ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 693 กงกงท่านนี้ / ตอนที่ 694 ลูกผู้ชายอะไรกัน
ตอนที่ 693 กงกงท่านนี้
ก็ไม่รู้ว่าคำพูดที่นัดแนะไว้พวกมันฟังเข้าหูบ้างหรือไม่ ฮ่องเต้กดหัวคิ้วสองข้าง ป้องปากบอกเตือนเรื่องลูกชายของเฝิงเยี่ยไป๋ ท่าทางชัดเจนนัก ก่อนหน้าได้นัดแนะไว้หมดแล้ว เมื่อทรงตรัสว่า “ไปเดี๋ยวนี้” ขันที่ทีแรกแบกเฝิงเยี่ยไป๋ออกไปก็รับคำ “พ่ะย่ะค่ะ” แล้ววิ่งออกไปทันที ฮ่องเต้นั้นแม้ว่าจะรู้สึกว่าชัยชนะอยู่ในพระหัตถ์แล้ว แต่ก็ยังไม่วางใจ ดังนั้นจึงเตรียมแผนสำรองไว้ ไม่อย่างนั้นก็ยังมีไทเฮาฝั่งนั้นอีก
นำแยกสามีและภรรยาออกจากกัน ยามนี้หากเอาไม่อยู่ อีกคนก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ แท้จริงหากพูดตามตรง งานวันนี้เฉินยางก็ถือเป็นหมากตัวหนึ่ง เป็นเครื่องมือที่จะนำมาขัดขวางเฝิงเยี่ยไป๋ ตีงูต้องตีจุดตาย คำพูดนี้เมื่อนำมาใช้กับคน จุดตายของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นไม่ได้อยู่บนตัวเขา แต่อยู่ที่เฉินยาง
ผู้ชายที่มาจนถึงจุดนี้ได้ หากไม่มีสามภรรยาสี่อนุนั้นถือว่าไม่ปกติ แต่เขามีเพียงเฉินยางคนเดียว ไม่ว่าภายนอกนั้นจะแสดงออกว่าไม่สนใจนางเพียงใด แต่ในใจโกหกคนไม่ได้เลย ไม่เคยเห็นชายใดที่ลุ่มหลงภรรยาเพียงนี้ รอเฉินยางมาก่อนเถิด จะดูว่าเขาจะสู้กับพระองค์อย่างไร
ฝ่ายเฉินยางกำลังดื่มชาอยู่ ฮ่องเต้ทางนั้นก็ส่งคนมากระซิบข้างหูไทเฮาสองสามคำ ไทเฮานั้นสีหน้าประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวแดง มองมาทางเฉินยาง ฟังจากเสียงแล้วทราบทันทีเลยว่าอารมณ์ไม่ดี “ท่านอ๋องบ้านเจ้าดื่มเสียเมาในงานเลี้ยง เจ้าไม่ได้บอกว่าเมื่อยามร่ำสุราจนเมามายแล้วเขาจะปวดหัวหรือ ตอนนี้ไอจยาอนุญาตให้เจ้าไปดูแลเขาได้ รีบไปเถอะ”
ขันทีที่มาส่งสารค้อมตัวทำท่าเชิญนาง “พระชายาอ๋อง โปรดตามข้าน้อยมาเถิดขอรับ”
นางย่อตัวลง ทำความเคารพพร้อมเดินออกไป
ขันทีที่นำทางไม่ได้พูดอะไรกับนางแม้แต่คำเดียว ได้แต่ถือโคมไฟเดินนำหน้านางไป ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่านางเดินตามมาหรือไม่
เฉินยางนั้นจับทางไม่ถูกเลย แสร้งทำเป็นเดินช้าลง ไหนเลยจะมีเรื่องดีปานนั้น ฮ่องเต้ให้พวกเขามา ในใจคงอดทนไม่ไหวแล้วเป็นแน่ มีหรือที่พระองค์จะพระทัยดีเพียงนั้น คงไม่ได้จะนำนางมาเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองเฝิงเยี่ยไป๋หรอกนะ
ยิ่งเดินไปข้างหน้ายิ่งไม่สบายใจ พอใกล้ถึงตำหนักเจียวอัน นางหยุดเดิน อย่างไรก็ไม่ยอมเดินต่อ “กงกงท่านนี้ ข้า…ข้าจู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบาย ช่วยเรียกท่านหมอให้ข้าได้หรือไม่”
