ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 699 ผู้หญิงและลูกชายของเจ้า / ตอนที่ 700 เจาะหน้าต่างบานฉลุเสีย
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 699 ผู้หญิงและลูกชายของเจ้า / ตอนที่ 700 เจาะหน้าต่างบานฉลุเสีย
ตอนที่ 699 ผู้หญิงและลูกชายของเจ้า
หากว่ายังดึงดันต่อไปอย่างนี้ก็ไม่ใช่วิธีการที่ดี อย่างไรเสียก็ต้องหาวิธีการหนีไปให้ได้ ในพระหัตถ์ของฮ่องเต้มีกองทหารอยู่ แล้วพระองค์ก็ยังมีเวลามากโขที่จะยื้อเวลาอยู่ตรงนี้ พูดตามจริงแล้ว ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีเหตุผลหรือไม่ ในวังแห่งนี้ก็ยังนับว่าคำพูดพระองค์ถือเป็นที่สุด หากพระองค์ต้องการให้ทหารองครักษ์ฆ่าเขาเสีย ก็เป็นเรื่องง่ายดายดังริมฝีปากกระทบกัน มองเหตุการณ์ตรงหน้าตอนนี้เป็นพระองค์ที่ได้เปรียบ พยานหลักฐานมากมายเพียงนี้ แต่ทุกๆ คำอ้างอิงล้วนแต่เป็นอย่างกับไม้ค้อน หากทุบตีลงมาบนร่างกายก็คงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย ชื่อเสียงของพระองค์สำคัญที่สุด คำพูดของเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารคงไม่สามารถปิดปากได้ทุกคน
พระพักตร์ของฮ่องเต้เขียวคล้ำยิ่งนัก เด็กหนอเด็ก ยามเบื่อหรือไม่พอใจขึ้นมาปากก็บิดเบี้ยวอย่างไม่รู้สึกตัว ทรงเอามือไพล่หลังเดินไปเดินมา สีหน้ามีร่องรอยของความกังวลอย่างปิดไม่ปิด “เจียงเฟิง เจ้าบอกว่าก่อนหน้านั้นไม่มีใครได้เข้าไปที่ตำหนักหย่างซินเลย คำพูดนี้เจ้ากล้าเอาชีวิตรับประกันหรือไม่ หากมีประโยคใดที่เป็นเท็จ ข้าจะประหารชีวิตตระกูลเจ้าเจ็ดชั่วโคตร”
เจ็ดชั่วโคตรหรือ เขาหรือจะมีเจ็ดชั่วโคตรไว้เพียงพอให้ประหาร เจียงเฟิงยิ้มเยาะพลางตอบ “คำพูดของกระหม่อมเป็นจริงทุกประการ บนพระศอของฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีร่องรอยการถูกทำร้ายอย่างชัดเจน แล้วรอยแผลนี้เองที่เป็นสาเหตุหลักทำให้ทรงสวรรคต ดังนั้น กระหม่อมกล้าเอาชีวิตตนเป็นประกัน ฮ่องเต้พระองค์ก่อนนั้นถูกคนลอบทำร้ายจนสวรรคตพ่ะย่ะค่ะ”
เฝิงเยี่ยไป๋ช่วยเหลือด้วยการถามขึ้นมาว่า “หมอหลวงที่รักษาพระอาการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ไม่ได้มีเพียงท่านแค่คนเดียว หากฟังคำพูดท่านเพียงคนเดียวจะแยกเรื่องจริงเท็จได้อย่างไร ท่านหมอคนอื่นๆ ที่ทำการรักษาพระอาการฮ่องเต้พระองค์ก่อนเล่าอยู่ที่ใดกันหมด”
เจียงเฟิงหลุบตาลงพลางเอ่ย “ตายไปหมดแล้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อมาได้มีแค่ข้าคนเดียว”
