ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 681 ผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋ / ตอนที่ 682 ยังใช้ชีวิตทั้งชาตินี้กับเจ้ายังไม่พอ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 681 ผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋ / ตอนที่ 682 ยังใช้ชีวิตทั้งชาตินี้กับเจ้ายังไม่พอ
ตอนที่ 681 ผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋
อวี่เหวินลู่รายงานสถานการณ์ในเมืองแก่ซู่อ๋อง ทั้งยังรายงานเรื่องฮ่องเต้ลอบสังหารพระบิดาตนเองอีกด้วย ส่วนเรื่องอื่นนั้นยังไม่อภิปรายก่อน แค่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ก็เหลือจะทนแล้ว ขอแค่ป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป ชื่อเสียงของพระองค์ก็จะย่ำแย่ ครานี้ย่อมไม่ไร้เสียงก่นด่าเป็นแน่
แต่ซู่อ่องที่พอได้รับจดหมายจากอวี่เหวินลู่แล้วกลับตอบมาเพียงสี่คำ “รอดูท่าที” ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องรอดูท่าทีนั้น อวี่เหวินลู่เองก็ไม่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นโอกาสที่ดี อาศัยโอกาสนี้ป่าวประกาศข่าวลือออกไป แล้วค่อยยกพลขึ้นเหนือ กระชากฮ่องเต้ลงจากบัลลังก์ในคราเดียว หลังจากนั้นค่อยทูลเชิญพระราชโองการออกมาประกาศ หากในนั้นเขียนชื่อซู่อ๋องไว้ก็แล้วไป หากเป็นชื่อของเฝิงเยี่ยไป๋ละก็ ต้องดูว่าเขาปรารถนาในแผ่นดินนี้หรือไม่ หากว่าเขาเองก็ปรารถนาเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็สังหารเขาไปพร้อมกันเสียเลย โอกาสจะสร้างผลงานอยู่ตรงหน้าแล้ว หากแต่เนื้อความในจดหมายที่ว่า “รอดูท่าที” หมายความว่าอย่างไรกันเล่า
เขาเองไม่เข้าใจเนื้อความจดหมายที่ตอบกลับมา เมื่อไหลลู่ได้ยินว่าฮ่องเต้ต้องการเชิญบรรดาหญิงสาวในตระกูลขุนนางระดับห้าขึ้นไปเข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยงเขาก็รีบมารายงานทันที เฉินยางนับเป็นผู้หญิงของเฝิงเยี่ยไป๋ จะต้องได้เทียบเชิญเป็นแน่ แต่ใครๆ ล้วนดูออกทั้งนั้น นี่มันหาใช่งานเลี้ยงฉลองเพื่อเข้าเหมันตฤดูไม่ นี่มันงานเลี้ยงที่ลวงไปสังหารชัดๆ หากแต่คนที่ต้องกังวลใจไม่ได้มีเพียงเฉินยางเท่านั้น คิดว่าจัดงานใหญ่โตเพื่อนางคนเดียวก็ดูจะไม่สมเหตุสมผล จะต้องมีแผนอื่นเป็นแน่
อวี่เหวินลู่พอได้ยินข่าวนี้ ในใจหวาดผวานัก แต่เพียงครู่เดียวก็สงบได้ เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ไม่อยู่เมืองหลวงเสียหน่อย ตอนนี้หาใช่เรื่องที่เขาจะมากังวลไม่ ภรรยาผู้อื่น ตนนั้นคงไม่ต้องเอาใจใส่ถึงปานนั้นหรอก ทำดีบางคราก็ไม่ได้ดี เสียใจเปล่า
ไหลลู่มองเขาอยู่ พยักหน้าอย่างพออกพอใจว่า “นายท่านลองคิดดู อย่างนี้ดีแล้ว ท่านเองก็อย่าไปคิดถึงเรื่องของเฉินยางอีกเลย เวลาผ่านไปแน่นอนว่าจะต้องลืมได้แน่นอน ใต้หล้านี้หญิงสาวที่สวยงามและมีเสน่ห์มีมากมายนัก พวกเราไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลากับนางเลย”
อวี่เหวินลู่เมื่อได้ยินก็ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง หลังมือฟาดใส่ศีรษะเขาเต็มแรง “ข้าบอกหรือว่าข้าคิดถึงนาง เจ้าบ่าวสุนัขผู้นี้ ไปเรียนรู้เรื่องฉวยโอกาสหลอกด่าเยี่ยงนี้มาจากที่ใดกัน หากยังกล้าเอ่ยวาจาหลอกด่าข้าอีกละก็ ข้าจะเด็ดหัวเจ้าเสีย”