หากแต่ผู้อื่นเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อนาง ยกโคมขึ้นส่องดูหน้านาง น้ำเสียงไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้าแล้ว “ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว ท่านอย่าทำให้พวกข้าน้อยลำบากใจเลย ฝ่าบาทเชิญท่านมาที่นี่ หากท่านไม่ไป ข้าน้อยจะทำอย่างไรเล่า”
เป็นฮ่องเต้จริงๆ ด้วย ดูท่าเฝิงเยี่ยไป๋คงเริ่มต่อกรแล้วเป็นแน่ ฮ่องเต้ไม่มีทางอื่นแล้ว ดังนั้นจึงอยากนำนางมาข่มขู่ นางเองจะทำให้เขาลำบากไม่ได้ เดิมทีสามคนพ่อแม่ลูกล้วนติดอยู่กับเขาก็อันตรายมากพอแล้ว นางจะเป็นตัวถ่วงของเขาไม่ได้ นางไม่ไปหรอก ต่อให้ขันทีนั่นจะกล่อมนางอย่างไรนางก็ไม่ยอมไป นางดีดดิ้นอยู่บนพื้นบอกว่าปวดท้องๆ อย่างไรเสียก็ไม่ยอมไป หลังจากนั้นอาศัยจังหวะที่ขันทีไม่ระวัง ยื่นศีรษะออกมาดู แล้วเอาหินฟาดท้ายทอยเขา นางใช้แรงทั้งหมดที่มี ลงมืออย่างหนัก ขันทีนั้นแม้แต่ตะโกนยังไม่ทันตะโกนก็ล้มลงจมกองเลือดเสียแล้ว
เฉินยางไม่ได้มีอารมณ์ไปดูว่าเขาตายหรือเพียงแค่เป็นลม นางทำร้ายคนครั้งแรก แล้วยังทำในวังอีก หนำซ้ำทำร้ายคนของฮ่องเต้อีกด้วย นางจึงตกใจจนแทบจะทรุดลงตรงนี้ จะมีอารมณ์ไปทดสอบจมูกเขาอีกได้อย่างไร ยกขาได้ก็วิ่งหนี ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าวิ่งไปทางใด ขอแค่ไม่โผล่ไปอยู่ต่อหน้าเฝิงเยี่ยไป๋เป็นดี ขอแค่ฮ่องเต้จับนางไม่ได้ เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ต้องกังวลอะไร
ตอนที่ 694 ลูกผู้ชายอะไรกัน
เฉินยางแทบจะไม่รู้เลยว่าต้องวิ่งไปทางใด ในวังนั้นเต็มไปด้วยทหารองครักษ์ที่เดินเวรยาม นางไปทางทิศตะวันตกทีตะวันออกทีวิ่งช้าเหลือเกิน ไม่รู้ว่าต้องวิ่งไปทางใด ทหารองครักษ์ข้างหน้ากำลังพูดอะไรกัน นางไม่กล้ายื่นหน้าแอบฟัง ได้ยินเพียงแค่ “คนหายไปแล้ว” “รีบไปตามหา” ประมาณนี้ แต่พอได้ฟังบางประโยคก็เข้าใจได้ คงพบแล้วว่านางหายไป ดังนั้นจึงส่งคนออกมาตามหานาง
เฉินยางหลบอยู่หลังภูเขาจำลองอย่างระแวดระวัง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง มีหลายคนที่มาหาตรงจุดนี้ แต่ยามค่ำคืนมองไม่ชัดจึงเอาดาบกวาดไปมาบริเวณหญ้าเสีย ค้นหาทีละตารางนิ้วอย่างละเอียด พอใกล้จะถึงภูเขาจำลองก็มีคนตะโกนว่า “คนอยู่นี่” ทหารทางนี้มองหน้ากันแล้วจึงหมุนตัววิ่งออกไป เฉินยางรอให้พวกเขาวิ่งไปไกลแล้วจึงค่อยๆ หายใจ กดหน้าอกตนที่ใจเต้นแรงเอาไว้พลางสะอึกไม่หยุด
นางสะอึกเพราะตลอดทางที่วิ่งหายใจเอาอากาศเย็นไปไม่น้อย เมื่อครู่ยังตกใจเสียยกใหญ่ ดังนั้นจึงหยุดสะอึกไม่ได้
ด้านข้างมีคนตบไหล่นางหนึ่งที นางตกใจจนเกิดเสียงดังวึ้งในสมอง ไม่กล้าขยับตัว ในใจคิดได้อย่างเดียว หาเจอเร็วอย่างนี้เลยหรือ