“ตายหมดแล้วหรือ หมอหลวงหลายสิบคนที่รักษาพระอาการฮ่องเต้พระองค์ก่อนล้วนสิ้นชีวิตไปหมดแล้วภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่มีใครรายงานฝ่าบาทเลยหรือ” เฝิงเยี่ยไป๋ถวายบังคมฮ่องเต้อย่างมีมาด “ทูลฝ่าบาท เวลานี้ดูเหมือนจะมีเรื่องจริงที่ถูกปกปิดอยู่ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคตอย่างมีลับลมคมใน กระหม่อมขอให้พระองค์ทรงไต่สวนเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ จะได้อธิบายเรื่องนี้ให้แก่เหล่าขุนนางและข้าราชบริพารรวมถึงไพร่ฟ้าใต้หล้าให้เข้าใจแจ่มแจ้งเสีย”
วิธีนี้โต้ตอบได้ดียิ่งนัก ไม่ทันไรเอาตาชั่งโยนไว้บนศีรษะตน ฮ่องเต้ยังไม่ทันได้คาดโทษเรื่องที่เขาสมคบคิดกับข้าศึกทำการก่อกบฏเลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวอย่างใหญ่หลวง ความโกรธยังไม่ได้ถูกระบายออกไป เขายังมีหน้ามาบอกว่าจะไต่สวนเรื่องนี้ใหม่หรือ จะไต่สวนอย่างไรเล่า ให้ข้าไต่สวนตัวข้าเองหรือ เรื่องนี้ถ้าไต่สวนไม่ได้ก็ไม่จบไม่สิ้น พระองค์ต้องลงโทษตัวเองน่ะหรือ
ฮ่องเต้พระองค์ก่อนนั้นสวรรคตอย่างมีลับลมคมใน หากต้องไต่สวนอีกครั้ง เรื่องนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับคนมากมายไปหมด ฮ่องเต้พระองค์นี้อย่างไรก็ดีก็ยังนับว่าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะวางแผนการใหญ่เพียงนี้ได้ เบื้องหลังของพระองค์คือไทเฮา หากไม่มีใครคอยสอนสั่ง พระองค์ยังเยาว์วัยเพียงนี้จะคิดวิธีการที่เลวร้ายแบบนี้ได้หรือ
ความคาดหวังของบรรดาสตรีในวังแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวฮ่องเต้ แต่คือบุตรชาย หากหญิงใดมีบุตรชายแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติถึงจะนับว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เมื่อมองดูแล้วเห็นว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไทเฮาจึงใช้โอกาสนี้ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสีย แล้วผลักดันให้ลูกชายของตนขึ้นครองบัลลังก์ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อเฝิงเยี่ยไป๋เสนอออกมาว่าให้ทำการไต่สวนสาเหตุการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อนใหม่ทั้งหมด หากพระองค์ปฏิเสธก็จะดูเหมือนว่าพระองค์นั้นต้องการปกปิดอะไรไว้ อย่างไรเสียนั่นก็เป็นพระบิดาของตน มีอย่างที่ไหนกันที่บิดาของตนเสียชีวิตอย่างมีลับลมคมในแต่ผู้เป็นลูกกลับรีบปิดคดีอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ได้ชัดเจนแล้วหรือว่าพระองค์เองนั่นแหละที่มีปัญหา
