ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 687 พ่อลูกพฤติกรรมเดียวกัน / ตอนที่ 688 พวกเจ้ามิใช่สามีภรรยากันหรอกหรือ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 687 พ่อลูกพฤติกรรมเดียวกัน / ตอนที่ 688 พวกเจ้ามิใช่สามีภรรยากันหรอกหรือ
ตอนที่ 687 พ่อลูกพฤติกรรมเดียวกัน
เฉินยางยืนขึ้นเพื่อตอบไทเฮา “เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินสามีข้าเอ่ยถึงเลย หม่อมฉันเป็นสตรี ท่านอ๋องไม่ใคร่จะเอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับรบราฆ่าฟันต่อหน้า หม่อมฉันเลยกลับบ้านรายงานแต่เรื่องดีไม่รายงานเรื่องร้าย หม่อมฉันอยากรู้เรื่องภายนอกนัก นั่นก็สามี จะไม่กังวลเลยก็ใช่เรื่อง แต่สามีข้ากลับไม่ยอมเล่า ถามไปก็ไม่ใคร่ตอบ”
ไทเฮาพิจารณานางอีกหนอย่างถี่ถ้วน ประโยคเหล่านี้ตอบได้สวยงามนัก อ้อมพาทีไปมาแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ไทเฮาผายมือที่นิ้วหุ้มปลอกเล็บขึ้นมา “นั่งเถอะ…มิได้ให้เจ้ายืน…ว่ากันว่าสามีภรรยาล้วนเป็นคนสนิทกันที่สุด พวกเจ้าหลับนอนร่วมหมอนทุกค่ำคืน เขาไม่บ่นเลยหรือว่าไปรบเหนื่อยเพียงใด” แต่พอเอ่ยเองพระนางก็ปฏิเสธเสียเอง “แต่ก็เถอะ พวกผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยเอ่ยอันใดกันผู้หญิงหรอก เจ้าไม่รู้ก็ไม่แปลก”
เฉินยางพยักหน้า “เป็นดั่งไทเฮาว่าเพคะ”
เซวียฮูหยินรอจนนางนั่งลงแล้วจึงดึงแขนเสื้อนางพร้อมเอ่ยเตือน “ตอนตอบคำถามต้องรู้จักสังเกตสีหน้าแววตา อย่าเอ่ยอะไรที่ทำให้ไทเฮาไม่พอพระทัยเด็ดขาด ต้องรู้จักขอบเขตให้ดี ในวังนั้นไม่เหมือนข้างนอก เอ่ยคำใดผิดไปอาจจะต้องตัดศีรษะได้”
เฉินยางเดิมทีที่มาวันนี้ก็คือเตรียมใจมาแล้วว่าอาจสิ้นชีวิตเพราะอันตรายได้ หากนางกลัวเรื่องพวกนี้ นางคงไปไท่โจวตามที่เฝิงเยี่ยไป๋บอกแล้ว หญิงนั้นอ่อนแอเป็นทุนเดิม หากแต่ความเป็นแม่นั่นแข็งแกร่งนัก เพื่อเสี่ยวจินอวี๋แล้ว ในใจนางนั้นไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ไทเฮาไม่ได้อะไรจากการถามเฉินยาง ก็เริ่มที่จะอดทนอยู่นิ่งไม่ไหว กระซิบที่ข้างหูนางกำนัลสองสามคำ ให้ไปรายงานฮ่องเต้ เฉินยางเห็นนางกำนัลผู้นั้นทำสีหน้าแววตาพิกลนักก่อนเดินจากไป จึงทานขนมตรงหน้าอย่างเหงาๆ สตรีและบุรุษนั้นแบ่งแยกงานเลี้ยงกัน ไม่รู้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ฝั่งไทเฮานี้ใช้มีดอ่อนกับนาง ฝั่งฮ่องเต้ทางนั้นหากต้องสู้รบกันจริงคงเป็นมีดจริงดาบจริงสู้กันเป็นแน่ นี่มันไม่เหมือนกัน หากเฝิงเยี่ยไป๋เป็นอะไรไป นางกับเสี่ยวจินอวี๋ก็จะไม่มีประโยชน์ต่อฮ่องเต้อีกต่อไป พวกเขาทั้งสามคนต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
เฝิงเยี่ยไป๋นั้นคาดการณ์ไว้แล้วว่าตนต้องมีวันนี้ นี่เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเข้าสักวัน ก่อนหน้าฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็อยากใช้วิธีนี้ในการกำจัดเขา ตอนนี้บุตรชายของพระองค์ก็ยังจะมาใช้วิธีเดียวกันอีก บิดาและบุตรคู่นี้ช่างไร้คุณธรรมเหมือนกันเสียจริง
