ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 709 กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่ใช้ไม่ได้ / ตอนที่ 710 เจ้าไม่ต้องทำแล้ว ข้าทำเอง
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 709 กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่ใช้ไม่ได้ / ตอนที่ 710 เจ้าไม่ต้องทำแล้ว ข้าทำเอง
ตอนที่ 709 กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่ใช้ไม่ได้
เฉินยางเชื่อฟังคำพูดของเฝิงเยี่ยไป๋หลบเข้าไปซ่อนตัวในกระท่อม นางจะถูกพบตัวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเฝิงเยี่ยไป๋ก็ต้องคิดหาทางมาช่วยนางอีก หากเป็นอย่างนั้น นางก็จะเพิ่มภาระให้เขาอีก เมื่อมาคิดดูดีแล้วจึงเชื่อฟังคำพูดเขาเข้าไปหลบในกระท่อมทันที
เฝิงเยี่ยไป๋เมื่อเห็นว่านางเข้าไปหลบดีแล้ว จึงขี่ม้ากลับเข้ามาทางถนนใหญ่อีกหน ธนูดอกนั้นตอนนี้ยังดึงออกมาไม่ได้ หากดึงออกมาตอนนี้ โลหิตก็จะนำพิษที่ลูกธนูนั้นแพร่กระจายไปทั้งร่างกาย เขาเองเดินลมปราณปิดจุดสำคัญไว้หลายจุด อีกสักครู่หากสู้กันขึ้นมาขาดไม่ได้ก็ต้องใช้อาวุธหนัก ครั้งนี้ปิดจุดลมปราณไว้เสีย เมื่อเลือดไม่ได้ไหลเร็วแล้ว พิษก็กระจายตัวช้าไปด้วย
ทหารองครักษ์ใช้เวลาไม่นานก็ตามมาทัน เมื่อเห็นว่าเขาสกัดอยู่กลางถนน คิดว่าจะลงมือกับพวกตน ลูกธนูนั้นเขาเป็นผู้ยิงออกไปเอง เห็นกับตาตนเองว่ายิงโดนแล้วแน่ หัวธนูนั้นอาบยาพิษเอาไว้แล้ว เขาตอนนี้คงทำท่าทางยโสไปอย่างนั้นเอง อดทนได้ไม่นานหรอก
“ท่านอ๋อง ท่านเองได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูแล้ว อย่าอวดเก่งอีกเลยขอรับ อย่างไรเสียก็ต้องตายอยู่แล้ว หากตอนนี้ท่านเฉือนตัวเองสักแผล ยังสามารถเหลือทั้งร่างกายเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นหากเหล่าพี่น้องข้าลงมือจริงแล้ว จะกรีดร่างท่านจนกลายเป็นอย่างไรข้าเองก็ไม่กล้ารับปากนะขอรับ” คำพูดของตัวหัวหน้านั้นกำเริบเสิบสานยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ามั่นใจมากว่าเขาโดนพิษแล้วเป็นแน่ หากอีกสักครู่ต้องประมือ ต้องส่งผลกระทบต่อตัวเขาเองแน่นอน อาจจะไม่เป็นผลดีเป็นแน่
เฝิงเยี่ยไป๋นั้นสองมือว่างเปล่า มิได้มีอาวุธใด บาดแผลด้านหลังจากตอนแรกที่เจ็บ ตอนนี้มีความรู้สึกดั่งถูกเผาก็มิปาน รวดเร็วจนยากจะคาดการณ์ได้ ไม่แน่ชัดว่าเป็นพิษชนิดใด เวลาเพียงชั่วครู่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างร้ายแรงเพียงนี้ น้ำมือของฮ่องเต้น้อยผู้นี้ช่างดำมืดนัก วิธีการที่มืดมนดั่งพิษเยี่ยงนี้ก็คิดได้
“แค่ประมือกันเหตุใดต้องพูดจาให้มากความ มิน่าเล่าฮ่องเต้มักตรัสว่าเลี้ยงกลุ่มคนที่ใช้ไม่ได้เอาไว้ ก็ไร้ประโยชน์จริงๆ ”
ตัวผู้นำนั้นกัดฟันแน่น สะบัดมือเรียกคนให้ออกไป ความสามารถของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นยามอยู่ในวังหลวงก็เคยเห็นมาแล้ว หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บละก็ พวกเขาถึงจะคนมาก แต่ก็อาจจะรับมือไม่ได้ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บก็ไม่แน่เสมอไป พิษชนิดนี้ ออกฤทธิ์เร็วนัก หลังจากโดนยิงเข้าไปแล้วนี่ก็ผ่านมาสักพักแล้ว ตอนนี้พิษของยาคงกระจายไปพอดู พวกเขาคนมากกว่าถึงเพียงนี้ ตนไม่เชื่อหรอกว่าจะสู้คนใกล้ตายอย่างเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้