ผู้หญิงคนนี้ปฏิกิริยาช่างไม่เหมือนคนอื่นเสียจริง ดึกดื่นค่ำคืน ถูกคนไล่ล่า ทั้งยังอยู่หลังภูเขาจำลองที่ทั้งมืดทั้งทึบนี่อีก ถูกคนตบไหลควรจะตกใจจนกรีดร้องจึงจะถูก นี่อะไรกัน นางไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาใด ราวกับถูกสะกดจุดไว้ก็มิปาน
“กลัวจนโง่ไปเลยหรือ” เขาปิดปากนางไว้ดึงนางออกมา อาศัยแสงจันทร์จับนางเงยหน้าขึ้นให้นางมองตน “ดูดีๆ ดูว่าข้าคือใคร”
เฉินยางในที่สุดก็ได้สติ มองเขาอย่างแปลกใจ ไหนจะชุดทหารองครักษ์ที่สวมอยู่อีก “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ยังสวมใส่ชุดทหารองครักษ์อีก ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”
อวี่เหวินลู่ส่งเสียงถุยไปสามที “ดึกขนาดนี้แล้วเจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรกัน เจ้าสิที่ไม่อยากมีชีวิตต่อ ขันทีคนนั้นเป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ตีไปจนสลบ ตอนนี้ทหารทั้งวังกำลังตามหาเจ้าอยู่เชียว หากไม่ใช่เพราะข้าตะโกนออกไปละก็ ตอนนี้เจ้าคงถูกจับไปแล้วเป็นแน่”
เฉินยางทำหน้าเหยเก “ข้าไม่มีทางออกหรอกถึงได้ทำแบบนั้นไป ฮ่องเต้จะเอาข้าไปต่อรองกับเฝิงเยี่ยไป๋ ข้าก็คงไม่ได้โง่ขนาดจะไปเป็นตัวถ่วงเขาหรอก”
อวี่เหวินลู่สูดจมูกด้วยความรังเกียจ “เฝิงเยี่ยไป๋มิใช่ทำท่าทางราวกับกำชัยชนะไว้ในมือแล้วหรือ อย่างไร ครานี้เลยเถิดแล้ว แม้แต่ผู้หญิงและลูกของตนก็ปกป้องไม่ได้ ผู้ชายแบบไหนกัน”
เฉินยางกลอกตาใส่เขาเสียทีหนึ่ง สีหน้าประหลาดนัก “เจ้าเป็นชื่อจื่อ เบื้องหลังของเจ้าคือท่านอ๋องและกองทัพอีกเป็นหมื่นคน แต่เขาไม่เหมือนเจ้านี่ เขาเป็นเพียงท่านอ๋องแต่ในนาม ในมือนั้นแม้แต่ทหารสักคนก็ไม่มี ทุกเรื่องล้วนต้องพึ่งตนเอง เทียบกับเจ้าไม่ได้แน่”
คำพูดดั่งปกป้องลูกน้อยในอุทร อวี่เหวินลู่ฟังแล้วระคายหูยิ่งนัก โบกมือให้นางเงียบปากเสีย “พอเถอะ เจ้ามีเวลาว่างพอจะยกยอผู้ชายของตนเพียงนี้ มิสู้คิดว่าจะหนีไปอย่างไรดีกว่า เฝิงเยี่ยไป๋ทางนั้นข้าว่ายากเอาการ ฮ่องเต้เอาแต่ใส่ความว่าเขาสมคบคิดกับข้าศึกคิดก่อกบฏ ข้อหาใหญ่เพียงนี้ ข้าเดานะ วันนี้เขาต้องตายอยู่ในวังนี่แหละ”
เฉินยางฟังแล้วบีบหัวใจยิ่งนัก “นี่มันฮ่องเต้อะไรกัน สามีข้ารบกับข้าศึกเพื่อเขา ทำงานหนักแทบตายสุดท้ายทำดีไม่ได้ดี พออ้าปากพูดว่าเขาคิดก่อกบฏ เขาก็ต้องคิดกบฏรึ ข้าเห็นแจ้งแก่ตาตัวเองแล้ว คนเป็นฮ่องเต้นั้นไม่ใช่คนดีอะไรเลย ไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับราษฎร คนเลวเอาแต่คิดว่าจะใส่ความคนอื่นได้อย่างไร ฮ่องเต้แบบนี้น่ะหรือ สมน้ำหน้ายิ่งนักที่ถูกผู้อื่นก่อการกบฏ มองดูแล้วก็เป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่ง ทำไมจิตใจชั่วร้ายถึงเพียงนี้”