ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 545 หากเป็นภรรยาของเขาละก็ / ตอนที่ 546 ไม่ได้มีความคิดเหมือนเจ้า
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 545 หากเป็นภรรยาของเขาละก็ / ตอนที่ 546 ไม่ได้มีความคิดเหมือนเจ้า
ตอนที่ 545 หากเป็นภรรยาของเขาละก็
เฝิงเยี่ยไป๋ก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะดำเนินได้ราบรื่นเช่นนี้ หากซู่อ๋องบุกเข้ามาตามสภาพที่เป็นอยู่เช่นนี้ เมืองหลวงก็จะตกเป็นของเขาไม่ช้าก็เร็ว
ยามนี้มกุฎราชกุมารถึงได้มีความรู้สึกถึงวิกฤตขึ้นมา ตอนที่รับช่วงต่อราชกิจนั้นยังคิดว่าเป็นเพียงแค่ความอ่อนแอของราชสำนัก แต่นึกไม่ถึงว่ามันจะอ่อนแอถึงขีดสุด ตั้งแต่ฮ่องเต้นั่น แผ่นดินนี้ก็ใกล้จะจบสิ้นแล้ว
ไม่มีอำนาจทหารสงครามนี้ก็ไม่อาจชนะได้ เหล่าแม่ทัพที่อยู่ข้างล่างต่างก็คิดเอาตัวรอด ไม่ใช่ว่าไม่ยอมมอบ แต่เพราะมอบให้กับมกุฎราชกุมารแล้วไม่วางใจ มกุฎราชกุมารไม่มีใครหนุนหลัง และขาดซึ่งประสบการณ์ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา สุดท้ายคนที่ต้องแบกรับก็เป็นพวกเขาที่สู้อยู่แนวหน้า
มกุฎราชกุมารก็ไม่อาจคิดออกได้ในทันที จึงได้แต่กลับไปขอวิธีจากไทเฮา ไทเฮาเป็นคนที่มีประสบการณ์และมาจากตระกูลแม่ทัพอีก ด้านการวางแผนไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย สองแม่ลูกหาลือกัน อย่างน้อยก็รักษาแผ่นดินไว้ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
เมืองหลวงยิ่งวุ่นวาย เฝิงเยี่ยไป๋จะไปก็ยิ่งสะดวก เรื่องที่ซู่อ๋องขอให้เขาช่วย เขาก็ทำแล้ว หลังจากนี้พวกเขาจะสู้กันอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว ตอนแรกวางแผนไว้เสียหมดแล้ว เพียงแต่ก่อนจะไป เรื่องวุ่นวายก็มาหาถึงที่อีก
ซู่อ๋องก่อกบฏแล้ว ความบาดหมางระหว่างราชสำนักก็เปิดเผยออกมา ยามที่อวี่เหวินลู่มานั้นแม้ว่าจะยังหลบคนอยู่ เพียงแต่เข้ามาในจวนท่านอ๋องแล้วกลับเดินเล่นอย่างเปิดเผยขึ้นมา เห็นว่าคนใช้ในจวนหายไปครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงไม่กี่วัน ในใจก็สงสัยอยู่บ้าง เขาเดินเล่นอยู่นานก็มาที่ห้องที่เฉินยางพักอยู่ เขาไม่เชิญกลับมาเอง แถมยังเดินเข้ามาตรงๆ และไม่สนว่าซั่งเหมยซั่งเซียงมีสีหน้าอะไรก็เข้ามาในห้องดื้อๆ
เฉินยางกำลังกล่อมเด็กอยู่ในห้อง นางหน้าเด็ก เหมือนดั่งไม่โตเลยเช่นนั้น จะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับหญิงที่เคยคลอดลูกแล้ว อยู่กับเด็กคนนี้แล้วก็ไม่เหมือนกับแม่ลูก กลับเหมือนเป็นพี่น้องมากกว่า
อวี่เหวินลู่มองแล้วในใจถึงกับรู้สึกอิจฉาขึ้นมา ที่จริงแล้วสร้างครอบครัวไวเสียหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ข้างกายมีคนที่เป็นห่วงเป็นใย กลับไปถึงบ้านก็มีคนที่เฝ้ารอเขาอยู่ ไม่ใช่อยู่ตัวคนเดียวอีก นอนพลิกไปมาอยู่บนเตียงใหญ่ กลางคืนตื่นขึ้นมาข้างกายก็เงียบเหงา