ฮ่องเต้เหมือนคนใบ้ที่ทานสมุนไพรหวงเหลียนเข้าไป รู้สึกขมแต่เอ่ยออกมาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับปาก แต่พระองค์นั้นกลับไม่ได้เต็มอกเต็มใจ กลืนโทสะนี้ไม่ลง เอามือไพล่หลังมองไปยังเฝิงเยี่ยไป๋ พลางย้อนกลับไปพูดเรื่องก่อนหน้านี้ “เมื่อครู่ถูกขัดจังหวะไป เราเกือบลืมไปแล้ว เรื่องของฮ่องเต้พระองค์ก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องกังวล เราต้องจัดการแน่นอน แต่ตอนนี้เราอยากพูดเรื่องที่เจ้าสมคบคิดข้าศึกทำการก่อกบฏ ท่านอ๋องนั้นทราบกฎหมายแคว้นต้าเยี่ยดีที่สุดแล้ว อาจหาญขายชาติล้วนมีโทษประหาร ไม่เพียงแต่เจ้าต้องตาย ผู้หญิงของเจ้าและลูกชายก็ต้องตายด้วย”
ตอนที่ 700 เจาะหน้าต่างบานฉลุเสีย
เฉินยางที่อยู่บนหลังคาแทบจะอดทนไม่ไหวแล้ว ข้างล่างนั่นสามีนางถูกผู้คนรายล้อมเต็มไปหมด ฮ่องเต้เองก็ดั่งมีตราประทับที่พระโอษฐ์ พระองค์ว่าอะไรก็เป็นไปตามนั้น สาดโคลนใส่เฝิงเยี่ยไป๋อย่างไม่เหลือที่ว่างก็นับว่าเป็นยังคงเป็นรูปแบบเดิมจริงๆ บั้นท้ายที่เลอะเทอะของตนยังไม่ทันเช็ดให้สะอาด ก็รอไม่ได้ที่จะหาคนอื่นมารองรับแล้ว เฉินยางหากไม่ใช่เพราะฐานะของตนไม่สามารถเพิ่มภาระให้เฝิงเยี่ยไป๋ได้อีก นางนั้นอยากจะถวายฝ่ามือให้พระองค์สักสองสามที
เฝิงเยี่ยไป๋มองนางอยู่ เพราะเกรงว่านางจะวู่วามจนถูกฮ่องเต้พบเข้า หากนางถูกพบเข้า อวี่เหวินลู่เองก็คงหลบต่อไปไม่ได้แล้ว หากถึงตอนนั้นข้อหาสมคบคิดกับศัตรูก่อกบฏก็คงไม่สำคัญแล้ว เรื่องที่เขาสมคบกับซู่อ๋องถึงจะเป็นจุดที่เอาชีวิตเขาได้
เฉินยางเองก็รู้ดี ดังนั้นจึงไม่กล้าวู่วาม หมอบอยู่อย่างเงียบๆ ในใจนั้นแค้นนักที่ไม่อาจจะสับฮ่องเต้ออกเป็นชิ้นๆ มากินเสียให้หมดได้ ฮ่องเต้นี้อายุเท่าไรกันเชียวจึงได้มีความคิดที่เลวร้ายเยี่ยงนี้ เพื่อบัลลังก์มังกรแล้ว แม้แต่บิดาของตนก็สังหารได้ ช่างเป็นคนที่มีเจตนาชั่วร้ายยิ่งแท้
“แม่ทัพเห่านั้นเป็นคนของฝ่าบาท ไม่ว่าถูกหรือผิดดำหรือขาวก็ล้วนอยู่ที่ว่าฝ่าบาทอยากฟังอะไร เขาก็เอ่ยอย่างนั้น ในส่วนที่ว่ากระหม่อมกับเฉินตานคบคิดกัน ข้อหานี้ใหญ่เกินไป กระหม่อมรับเอาไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทไม่เชื่อพระทัยกระหม่อมจริงๆ อย่างนั้นก็ไล่กระหม่อมออกเถิด จะได้ไม่ต้องอยู่อย่างสงสัยในทุกเมื่อเชื่อวัน”
แม้การพูดตรงๆ นั้นไม่น่าฟัง แต่เฝิงเยี่ยไป๋เองไม่มีแก่ใจจะพูดอ้อมไปมาแล้ว จึงพูดออกไปตรงๆ เสียเลย หากจะรบก็รบ จะสังหารก็รีบสังหารเสียตอนยังร้อน