ในเมื่อเป็นนายอย่างไรเสียก็ต้องถูกต้องอยู่แล้ว ไหลลู่ไม่กล้ามีปากเสียงกับนายตน ได้แต่ลูบศีรษะเบาๆ ไม่ไปกวนใจ
งานเลี้ยงของฮ่องเต้มีขึ้นวันนี้ ฮ่องเต้และขุนนางใหญ่ล้วนอยู่ที่ตำหนักเจียวอัน ไทเฮาและบรรดาหญิงงามทั้งหลายอยู่ในสวนดอกไม้ เฝิงเยี่ยไป๋มีโอกาสแค่วันนี้ในการช่วยเสี่ยวจินอวี๋ออกมา
บรรดาทหารที่เฝ้าเสี่ยวจินอวี๋นั้นล้วนเป็นเพื่อนร่วมรบของหานสือ เป็นมิตรภาพที่เคยร่วมฝ่าฟันเอาชีวิตรอดมาด้วยกัน พวกนี้ก็เช่นกัน ในใจล้วนกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมไว้ นานเข้าก็กลายเป็นความเกลียดชัง ฮ่องเต้นั้นทำการใดก็ตามล้วนเหี้ยมโหด ผู้อื่นนั้นมักจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เห็นประโยชน์ แต่พระองค์กลับไม่ใช่ ทรงขี้ระแวงนัก มักระแวงเสมอว่าผู้อื่นมักคิดร้ายกับตน นอกจากคนสนิทที่มาจากวังบูรพาด้วยกันและคนของไทเฮาแล้ว คนอื่นก็ไม่ทรงเชื่อใจใครเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ทรงงาน เหมือนเด็กกับที่เอาแต่เล่นขายของ ลูกของเฝิงเยี่ยไป๋โตแค่ไหนกันเชียว ไปลักพาตัวเด็กคนหนึ่งมา หากเอ่ยออกไปจักต้องทำให้คนรู้สึกว่าไม่คู่ควรต่อการเอ่ยถึงด้วยซ้ำ ในใจพวกเขาล้วนรู้อยู่แก่ใจ หากทำงานนี้เสร็จสิ้นแล้ว ชะตาชีวิตก็คงถึงทางตันแล้วเป็นแน่
หานสือวันนี้ที่สามารถจีบภรรยาจนแต่งงานด้วยได้สำเร็จ ความดีความชอบส่วนใหญ่ล้วนมาจากเฝิงเยี่ยไป๋ ไม่อย่างนั้นคนสมองทื่ออย่างเขา เกรงว่าผ่านมาได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นความรู้สึกที่มีต่อเฝิงเยี่ยไป๋นั้นอาจพูดไม่ได้ว่ารู้สึกดี แต่อย่างน้อยก็มิได้เกลียดชัง เฝิงเยี่ยไป๋ให้เขาช่วยเหลือ เขาเองไม่ได้ปฏิเสธ บอกแค่ขอคิดดูก่อน
ตอนที่ 682 ยังใช้ชีวิตทั้งชาตินี้กับเจ้ายังไม่พอ
วิธีการลงมือก็ยังเหมือนกับในอดีต จะให้พวกเขานั้นหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง อย่างไรเสียจบเรื่องก็ต้องตายกันหมด มิสู้เชื่อฟังเขาไว้ก่อนเป็นดี ตอนนี้กอบโกยเงินเข้าไว้มากหน่อย ต่อไปก็อ้างว่าตามผู้ร้ายออกไปนอกวังแล้วหนีไปเสีย เดิมทีที่พวกเขาทำก็คือออกไปไล่ล่าผู้ร้ายในพิภพ คุ้นเคยกับกลเม็ดชั่วร้ายนี้เสียแล้ว แต่ละคนล้วนมีหมัดมีเท้า คนทั่วไปเข้าใกล้พวกเขาไม่ได้ง่ายๆ ควรหลบหนีไปที่ใด หลบอย่างไร ในใจล้วนสะท้อนออกมาชัดเจนดั่งกระจกเงา หากต้องหลบอย่างแมวเสียสองสามวัน รอคลื่นลมในราชสำนักเงียบไปก่อน อีกไม่นานก็ออกมาเป็นวีรบุรุษได้เช่นเดิมแล้วมิใช่หรือ
คำพูดไม่ต้องเอ่ยเยอะ เพียงแนะสักหน่อยเป็นใช้ได้ จะอยู่อย่างเนือยๆ ในวัง หรือว่าออกไปนอกวัง ใต้หล้าที่กว้างใหญ่จะทำตัวอิสระเยี่ยงไรก็ได้ ด้านใดหนักด้านใดเบาต้องเลือกให้ดี
หากเป็นลูกผู้ชายล้วนทนความอัปยศนี้มิได้หรอก เดิมเป็นนายทหารกององครักษ์ที่มีเกียรตินัก ตอนนี้กลับกลายเป็นหมาเฝ้าประตู ตกต่ำอย่างน่าอดสู มิมีใครยินยอมหรอก แผนการของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นสำหรับพวกเขาแล้วเป็นดั่งฟืนร้อนท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ ก่อนหน้าพวกเขาก็คิดว่าจะลาออกเสีย หากแต่เบื้องบนไม่อนุมัติ บอกว่าในวังตอนนี้ล้วนต้องการกำลังพล แต่ที่จริงแล้วเกรงว่าหากปล่อยมือไปจะควบคุมยาก ตอนนี้เป็นโอกาสที่เหมาะนัก ถ้าไม่คว้าไว้ก็โง่งมเต็มที