เพียงแต่ว่าเซวียอิ๋นนั้นเป็นพวกตื่นคน จวบจนตอนนี้ยังไม่ยอมให้คนไปเรียกหมอหลวงคนที่ดูแลพระอาการฮ่องเต้องค์ก่อนมาอีก เขาเองตอนนี้ออกไปไม่ได้ ยังไม่สามารถหาคนไปสั่งความกับคนด้านนอก ตอนนี้เห็นทีจะถึงทางตันเสียแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ในสายพระเนตรฮ่องเต้ก็คือกำชัยชนะไว้หมดแล้ว สำหรับพระองค์เฝิงเยี่ยไป๋นั้นก็เปรียบได้กับจังหวะลุ้นจนใจเต้นครั้งสุดท้ายของพระองค์แล้ว พ้นวันนี้ไป ก็จะไม่มีคนผู้นี้อีก
เฝิงเยี่ยไป๋จ้องไปที่เซวียอิ๋นตลอด เหล้าแต่ละจอกสาดลงท้อง แต่สายตาไม่เคลื่อนย้ายไปที่ใดเลย สุดท้ายถือโอกาสยกจอกเหล้าทำความเคารพ กอดคอเซวียอิ๋นไว้พูดข่มขู่เสียงเบาว่า “ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าบอกฮ่องเต้ดีหรือไม่ว่าท่านนั้นช่วยชีวิตท่านหมอหลวงเจียงเอาไว้ วางแผนไว้ว่าจะปล่อยข่าวลือว่าพระองค์นั้นลอบฆ่าพระบิดา ใต้เท้าเซวีย มาจนถึงตอนนี้แล้ว เหตุใดท่านยังไม่เข้าใจสถานการณ์นี้อีกเล่า หากท่านพาคนผู้นั้นมา พยานบุคคลล้วนอยู่ที่นี่ ฮ่องเต้แม้จะเป็นจักรพรรดิ เรื่องใหญ่เพียงนี้ อย่างไรเสียก็ต้องทำให้มันชัดเจน จะต้องนำคนไปสอบสวนเป็นแน่ ถึงตอนนั้นยังไม่พอที่ท่านจะจุดไฟด้านหลังอีกหรือ แต่หากว่าท่านพลาดโอกาสวันนี้ไปแล้ว ข้าเองไม่แน่ใจนะว่าจะอดใจไหวไม่พูดออกมาได้หรือไม่ ท่านรู้นี่ คนเราเพื่อจะเอาชีวิตรอดแล้ว ทำอะไรออกมาก็ได้ทั้งนั้น”
เซวียอิ๋นถือจอกเหล้าด้วยมือสั่นเทา “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะไร้คุณธรรมแบบนี้ไม่ได้ ข้า…ก่อนหน้าข้าก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยผิดใจอะไรท่านนี่นา”
ตอนที่ 688 พวกเจ้ามิใช่สามีภรรยากันหรอกหรือ
ทำอย่างนี้ค่อนข้างจะอันตรายไปสักหน่อย แต่หากไม่เสี่ยงจะเอาโอกาสรอดชีวิตมาจากไหนกัน ตัวนั้นอยู่ในถ้ำเสือบ่อน้ำมังกร เจ้าก็ต้องโหดร้ายกว่าเจ้าพวกกินคนพวกนี้ ไม่อย่างนั้นหากผู้อื่นอ้าปากแล้วละก็ เขาเองแม้แต่เศษกระดูกก็คงไม่เหลือเป็นแน่
สักพักยังไม่แน่ว่าจะสามารถออกไปได้หรือไม่ เฝิงเยี่ยไป๋ยืนขึ้นทำความเคารพฮ่องเต้ สีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร “กระหม่อมดื่มเหล้ามากไป หากเสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์คงไม่ดีแน่ ขอโปรดพระราชทานอนุญาตให้กระหม่อมออกไปเดินให้สร่างเมาลงหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ อีกสักครู่กระหม่อมจะกลับมาขอรับโทษกับพระองค์”
ฮ่องเต้สะบัดมืออย่างไม่ติดใจ “ไปเถอะ” ทั้งยังเรียกขันทีสองคนไปคอยประคอง “ท่านอ๋องของพวกเจ้าดื่มมากไปแล้ว ไปประคองเสีย หากไปกระแทกไปชนอะไรเข้า ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้า”
เดาว่าพระองค์เองก็คงกลัวว่าเขาจะถือโอกาสหนีไป ดังนั้นจึงส่งหูตาไปเฝ้าไว้
เฝิงเยี่ยไป๋ก็มิได้เกรงใจ ปล่อยตัวเต็มที่ ถูกหามออกไปอย่างสบายใจ
ประตูตำหนักหันหน้าไปทางทิศตะวันตก กงฟางอยู่ทางทิศตะวันตก ตำหนักเย็นอยู่ทางทิศเหนือ หากต้องการไปตำหนักเย็นก็ต้องไปทางทิศเหนือ อาศัยแรงสุรา เขารั้งผมเปียของสองขันทีไว้ จงใจชี้ไปทางทิศเหนือ