กระท่อมนั้นอยู่ห่างจากเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ไกล เฉินยางยังสามารถได้ยินเสียงเข่นฆ่าโรมรันได้แว่วๆ เสียงสะท้อนกึกก้องของคมดาบที่กระทบกันดังก้องนัก ทุกครั้งที่เสียงเงียบลง ใจนางก็คอยเป็นห่วงร่ำไป แต่นางยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เฝิงเยี่ยไป๋เมื่อครู่เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ฤดูเหมันต์เยี่ยงนี้ ทั้งยังอยู่ท่ามกลางลมหนาวอีก จะเหงื่อออกได้อย่างไรกันเล่า ไหนจะสีหน้าเขาที่ยังผิดปกติอีก โดนลมพัดนานเพียงนี้ ใบหน้าควรจะแดงถึงจะถูก แต่หน้าของเขากลับซีดจนดูไม่ได้ เมื่อคิดได้อย่างนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ เมื่อครู่ตอนอยู่บนม้าก็เหมือนกัน เขาไม่ยอมให้นางหันกลับมาดู หรือว่า…จะได้รับบาดเจ็บจริงๆ
เสียงโรมรันต่อสู้ภายนอกนั้นค่อยๆ เงียบเสียงไปแล้ว เฉินยางพิงประตูฟังอยู่ครู่ใหญ่ ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใด ในใจนางกังวลยิ่งนัก ใจนางนั้นดั่งไหลไปอยู่ที่ลำคอเสียแล้ว นางค่อยๆ แอบเปิดประตูเป็นช่อง แต่มองไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นเฝิงเยี่ยไป๋ แม้แต่คนของฮ่องเต้ก็มองไม่เห็น
เมื่อครู่ยังสามารถได้ยินเสียงได้ ครู่เดียวก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ๆ นางจะมาคิดเยอะไม่ได้แล้ว เอาคำพูดที่เฝิงเยี่ยไป๋กำชับไปก่อนจากไปโยนไปไว้ท้ายทอยเสียหมดสิ้น รวบรวมความกล้าเปิดประตูเดินออกไป
ยิ่งนางเดินออกไปยิ่งหวาดกลัวมาก มีกลิ่นเลือดลอยมาในอากาศจนฉุนไปหมด นางมองเห็นม้าตัวนั้นที่พวกนางขี่มา เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าอีก ไม่เกินสองก้าว ในที่สุดก็มองเห็นเฝิงเยี่ยไป๋แล้ว
ตอนที่ 710 เจ้าไม่ต้องทำแล้ว ข้าทำเอง
เขายืนนิ่งงันอยู่กับที่ ด้านหลังนั้นมีลูกธนูปักอยู่หนึ่งดอก เหมือนดั่งกับรูปปั้นหิน ไม่ขยับไปทางใดเลย รอบกายมีกลุ่มคนนอนอยู่โดยรอบระเกะระกะ สภาพการเสียชีวิตล้วนใกล้เคียงกัน ทั้งหมดเสียชีวิตคาที่ในดาบเดียว สิ่งที่สายตามองเห็นนั้นคือทั่วบริเวณเต็มไปด้วยโลหิต เท้าของนางราวกับถูกถ่วงไว้ด้วยโซ่เหล็กหนักพันชั่ง หนักเสียจนนางก้าวไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว เสียงในหัวดังวึ้งก้อง ทันใดนั้นภาพในสมองทุกอย่างก็ขาวโพลน หัวใจก็เหมือนหยุดเต้นไปแล้ว ราวกับวิญญาณถูกดูดออกไปเสีย เหลือเพียงกายหยาบที่ยังคงดื้อดึงอย่างลำบาก ความรู้สึกนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกใจสลายราวกับเส้นไหมที่ถูกดึงใยออกไปทีละเส้น นางนั้นไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อน้ำตาเริ่มหลั่งรินก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป น้ำตานั้นไหลพราก ไม่ง่ายเลยที่จะย้ายสายตาไปยังร่างของเฝิงเยี่ยไป๋ เมื่อมองเห็นว่าทั้งร่างเขาเต็มไปด้วยโลหิตชโลมกาย นางเองก็ไม่ทราบว่าบาดแผลนั้นมีจุดใดบ้าง จึงไม่กล้าทำอะไรอย่างวู่วาม มือทั้งสองข้างวาดไปมาอย่างเกะกะไปหมด ในที่สุดก็ทนไม่ไหวหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น “ท่านพี่….ท่านพี่ ท่านเป็นอะไร ท่านบาดเจ็บตรงไหนกันแน่ ท่าน…ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจนะ!”
