ทุกคนได้ยินก็ต่างมองไปที่เฝิงเยี่ยไป๋ รอเขาอ้าปาก จะยินยอมหรือไม่
เฝิงเยี่ยไป๋เงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่อยากสร้างเรื่องในยามนี้ จึงอ้าปากพูดว่า “ท่านหมออิ๋งโจวมีบุญคุณที่ช่วยเหลือภรรยา ก็ได้พักอาศัยอยู่ในจวนข้าระยะหนึ่ง แต่โชคไม่ดีนัก ท่านหมออิ๋งโจวได้จากไปเมื่อไม่กี่วันก่อน บอกว่าจะเดินท่องทั่วแผ่นดิน ข้าก็ไม่รู้จะหาได้ที่ใด”
ตอนที่ 544 ขออำนาจทหารอ้อมๆ
รู้ว่าเขาบ่ายเบี่ยง มกุฎราชกุมารก็ไม่เปิดโปง พั่งไห่กลับแค้นนัก เขาไม่เคยเห็นอิ๋งโจวออกจากจวนของเขาเลย ไฉนยามที่ฮ่องเต้เกิดเรื่องขึ้นนั้นกลับเดินท่องไปเสียแล้ว เขายังคิดจะเถียงกับเขา จู่ๆ ก็ได้ยินมกุฎราชกุมารตรัสว่า “พระบิดาป่วยหนัก ข้าเป็นห่วงยิ่งกว่าพวกเจ้า อยากจะเจ็บแทนพระบิดายิ่งนัก หมอหลวงได้รักษาอย่างเต็มที่ สำหรับอิ๋งโจว พ่อของเขาเคยลอบทำร้ายไทเฮาคนก่อน ถูกฮ่องเต้องค์ก่อนประหาร เพียงแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนเมตตา ไม่ได้ประหารเจ็ดชั่วโคตร อิ๋งโจวนี้ก็ยากจะมั่นใจไม่เจ็บแค้นแล้วล้างแค้น ให้เขามารักษาพระบิดา ข้าคิดว่าไม่เหมาะนัก”
ตรัสจบก็ถามเหล่าขุนนาง “พวกท่านมีความเห็นเช่นไรบ้าง”
มกุฎราชกุมารตรัสขึ้น ข้างล่างไม่ขาดคนที่ส่งเสริม มีคนเริ่มขึ้นทุกเสียงก็ว่าตาม ต่างบอกว่าไม่เหมาะ ตอนแรกพั่งไห่ยังคิดว่าจะมีคนที่เห็นด้วยกับเขาอยู่บ้าง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าคนเหล่านี้ต่างเป็นเต่าหดหัว นอกจากเขา ไม่มีใครกล้าขัด เพียงเขาคนเดียวก็ไม่อาจสั่นคลอนความคิดของมกุฎราชกุมาร เรื่องนี้จึงได้แต่ล้มเลิกไป
มกุฎราชกุมารเหลือบมองเฝิงเยี่ยไป๋ ตรัสเสียงดังกับทุกคนในท้องพระโรงว่า “ทัพซู่อ๋องได้ตีด่านเอี้ยนหงแตก กำลังเสริมของราชสำนักไปช้า ยามที่ไปถึงประตูเมืองก็ถูกตีแตกแล้ว แม่ทัพเอี๋ยนเหลียงได้สละชีพเพื่อแคว้นนับเป็นตัวอย่างที่น่านับถือ พวกเจ้าก็ควรจะเรียนรู้ความภักดีของแม่ทัพท่านนี้ ยามนี้ฮ่องเต้ประชวรหนัก จนถึงยามนี้ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ทุกท่านคงไม่อาจเห็นแผ่นดินของฮ่องเต้ถูกขุนนางกบฏขโมยไปจนทำให้ประชาชนทุกข์ยากกระมัง!”
ในคำพูดนี้ซ่อนคำพูดอยู่ ในใจเฝิงเยี่ยไป๋คาดเดาอีกเดี๋ยวก็จะพูดถึงเรื่องอำนาจทหารแล้ว ราชสำนักมีทหารนับล้าน นอกจากที่เฝ้าอยู่ที่นอกด่านประจำแล้วนั้น ที่สามารถเคลื่อนทัพได้ก็มีเพียงไม่กี่แสน ทัพไม่กี่แสนต่อกรกับทัพไม่กี่หมื่นของซู่อ๋องและทัพเรือไม่กี่หมื่นของด่านซื่อสุ่ยความจริงแล้วไม่ใช่ปัญหาอะไร เพียงแต่ปัญหาก็อยู่ที่ตราทหาร จะเคลื่อนทัพได้ไม่ดูที่คน ไม่ดูที่ตำแหน่ง ดูเพียงตราทหาร มกุฎราชกุมารไม่มีตราทหาร ไม่อาจเคลื่อนทัพได้ ย่อมไม่อาจย้ายทัพที่จะต้านทัพซู่อ๋อง ตราทหารอยู่ในมือของแม่ทัพทั้งหลาย วิธีเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือให้เหล่าแม่ทัพมอบตราทหารออกมาด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นรอฮ่องเต้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อใด
เหล่าแม่ทัพที่อยู่ข้างล่างต่างมองหน้ากัน มกุฎราชกุมารพูดชัดเจนมาก นี่คือการขออำนาจทหารกับพวกเขาอ้อมๆ ในมือไม่มีอำนาจทหาร พวกเขาก็ต้องฟังมกุฎราชกุมารไม่ใช่หรือ แม้ว่ามกุฎราชกุมารจะเป็นผู้สืบตำแหน่งในอนาคต แต่อย่างไรก็ยังเป็นเด็กอยู่ ในใจพวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง หากมอบอำนาจทหารออกไปยามนี้ ก็เท่ากับมอบชีวิตให้กับเขาแล้ว จะเป็นหรือตายล้วนไม่ใช่ตัวเองจะตัดสินได้
ตอนนี้เฝิงเยี่ยไป๋ก็แค่มาตามระเบียบ เรื่องของราชสำนักเขาไม่ยุ่ง ฟังก็คือฟังว่ามีข่าวของเว่ยหมิ่นหรือไม่ พวกเขาพูดเรื่องอำนาจทหาร ในใจเขากลับกำลังวางแผนอยู่ว่าจะจากไปเช่นไร
มกุฎราชกุมารต่างกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้เพื่อจะลองเชิงเขาอาจจะยังขอความคิดเห็นจากเขาอยู่บ้าง เพียงแต่มกุฎราชกุมารไม่เป็นเช่นนั้น มกุฎราชกุมารยอมให้เขายืนเฉยๆ ก็ไม่ถามเขา เพียงแค่เหลือบมองเขาบ้าง เม้มปากใช้ความคิด เวลาอื่นก็เห็นเขาดั่งท่อนไม้ ไม่สนใจไม่ใส่ใจ
ข้างหน้ามีคนกำลังพูดอยู่ ข้างนอกก็มีองครักษ์เร่งรีบเข้ามารายงาน บอกว่าทัพของซู่อ๋องตีแตกด่านเอี้ยนหงแล้วขึ้นเหนือมา ตอนนี้มาถึงถงอัน ห่างจากเมืองหลวงเพียงสองพันลี้เท่านั้น ฝั่งด่านซื่อสุ่ยนั้น ทัพเรือของราชสำนักไม่ได้สู้รบมานานใช้การไม่ได้ อีกฝ่ายมีดินปืน ขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม เห็นว่าจะต้านไม่อยู่แล้ว