ฮ่องเต้ชักสีหน้าเคร่งขรึมในทันที “ความหมายของเจ้าคือข้าตั้งใจใส่ร้ายเจ้าหรือ”
“ทุกคนล้วนรู้อยู่แค่ใจ หากจะให้กระหม่อมพูดออกมาตรงๆ ละก็ ครั้งนี้ยังมีอะไรต้องกลัวอีกเล่า” เฝิงเยี่ยไป๋กอดอกมองไปยังฮ่องเต้ “ฝ่าบาทรับสั่งว่ากระหม่อมกับเฉินตานสมคบคิดกัน ทั้งยังสงสัยว่ากระหม่อมนั้นมีใจคิดคด ในเมื่อไม่วางใจในตัวกระหม่อมเหตุใดต้องส่งกระหม่อมไปทำให้สงครามสงบเล่า เพื่อจะสวมหมวกข้อหาที่ยิ่งใหญ่ให้กระหม่อม ฝ่าบาททรงพากเพียรพยายามอย่างหนักเสียจริง แต่น่าเสียดายนัก รูรั่วเต็มไปหมด จุดที่น่าสงสัยก็มากนัก แม้แต่คนของพระองค์ยังจัดการได้ไม่ดีเลย จะใส่ร้ายผู้อื่นยังขาดเชื้อฟืนอีกประมาณหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
หากเอ่ยเยี่ยงนี้ ผู้คนด้านล่างแปดส่วนล้วนพร้อมที่จะพลิกสีหน้าแล้ว บรรดาขุนนางนั้นกำลังเริ่มพึมพำอภิปรายแล้ว เสียงนั้นสูงกว่าอีกเสียงขึ้นเรื่อยๆ เสียงที่ฮ่องเต้ฟังเข้าหูนั้นล้วนคือคำพูดประชดเสียดสีจึงส่งเสียงเหอะในลำคอ “พวกเจ้าทั้งหมดหุบปากเดี๋ยวนี้” ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรื่องที่เฝิงเยี่ยไป๋พูดจะยอมรับไม่ได้ ทรงเม้มปากก่อนจะตะเบ็งเสียง “เจ้าคิดว่าเราใส่ร้ายเจ้ารึ เจ้ามีหลักฐานอะไรมาว่าเราใส่ร้ายเจ้า”
ไม่มีหลักฐานใดเลย เขาส่ายหน้า “ทรงเป็นหนึ่งในใต้หล้า มิต้องบอกว่ากระหม่อมไม่มีหลักฐาน หากมีหลักฐานจริง ชาวบ้านร้านตลาดใครเล่าจะเชื่อว่าฝ่าบาทใส่ร้ายกระหม่อม หากว่าฮ่องเต้ที่ชาญฉลาดของพวกเขาก็ยังทำเรื่องเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเหล่าขุนนางจะไม่ยิ่งฉ้อราษฎร์บังหลวงมากกว่าหรือ หากถึงตอนนั้นราษฎรไม่ไว้วางใจฝ่าบาทแล้ว…ไม่ทราบว่าพระองค์เคยได้ยินคำกล่าวนี้หรือไม่ น้ำสามารถพยุงเรือให้ลอยได้ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้ พระองค์จะไม่กลัวอะไรก็ได้ แต่คงจะไม่หวาดหวั่นกับเสียงติฉินนินทาไม่ได้ หากวันนี้กระหม่อมสามารถเอามีชีวิตรอดออกนอกวังหลวงได้ ภายนอกนั้นก็คงไม่มีข่าวลืออันใด แต่หากกระหม่อมไม่สามารถออกไปจากในวังแล้วละก็ สังหารพระราชบิดาเพื่อยึดครองบัลลังก์ ใส่ร้ายคนดี ข้อกล่าวหานี้หากเผยแพร่ออกไปแล้ว ราษฎรจะมองพระองค์อย่างไร จุดจบของพระองค์จะเป็นอย่างไร ไม่ต้องให้กระหม่อมพูด พระองค์คงแจ้งแก่ใจดีแล้ว”
เซวียอิ๋นเดิมทีคิดว่าที่เฝิงเยี่ยไป๋สงบนิ่งได้ขนาดนี้ น่าจะมีการเตรียมกลยุทธ์ต่อกรไว้พร้อมแล้วเป็นแน่ แต่ต่อมาพบว่า กลยุทธ์ใดกันเล่า ทั้งหมดล้วนอาศัยว่าฮ่องเต้ออกกลใดก็ต่อกรให้เหนือกว่าถึงได้ยืนหยัดมาจนตอนนี้ล้วนๆ