ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 641 ปิดหูปิดตา / ตอนที่ 642 ติดค้างน้ำใจคนไม่ดี
ตอนที่ 641 ปิดหูปิดตา
การเจรจาระหว่างอวี่เหวินลู่กับหานสือไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก เขาบังคับให้หานสือช่วยคิดหาวิธีทำให้พวกเขาเข้าวัง เป็นพวกเขา ไม่ใช่แค่เว่ยเฉินยางคนเดียว หานสือบอกว่าไม่อาจจะช่วยเหลือได้ ให้เขาหาคนที่มีความสามารถมากกว่า ถ้าเชื่อถือเขาไม่ได้จริงๆ สามารถใช้เงินปิดปากเขาได้ เขาคนนี้ขอแค่มีเงินก็สามารถปิดปากได้ ข้อนี้ เว่ยเฉินยางเป็นพยานให้ได้
แต่อวี่เหวินลู่กลับรู้สึกว่าหานสือแสดงออกว่าดูถูกเขา เขาไม่ฆ่าตายก็ดีเพียงใดแล้ว ยังจะต้องใช้เงินมาปิดปากเขาอีก แม้ว่าเงินจะน่าเชื่อถือเพียงใดก็ไม่สู้ปากคนที่ตายไปแล้ว ฆ่าเขาให้ตายจะได้ลดปัญหา
อวี่เหวินลู่เกลียดการให้คนเจอจุดอ่อนแล้วนำไปข่มขู่ ทันใดนั้นสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป ถกเสื้อเปิดไหล่ออก ตั้งท่าสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปข้าง หานสือรับตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์มานานหลายปี วิชาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเสียเท่าใด คนทั้งสองคนทะเลาะตีกันอยู่ในห้องสวนกันไปมา ข้าวของถูกโยนล้มเสียงดังโครมคราม ภรรยาของหานสือยืนอยู่ข้างนอกประตูนานแล้ว ก็ไม่กล้าเข้ามาในห้อง ฟังดูสถานการณ์ข้างในค่อยๆ สงบลง ถึงกล้าจะเปิดประตูเข้ามาดู ดีไม่เจอเลือด สองคนคนนี้ตีกันนานพอควรแต่ยังไม่รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ มีคนเข้ามาห้าม แต่ละคนคว้าที่นั่งมาคนละตัวแล้วนั่งพักหายใจ
ภรรยาหานสือส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ไปชงชาจากในครัวมาให้ดื่ม ดื่มแล้วนำกาน้ำชาวางลง มองไปที่ห้องที่รกรุงรังแล้วส่ายหน้า เปิดประตูแล้วเดินออกไป
อวี่เหวินลู่รู้สึกยังไม่ยอมแพ้ รินน้ำชากระดกซดลงคอ อารมณ์ดีขึ้น แล้วพูดขึ้นว่า “ที่นี่ไม่มีการแสดงมวย เมื่อครู่ข้ายอมให้เจ้า รอให้หาสถานที่ที่กว้างกว่านี้ก่อน ข้าจะทำให้เจ้าแพ้อย่างยินยอมใจ”
หานสือไม่ได้จนตรอกถึงเพียงนั้น จัดเสื้อคลุมแล้วยืนขึ้น เริ่มเก็บกวาดห้องพัก “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก คนอย่างข้าพูดอะไรทำจริง ข้าบอกจะไม่บอกใครก็จะไม่บอกใครแน่นอน แต่ถ้าเจ้ายอมใช้เงินปิดปากข้า แบบนี้จะปลอดภัยกว่า และเจ้าก็สบายใจกว่า”
“เจ้าติดป้ายประกาศจับข้าเยอะขนาดนั้น เจ้ายังไม่เข้าใจข้าอีกหรือ ข้าคนนี้ต้องการจะทำอะไร จะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ข้าล้มเลิกกลางคันได้ ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ข้าจะไม่ปล่อยมือง่ายๆ ยิ่งเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็จะต้องทำให้เจ้าช่วยข้าให้ได้ จะต้องช่วยเหลือข้าให้ได้ เจ้าไม่ใช่ทำงานอยู่ที่ประตูเสินอู่หรือ ถ้าอย่างนั้นคนกับข้าวของที่เข้ามาจากประตูเสินอู่ไม่ใช่ต้องตรวจสอบหมดหรือ เป็นมนุษย์ต้องรู้จักปรับตัว เจ้าปิดหูปิดตา พวกเราก็สามารถเข้าไปได้แล้วไม่ใช่หรือ”
หานสือพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าประตูเสินอู่มีแค่ข้าคนเดียวที่ทำงานที่นี่หรือ ข้าบอกว่าเข้าไปได้ก็สามารถเข้าไปได้อย่างนั้นหรือ ท่านซื่อจื่ออาจจะคิดว่าข้ามีความสามารถมากเกินไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นเพียงทหารตำแหน่งเล็กๆ ไม่ใช่หัวหน้า ไม่ได้มีสิทธิ์เยอะขนาดนั้น แม้ว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าเข้าไปได้ แต่ข้างในยังมีด้านอีกเยอะแยะมากมาย จะช้าจะเร็วพวกเจ้าจะต้องถูกจับได้”
อวี่เหวินลู่บ่นพึมพำให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล “ขอแค่ข้าสามารถเข้าประตูเสินอู่ได้ก็มีวิธีที่ไม่ทำให้คนอื่นจับได้ สิ่งนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าทำหน้าที่ให้พวกเราสามารถเข้าออกก็พอแล้ว เมื่อเรื่องนี้ทำสำเร็จ เจ้าก็ได้ผลประโยชน์ไปด้วย”
“ท่านซื่อจื่อจะต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือถึงจะยอมเชื่อข้า”
“เจ้าจับจุดอ่อนของข้าได้ ในมือข้าก็จะต้องจับจุดอ่อนของเจ้าถึงจะรู้สึกสบายใจ เราสองคนถึงจะเรียกได้ว่าไปมาหาสู่กัน”
พูดให้น่าฟังดีกว่าสิ่งอื่นใด ยากมากที่อวี่เหวินลู่จะพูดโดยไม่มีการเสียดสีสักครั้ง ก่อนหน้าเขากับเว่ยเฉินยางต่างคนต่างไม่ถูกกัน มาตอนนี้ แต่ความขัดแย้งนั้นยังอยู่ เขาแอบซ่อนความดีของนางไว้ในใจ ต่อหน้าทำเป็นแยกเขี้ยวยิงฟัน ข้างในนั้นแอบซ่อนความอ่อนโยนไว้ทั้งหมดนี้หานสือแสดงออกให้เห็นหลายครั้งแล้ว
ตอนที่ 642 ติดค้างน้ำใจคนไม่ดี
อวี่เหวินลู่กลับไปพูดกับเฉินยาง หานสือจะพาพวกเขาเข้าวัง สำหรับเรื่องที่ระหว่างการเจรจามีการทะเลาะ การข่มขู่ การหลอกล้อกับหานสือนั้น เขาปิดปากสนิทไม่พูดออกมา
เฉินยางตกใจแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านพูดกับเขาแล้วหรือ ท่าน…ท่านไม่กลัวเขาจับท่านได้หรือ ทำไมไม่ให้เขาไปคุยกับข้าที่โรงเตี๊ยม”
เขาจิบชาทีละน้อย “จับได้แล้วแต่ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเสียตอนนี้เขาเป็นตั๊กแตนตัวหนึ่งที่อยู่บนเชือกของพวกเรา เราทำธุระสำเร็จ เขาก็ไม่ได้ผลประโยชน์ด้วยแม้แต่น้อย อย่างไรเสีย เจ้าผู้หญิงคนเดียว เจ้าจะคุยกับเขารึ เจ้าจะพูดอะไรกับเขาได้ การจะจัดการกับผู้ชายต้องเป็นผู้ชายด้วยกันเอง ถ้าเจ้าไปแล้ว จะต้องเสียเปรียบแล้วไม่ได้อะไรเลย”
เฉินยางคิดๆ ดูก็เห็นด้วย ถ้าเขาปฏิเสธ นิสัยอย่างนางนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะไปฝืนใจคนอื่น อย่างไรก็เป็นเรื่องใหญ่คอขาดบาดตาย ถ้าตัวเองเอาชีวิตไปตาย ก่อนจะตายลากใครไปตายด้วยอีกคนก็คงไร้คุณธรรมยิ่งนัก มากไปกว่านั้นเขามีบ้านมีครอบครัว เสาหลักของบ้าน ถ้าไม่มีแล้ว นี่ไม่เท่ากับว่าทำให้ครอบครัวของเขาพบเจอกับหายนะหรือ
ใจนางไม่ได้โหดเหมือนอวี่เหวินลู่ รู้ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องไปตาย ก็สามารถคิดหาวิธีให้คนออกมาได้ นางอ่อนแอเกินไป ถ้าให้นางไปพูดกับหานสือจริงๆ เรื่องนี้แปดส่วนคือแพ้