เฝิงเยี่ยไป๋ถึงแม้ว่าจะโดนพิษไป แต่เดิมทีร่างกายนั้นแข็งแรงนัก ที่จริงแล้วหากคำนวณแล้วก็ไม่ได้เสียเปรียบเท่าใดนัก แต่ภายหลังนั้นพิษนั้นค่อยๆ ออกฤทธิ์ ร่างกายเขาเลยค่อนข้างทนไม่ค่อยไหว ทำให้คนพวกนั้นได้โอกาสเล่นงานเขาไปหลายแผล บาดแผลนั้นไม่ถูกที่สำคัญเลย ธนูดอกนั้นต่างหากเล่าที่ใช่ ยามที่เขาตาพร่ามัวใกล้จะสิ้นสติเต็มทีกลับได้ยินเสียงร้องไห้ของเฉินยาง เสียงร้องที่สะเทือนฟ้าลั่นแผ่นดินนี้แหละที่ทำให้เขาตั้งสติได้ ครานี้ล้วนเจ็บปวดไปทั้งกายดั่งจะเอาชีวิตได้ ฝืนใช้แรงที่เหลือเพียงน้อยนิดเผยอปากเรียกนาง “อย่าร้องอีกเลย สามีเจ้ายังไม่ตายเสียหน่อย ร้องไห้เร็วไปแล้ว”
เฉินยางรีบเช็ดน้ำตาตน นางอยากประคองแต่ก็ไม่กล้าประคอง “ร่างกายท่านมีแต่เลือดเต็มไปหมด ข้า…ข้าไม่รู้ว่าท่านบาดเจ็บที่ใด ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นให้ข้าแบกท่านไปดีหรือไม่ ท่านเป็นเยี่ยงนี้ข้าไม่กล้าแตะต้องตัวท่าน”
เขาเอ่ยว่า “ไม่ต้อง เจ้ามาให้ข้าพิงสักหน่อยก็ใช้ได้ ข้าสามารถเดินได้”
นางโอบเอวเขาเอาไว้ แต่กลับโอบไม่รอบ โอบได้แค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น คนนั้นตัวเล็กนัก ราวกับเป็นไม้เท้าประคองเขาไว้ เดินกลับไปยังกระท่อมที่นางใช้อาศัยหลบภัยอย่างลำบากกว่าปกติ
ชนบททุรกันดารเยี่ยงนี้แม้แต่ที่นี่คือที่ใดก็ไม่ทราบ ตลอดทางที่พวกเขาเดินทางมานี้ก็ไม่เห็นผู้คนเลย เฉินยางไม่มีความคิดใดเลย ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี รู้สึกกลวงในอกจนตื้อ ตอนนี้เหลือเพียงไม่ได้นำเขาขึ้นหิ้งกราบไว้แล้ว
เฝิงเยี่ยไป๋ถอนหายใจอย่างจนปัญญาและปวดใจ หลังตนนั้นมีบาดแผล ไม่สามารถพิงได้ ทำได้เพียงนั่งก้มต่ำลงเท่านั้น เสียงเขาก็แผ่วเบานัก ราวกับลมที่ลอยเข้าหูนาง “ด้านนอกกระท่อมมีแม่น้ำอยู่ เจ้าไปหาอะไรก็ได้ตักน้ำมาหน่อย”
ยังดีที่กระท่อมนี้ถึงแม้จะทรุดโทรม แม้จะเล็กแต่มีของหลายสิ่ง ของใดที่ควรมีก็ไม่ได้ขาดไปเท่าไร เฉินยางรื้อค้นเจออ่างไม้ จึงอุ้มอ่างไม้เดินออกไปตักน้ำวิ่งออกไป ผ่านไปสักพักก็วิ่งตื๋อกลับมา ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่ยังไม่แห้ง อดกลั้นความรู้สึกปวดใจเสียใจไว้ ลืมตาโตถามเขาไปว่า “ตอนนี้ทำอย่างไรต่อ ไม่เยี่ยงนั้น….ไม่เยี่ยงนั้นให้ข้าช่วยท่านดึงธนูดอกนี้ออกมาเถอะ”
เฝิงเยี่ยไป๋เปิดหลังให้นางดู “ตอนดึงออกมาใช้แรงมากหน่อย อย่ามืออ่อน หากเจ้ายิ่งช้าข้าจะยิ่งเจ็บ”
เฉินยางรับปากอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นบาดแผลเขาแล้วก็ไม่กล้าลงมือ ปลายธนูนั้นทายาพิษเอาไว้ บริเวณที่ธนูปักนั้น โลหิตล้วนเป็นสีม่วงคล้ำ ผิวเนื้อปริออกเสียแล้ว เผยผิวกายต่อหน้าผู้อื่นอย่างทารุณ นางเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก ข้อมือไร้เรี่ยวแรง งกๆ เงิ่นๆ อย่างไรก็ไม่กล้าลงมือ เขาหันหลังให้นางจึงมองไม่เห็นอันใด เฉินยางเองก็ควบคุมเสียงคร่ำครวญของตนไว้ไม่ได้ น้ำตาเย็นเยียบหยดลงบนหลังของเฝิงเยี่ยไป๋ ราวกับว่ามีค้อนหนักๆ ทุกลงมาที่ทรวงอกเขาอย่างรุนแรง
“ช่างเถิด เจ้าไม่ต้องทำแล้ว ข้าทำเอง” เฝิงเยี่ยไป๋ดึงนางมาเบื้องหน้าตน “ให้ข้าพิงเสียหน่อย ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”