ขันทีสองคนนั้นดึงดันที่จะดึงเขากลับมา “ท่านอ๋อง ท่านไปผิดทางแล้ว กงฟางอยู่ทางนี้ขอรับ หากไปทางนั้นก็ไปไกลเกินแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋น้อยครั้งที่จะดื่มจนเมามาย หากแต่คราวนี้ที่แสร้งเมากลับเป็นทักษะที่มิต้องใช้แรงเลยด้วยซ้ำ ชี้ไปด้านหน้า ดื้อดึงจะไปทางนั้น บอกพวกนั้นว่าอย่ามาหลอกตน
แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าทางนี้ทหารองครักษ์มีมาก หากต้องการสลัดให้หลุดต้องหาที่ที่ทหารมองไม่เห็นจัดการสองขันทีนี้เสีย ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นเสียหายหนักกว่าเก่าหากต้องขาดเจ้าขวดน้ำมันสองขวดนี้ไปด้วย
ขันทีสอนคนนี้ใจแข็งนัก ดึงดันจะรั้งเขากลับมาให้ได้ ใช้แรงของการดื่มนมเสียจนหมดสิ้น ลากเขากลับมาทางเดิม เฝิงเยี่ยไป๋มึนงง ทั้งยังกังวลว่าหากยืนหยัดต่อไปจุดประสงค์จะชัดเจนเกินไป รอบบริเวณมีทหารองครักษ์อยู่หลายกอง เคลื่อนไหวเสียใหญ่โต ไม่แน่อีกสักพักต้องมีคนถือดาบมาถามสถานการณ์เป็นแน่ มิสู้ใช้แผนสำรองดีกว่า แม้ว่าจะเดินยากหน่อย แต่ก็มิใช่ว่าจะสลัดไม่ได้
“อย่างนั้นก็…ที่นี่!”
“อ้า…ใช่แล้วขอรับ ท่านอ๋องโปรดระวังเท้า” ขันทีสองคนแบกเขากลับไปทางเดิม กลับไปยังที่ที่เพิ่งออกมาเมื่อครู่ พอจะเดินต่อไปข้างหน้า กลับพบว่ามีคนขวางอยู่ เงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นเครื่องแบบของหัวหน้ากององครักษ์ที่ชักดาบออกมาขวางทางเดินพวกเขาไว้ กดเสียงถาม “ช้าก่อน ทำอะไรกัน”
“ทหารองครักษ์ล้วนแล้วแต่เป็นพวกไม่ให้เกียรติใคร ขึ้นตรงกับฮ่องเต้โดยตรง ในมือถืออำนาจที่ฆ่าผู้ใดก็ได้เอาไว้อยู่ หากกล่าวหาว่าเจ้าคิดคดก็คือเจ้าคิดคด บอกว่าเจ้าเป็นผู้ร้ายเจ้าก็เป็นผู้ร้าย หากถึงตอนนั้นไปรายงานฮ่องเต้ ตามลักษณะนิสัยของฮ่องเต้ที่ว่าไว้ว่า ต่อให้ฆ่าผิดไปหนี่งพันคนก็ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ต้องตายเท่านั้น
“ท่านองครักษ์ ท่านผู้นี้คือกู้หลุนอ๋อง ท่านดื่มสุราจนเมาแล้ว ออกมาเดินเพื่อให้สร่างเมาขอรับ”
“ท่านอ๋องรึ” เขาอ้อมไปมาประเมินคนตรงหน้า เก็บดาบเข้าฝัก “ท่านอ๋องเหตุใดจึงดื่มหนักเพียงนี้”
“วันนี้มิได้เข้าสู่เหมันตฤดูแล้วหรือ ท่านอ๋องสำราญนักเลยดื่มมากไปหน่อย ใต้เท้า ท่านยังมีเรื่องอื่นต้องยุ่งอีก ข้าน้อยไม่รบกวนแล้ว ฝ่าบาทยังทรงรออยู่ที่ตำหนักเจียวอันขอรับ”
เขาแกล้งยื่นเท้าออกไปขัดขันทีคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ให้ล้มลง ขันทีท่านนั้นพุ่งไปข้างหน้าทันที เฝิงเยี่ยไป๋ก็เกือบล้มไปด้วยครึ่งตัว ยังดีที่ทหารองครักษ์มือไวคว้าเฝิงเยี่ยไป๋เอาไว้ได้ ถือโอกาสนี้กระซิบข้างหูว่า “ลูกชายเจ้าข้าจะช่วยชิงตัวเขามาให้ แต่เจ้าคิดเองว่าจะสลัดหลุดได้อย่างไร ยังมีแม่นางเฉินยางนั่น พวกเจ้าไม่ใช่สามีภรรยากันหรอกหรือ หากจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน”
เฝิงเยี่ยไป๋ลืมตาขึ้น มองเห็นใบหน้าซีกหนึ่งที่คุ้นตาลอยอยู่ตรงหน้าเขา ต่อให้ติดหนวดไว้เขาก็จำได้