“ให้ท่านไปเสี่ยงขนาดนี้ ช่างเป็น…ท่านช่วยเหลือข้า วันข้างหน้ามีเรื่องอะไรที่จะให้ข้าช่วยเหลือบอกข้ามาได้เลย แม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายข้าจะเสียสละช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”
ในที่สุดนางก็มีความรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น ไฟส่องไป สีหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อย บางทีมองเห็นความหวังแล้ว ไม่เป็นเหมือนตะเกียงขาดน้ำมันที่ทรมานอีก ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ความหวังอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เสมอ
อวี่เหวินลู่มองไปที่นาง ค่อยๆ มองจนเหม่อไป ส่ายหัวเหมือนป๋องแป๋ง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตอบแทนข้าด้วยการเสี่ยงอันตรายเพื่อเสียสละช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มที่”
เฉินยางตีความหมายของเขาว่าไม่ต้องการการตอบแทน รีบปัดมือปฏิเสธ “อย่างนั้นไม่ได้ คนละเรื่องกัน ครั้งนี้ท่านช่วยเหลือข้าอย่างมาก สิ่งที่ควรตอบแทนท่านข้าก็ควรตอบแทน ติดค้างน้ำใจคน…ไม่ดี”
น้ำใจคนเป็นสิ่งที่ตอบแทนได้ยากที่สุด ข้อนี้เขารู้ดี ดังนั้นจึงช่วยเหลือนางอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใดถึงเพียงนี้ เขาบอกไม่ให้นางตอบแทนโดยการเสี่ยงอันตรายเสียสละเพื่อช่วยเหลือเขานั้นเขาพูดจริง เขาขอเพียงแค่นางไม่รังเกียจเขาอีกต่อไป ค่อยๆ ลองชอบเอง แม้ว่าจะเพียงแค่เล็กน้อย ชอบแค่ส่วนหนึ่งจากที่ชอบเฝิงเยี่ยไป๋ก็ได้ แต่อย่าเป็นเหมือนตอนนี้ที่ทำเหินห่างจากเขา ทำอย่างนี้ใจเขาทรมาน เหมือนดั่งมีดกรีด ทรมานเหมือนโดนโทษประหาร
แต่คำพูดเหล่านี้เขากล้าคิดแค่ในใจเท่านั้น พูดออกมากลัวว่าจะทำให้นางตกใจ และจะยิ่งผลักนางให้ไกลห่างออกไปอีก ติดค้างก็ให้ติดค้างไป อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้หวังให้นางมาชดใช้คืน อวี่เหวินลู่ส่ายหัว แล้วกลับไปทำหน้าตาดูถูกเหยียดหยามเหมือนเดิม “เจ้าพอได้แล้ว เจ้าไม่มีความสามารถอะไรเลย ยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก ข้าไม่กล้าให้เจ้ามาตอบแทนข้า ขอแค่เฝิงเยี่ยไป๋จำบุญคุณครั้งนี้ได้ วันข้างหน้าช่วยเหลือพวกข้าอย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อครู่ที่เขาเปลี่ยนไปอบอุ่นอย่างฉับพลันนั้น เฉินยางกลับไม่คุ้นชิน เป็นอย่างนี้ดีกว่า แบบนี้ถึงเป็นอวี่เหวินลู่ เขาบอกว่าไม่ให้ชดใช้คืน นางจะไม่ชดใช้คืนไม่ได้ แม้ว่าปากเขาจะพูดไม่น่าฟัง แต่จิตใจของคนคนนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสี่ยงอันตรายขนาดนี้เพื่อช่วยเหลือนาง
“ท่านสบายใจได้ รอให้สามีข้ากลับมาก่อนข้าจะบอกเขาให้ เขาก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ครั้งนี้ท่านช่วยเหลือพวกเราขนาดนี้ ข้า…ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าข้าจะขอบคุณท่านอย่างไรดี”
อวี่เหวินลู่หน้าแดง “พอแล้ว ไม่ต้องแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พูดจนข้าขนลุกไปหมดแล้ว”