เขามองจนเหม่อลอย ในความเหม่อลอยนั้นถึงกับรู้สึกว่าบนตัวเจ้าเด็กนี้เปล่งประกายขึ้นมา มีความรู้สึกที่ดูดี ผู้หญิงที่เคยคลอดลูกแล้วช่างมีความแตกต่าง เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก มองดูแล้วกลมกลึงแต่กลับไม่รู้สึกอ้วน รูปร่างเช่นนี้ช่างมีรสมากกว่าหญิงในหอนางโลมเหล่านั้น จะเป็นรสอะไรนั้นบอกไม่ถูก เพียงแต่สามารถดึงดูดสายตาได้
ผู้หญิงที่ดีเช่นนี้ หากเป็นภรรยาเขาละก็…
ความคิดนี้เพิ่งโผล่ขึ้นมาครึ่งหนึ่ง อวี่เหวินลู่ก็หยิกตัวเองแรงๆ ทีหนึ่ง ตั้งสติกลับมาแล้ว เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ไฉนถึงเกิดความคิดเช่นนี้กับนางได้ นางเป็นใคร ผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋ เป็นคนมีเจ้าของแล้ว เป็นภรรยาของคนอื่น เขาจะเป็นดั่งพระอัยกาหรือฮ่องเต้ไม่ได้กระมัง สนใจภรรยาของคนอื่น แพร่ออกไปแล้วจะมีชื่อเสียที่ดีได้หรือ ช่างขายหน้ายิ่งนัก เว่ยเฉินยางนางเป็นใคร ใต้ฟ้านี้มีหญิงงามมากมาย หน้าตาของนางเทียบใครไม่ได้เลย ไม่สมควรๆ เขาเพียงแค่หลงไปชั่วขณะ ผู้หญิงเช่นนี้ ต่อให้มอบให้เขาจริง เขาก็ไม่อยากได้!
เสี่ยวจินอวี๋เพิ่งกินนมเสร็จ เฉินยางอุ้มเขาขึ้นจากเตียง พอหันกลับมาก็ตกใจที่เห็นอวี่เหวินลู่ นางเอามือทาบอกหอบหายใจ พอดีขึ้นแล้วก็ปั้นหน้าด่าว่า “เจ้าเป็นบ้าหรือ อยู่ข้างหลังไม่ส่งเสียงอะไรเลยทำไมกัน ทำเอาคนตกใจตายได้ไม่รู้หรือ”
อวี่เหวินลู่หึเบาๆ นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ “ดูความกล้าของเจ้าสิ ไฉนถึงไม่ได้ทำให้เจ้าตกใจตาย!”
ตอนที่ 546 ไม่ได้มีความคิดเหมือนเจ้า
เขาช่างพูดจาไม่ดีจริงๆ เฉินยางขี้เกียจสนใจเขา นางมองไปข้างนอก พูดด้วยความสงสัยว่า “เจ้าเข้ามาได้อย่างไร ไม่มีใครเห็นเจ้ากระมัง”
อวี่เหวินลู่หรี่ตายิ้ม นั่งไขว่ห้างทำท่าทางเป็นคนใหญ่คนโต “ยังจะเข้ามาอย่างไรได้ ย่อมเดินเข้ามาตรงๆ”
เดินเข้ามาตรงๆ เช่นนั้นก็ถูกคนเห็นหมดแล้วไม่ใช่หรือ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที “เจ้าคิดจะทำร้ายพวกเราทั้งหมดหรือ หากถูกใครเห็นเข้าไปฟ้องในวัง เจ้ากับข้าก็ต้องจบสิ้นลงไม่รู้หรือ ฮ่องเต้หาทางกำจัดเจ้าอยู่ เจ้ากลับดี ส่งไปถึงที่”
อวี่เหวินลู่บุ้ยปากด้วยความไม่ใส่ใจ “ผู้หญิงช่างพูดมากเสียจริง” ครั้งก่อนมาที่จวนท่านอ๋องยังคึกคักอยู่เลย เดินไปที่ใดก็มีแต่คน กลับมาครั้งนี้ เดินไปรอบหนึ่งเจอเพียงไม่กี่คน เขาลูบคางรู้สึกผิดสังเกต เลิกคิ้วมองเฉินยาง “จวนท่านอ๋องที่ใหญ่โตนี้ บ่าวหายไปตั้งมากมาย ไม่ใช่ว่าให้ไปอยู่ที่อื่นแล้วกระมัง เฝิงเยี่ยไป๋ส่งพวกเขาไปทำไมหรือ หรือว่าเตรียมจะหนี”