ด้านในนั้นล้วนคุยกันเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงฮ่องเต้ฝั่งนี้เท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะให้โทษอะไรกับเขา หากว่าจับเขาไว้ได้ ระหว่างนั้นหากไม่มีโอกาสให้เขาหนีออกวัง อย่างนั้นก็แย่ไปใหญ่
เฉินยางไม่วางใจเขา และก็ไม่วางใจเสี่ยวจินอวี๋ ตอนที่เปลี่ยนอาภรณ์ให้เฝิงเยี่ยไป๋นางมือสั่นอยู่ สายคาดเอวเขาจะผูกอย่างไรก็ผูกไม่ได้ ในใจหวาดวิตกยิ่งนัก กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา
เฝิงเยี่ยไป๋จับมือนางมาสอนผูกอีกครั้ง “เมื่อก่อนสอนเจ้าว่าให้ผูกอย่างไร นานแล้วไม่ได้ผูก ลืมแล้วหรือ”
ตอนที่เพิ่งแต่งให้เขา เขาเคยสอนนางจริงๆ ว่าจะต้องผูกอย่างไร ยังเอาผ้าผูกเอวผูกเราสองคนไว้ด้วยกันเลย นางจำได้แน่นอน หากแต่จิตใจไม่ได้ผ่อนคลายเท่าคราแรกที่ทำ ดังนั้นแม้แต่ผ้าผูกเอวอันเดียวก็ผูกได้ไม่ดี
“ข้าไม่วางใจเลย” นางอิงแอบอยู่ตรงหน้าอกเขา ในใจนั้นมีคลื่นโถมมาให้ใจไม่สงบเป็นพักๆ
“หลังจากข้าไปแล้ว เฉาเต๋อหลุนก็จะพาพวกเจ้าออกเดินทาง คนอื่นก็มีทางไปของตน เจ้าตามเฉาเต๋อหลุนไปให้ดี ข้ากำชับเฉาเต๋อหลุนไว้แล้ว พวกเจ้าล่วงหน้าไปก่อน หลังจากนั้นไปรอข้าที่ไท่โจว ข้าจะรีบพาลูกตามเจ้าไป”
นางอดทนอยู่นาน คราวนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว หลั่งน้ำตาพลางส่ายหน้า “ท่านได้อยู่กับลูกแล้ว ตอนนี้อยากจะทิ้งข้าไว้คนเดียว ข้าไม่รับปากหรอกนะ หากท่านจะอยู่ต่อ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะอยู่ที่นี่รอท่าน”
เฝิงเยี่ยไป๋นั้นนานๆ ทีกว่าจะแสดงสีหน้าไม่พอใจกับนาง “อย่าวุ่นวายเชียว หากเจ้ายังอยู่ข้าคงมิเป็นอันทำอะไร ต้องแบ่งสมาธิและจิตใจมาดูแลเจ้าอีก”
“ข้าไม่ได้วุ่นวาย ข้าสามารถช่วยท่านได้”
“เจ้าไปแล้วถึงจะเป็นการช่วยข้า”
นางส่ายหน้าพลางช่วยเขาพันสายคาดเอว “ท่านไม่ต้องพูดคำใดๆ เพื่อมากดดันข้า ข้าไม่อยากไป แล้วท่านก็อย่าคิดว่าข้าเป็นคนโง่งม ท่านพูดอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้นข้าต้องเชื่อไปเสียหมด ท่านบอกว่าท่านไปช่วยเสี่ยวจินอวี๋ หากตอนนั้นฮ่องเต้ส่งคนมาลอบสังหารท่านเล่า ท่านจะไปได้อย่างไร”
“ข้าไม่มีทางตายแน่ ข้ายังใช้ชีวิตทั้งชาติกับเจ้าไม่พอเลย ทนไม่ได้หรอกหากต้องตายไปแบบนี้” เขาปวดใจนัก จูบเบาๆ ที่หน้าผากนาง “เจ้าไปเสียข้าจึงจะไม่ต้องกังวลเรื่องใดอย่างแท้จริง”
เฉาเต๋อหลุนที่ไปตอบจดหมายในวังหลวงนั้นกลับมาแล้ว ทางนั้นไม่ง่ายเลย บังคับให้เชิญเกี้ยวกลับมากับเขาด้วย เขายืนอยู่หน้าประตูค้อมตัวลงพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “นายท่าน ผู้น้อยมีเรื่องจะรายงาน”
เฝิงเยี่ยไป๋ให้เฉาเต๋อหลุนเข้ามา
เฉาเต๋อหลุนเหลือบมองเฉินยางพลางเอ่ย “ท่านผู้อยู่เบื้องบนนั้นเอ่ยวาจาแล้วขอรับ ในวังหลวงมีท่านหมอหลวง ถึงป่วยก็ต้องไป เกี้ยวก็เชิญมาแล้วรออยู่ด้านนอกประตูขอรับ”