เขาเดาถูกเข้าให้จริงๆ เฉินยางเงียบไปครู่หนึ่ง ปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่มีเรื่องเช่นนั้น เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายนัก ยังดีๆ อยู่พวกเราจะหนีอะไร คนที่ก่อกบฏไม่ใช่พวกเราเสียหน่อย”
“คนที่ก่อกบฏไม่ใช่พวกเจ้า เพียงแต่พวกเราสมรู้ร่วมคิด!” อวี่เหวินลู่เหลือบมองเสี่ยวจินอวี๋ หัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “เฝิงเยี่ยไป๋นี้พอมีลูกแล้วก็ไม่เหมือนคนอื่นเลย ครอบครัวมีแล้ว ความทะเยอทะยานก็หมดไป น่าเสียดายยิ่งนัก แต่เดิมแผ่นดินนี้เขาก็สามารถมาแย่งชิงได้อยู่ หากเขามีใจเช่นนั้น คาดว่าข้ากับพ่อข้าคงต้องล้มเหลวเสียแล้ว”
เฉินยางวางเสี่ยวจินอวี๋กลับไปที่เตียง เอามือเท้าเอวเถียงกับเขา “วันนี้เจ้ามาที่นี่ตกลงเพื่อสิ่งใดกัน หากไม่มีเรื่องใด ก็รีบไสหัวไป อย่าอยู่ที่นี่ทำร้ายคนอื่น”
เขาทำร้ายคน เขาอยู่ในใจนางคงเป็นตัวปัญหาหรือ อวี่เหวินลู่ไม่ยอมแพ้ เขาเอามือไขว้หลังยืนขึ้น เดินวนอยู่ข้างๆ นาง “เจ้านี่… ใบหน้าอ่อนโยน ไฉนถึงได้พูดจาไม่เข้าหูเช่นนี้ ตอนนี้พวกเราเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเดียวกันแล้วรู้หรือไม่ หากใครตายก็ตายทั้งหมด ตอนนี้อยากจะแยกจากกัน ข้าจะบอกเจ้าให้ อยกไม่ได้ จะตายก็ตายไปด้วยกัน จะรอดก็รอดไปด้วยกัน แยกไม่ออกแล้ว”
เจอคนหน้าไม่อายเช่นนี้ พูดด้วยเหตุผล เจ้าไม่อาจพูดชนะเขาได้ คนเช่นเขานั้นถนัดพูดเรื่องที่ไร้เหตุผลที่สุด ยุ่งยากยิ่งกว่าผู้หญิง เฉินยางทำตาขาวใส่เขาแล้วจิบชาให้ชุ่มคอ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมีสีหน้าดีๆ เลย “พวกเจ้าอย่าได้ลืมบุญคุณก็พอ สามีข้าช่วยพวกเจ้า เขาเพียงช่วยวางแผน สุดท้ายแล้วจะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่บารมีของพวกเจ้า ตอนนี้เห็นว่าจะสำเร็จแล้ว กลับมาพูดเช่นนี้อีก เป็นอะไรหรือ อยากจะดึงสามีข้าไปเป็นแพะรับบาป?”
อ้าปากหุบปากก็สามีข้าๆ ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนั้น พรุ่งนี้เขาก็จะไปหาผู้หญิงมาแต่งงาน ก็เพียงแค่อวดความรัก ทำเหมือนดั่งใครไม่เป็นเช่นนั้น คำเรียกนี้ฟังแล้วแสบหู เขาสะบัดมือตัดบทนางด้วยความหงุดหงิด “อย่าได้พูดเรื่องที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น เจ้าถามเฝิงเยี่ยไป๋ เขาช่วยพวกเรา ตัวเองก็ไม่ได้ผลดีอะไรเลยหรือ เขาเป็นคนที่ยอมเสียเปรียบ? อีกอย่าง ตอนแรกฮ่องเต้ก็จะฆ่าเขาอยู่แล้ว เขาช่วยพวกเราก็เท่ากับช่วยตัวเขาเอง พวกเราไม่ติดค้างกัน”
“เพียงแต่คนที่จะแย่งชิงบัลลังก์เป็นพวกเจ้า อย่าว่าอะไรไม่ติดค้างกัน พวกเจ้าชนะ ได้แผ่นดินไปครอง พวกเราหรือ อะไรก็ไม่ขอ เพียงอยากจะกลับไปใช้ชีวิตสงบสุข พวกเราไม่ได้มีความคิดเดียวกันเลย”