ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 713 อยู่ดีๆ รอข้ากลับมาเถิด / ตอนที่ 714 พบคุณหนูเจียงโดยบังเอิญ
- Home
- ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง
- ตอนที่ 713 อยู่ดีๆ รอข้ากลับมาเถิด / ตอนที่ 714 พบคุณหนูเจียงโดยบังเอิญ
ตอนที่ 713 อยู่ดีๆ รอข้ากลับมาเถิด
เมื่อถูกพิษแล้วจะมาเสียเวลาอยู่ไม่ได้ เฉินยางไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากนัก นางเองก็ไม่ทราบว่าตนนั้นหากออกไปจะสามารถเสาะหาสมุนไพรที่มีประโยชน์เจอหรือไม่ บนภูเขาล้วนเป็นดินจืด นางเองก็ไม่ทราบว่าเฝิงเยี่ยไป๋ถูกพิษอะไรเข้า ควรจะหายาอันใดมารักษา ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งประสบเรื่องแบบนี้เป็นหนแรก นางนั้นประหวั่นพรั่นพรึงจนทำอะไรไม่ถูกเลย แม้แต่ในใจลึกๆ ก็พลันเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง หมดหวังขึ้นมา หากนางช่วยชีวิตเฝิงเยี่ยไป๋เอาไว้ไม่ได้เล่า
ไม่เพียงแค่ถูกพิษ บาดแผลฉกรรจ์จากคมดาบก็สาหัสนัก เฉินยางยืนมองเขาที่หน้าประตูอยู่นาน ยังคงไม่ใคร่วางใจนัก นางย้ายกองฟางที่วางไว้เป็นชั้นมากองไว้ข้างกายเขา ตบมือเขาเบาๆ พลางกำชับ “ท่านอย่าหลับเด็ดขาด รอข้ากลับมา ข้าจะออกไปหาคนมาช่วยท่าน ท่านพี่ ท่านอย่าทิ้งข้าไว้คนได้ รู้ไหม”
เฝิงเยี่ยไป๋ฝืนดึงสติไว้ลูบท้ายทอยนางเบาๆ “คนของฮ่องเต้จะต้องกลับมาอีกแน่ในไม่ช้า เจ้าอย่าไปไกล หากหาคนไม่พบก็ให้กลับมา ข้าจะพักสักหน่อย พวกเราค่อยรีบเดินทางต่อ”
เฉินยางพยักหน้าทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย ท่านอยู่ดีๆ รอข้ากลับมา”
เทือกเขาชานเมืองแบบนี้ นางไม่มีความมั่นใจเลย ไม่รู้เลยว่าจะหาคนเจอหรือไม่ ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะขึ้นเขาไปดู ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ อย่างน้อยก็หาก่อน สถานที่แบบนี้ยังมีกระท่อม ก็หมายความว่าต้องมีคนเคยอาศัยอยู่ นายพรานบนเขาบางคราก็กลับบ้านไม่ทันก็สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นที่ล่าสัตว์ก็เป็นได้ เมื่อคืนนั้นวิ่งมาทั้งคืน ประจวบเหมาะตอนนี้รุ่งสางพอดี นายพรานขึ้นเขาก็คงเวลานี้กระมัง ไปเสี่ยงโชคดูหน่อยอาจจะดี
เฝิงเยี่ยไป๋กำชับว่าไม่ให้นางไปไกลนัก แต่ลำพังแค่สถานที่ตรงหน้านั้นจะสามารถเสาะหาอะไรได้เล่า นางเกรงว่าเฝิงเยี่ยไป๋ที่บาดเจ็บจะเป็นห่วงนาง แม้จะรับปากไว้เสียดิบดี แต่เมื่อออกพ้นประตูก็ลืมคำพูดเขาเสียแล้ว เก็บกิ่งไม้มาเป็นไม้เท้าพยุงตัวได้ก็มุ่งหน้าเดินทางขึ้นเขาทันที
หากเป็นเวลาปกติ ให้นางเดินทางขึ้นเขาตามลำพังนางคงไม่กล้าเป็นแน่ หากแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ดั่งมีขนงอกขึ้นมาบนถุงน้ำดี ไม่มีอะไรมาทำให้กลัวได้อีก นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเรียกความกล้าให้ตนเอง ก้าวเดินอย่างหนักบ้างเบาบ้างขึ้นเขาไป
ฤดูกาลนี้ บนภูเขาโล่งเตียนไม่มีอะไรเลย มีเพียงใบไม้ร่วงเต็มพื้น ทอดสายตามองไป ล้วนเป็นผืนดินรกร้างว่างเปล่าทั้งหมด หนก่อนตอนที่อิ๋งโจวได้สอนนางให้รู้จักสมุนไพร ถอนพิษนางไม่เป็นเลย แต่หาสมุนไพรเพื่อห้ามเลือดนางยังพอทำได้ เพียงแต่นางไม่รู้ว่าภูเขาแห่งนี้จะแห้งแล้งถึงเพียงนี้ จะมีสมุนไพรเติบโตหรือไม่ หากไม่มี.นางตบปากตนเองไปเสียที ยังมิได้เริ่มต้นหาก็ปิดหนทางตนเสียแล้ว ควรตีปากนัก ตีให้ได้สติเสีย เมื่อสมองคิดแต่เพียงหาสมุนไพร มือเท้าก็คล่องแคล่วขึ้นมาทันที
เฝิงเยี่ยไป๋แจ้งแก่ใจนักว่าตนบาดเจ็บสาหัส จุดลมปราณในกายหลายแห่งแม้เขาจะปิดไว้หมดแล้ว แต่พิษนั้นร้ายแรงนัก สามารถมีชีวิตอีกนานเท่าใดเขาเองก็ไม่มั่นใจเลย คนกลุ่มนี้ถูกสังหารเสียสิ้นแล้ว ฮ่องเต้อีกไม่นานจะต้องส่งคนมาอีกเป็นแน่ หากถึงตอนนั้นยังไปไม่ถึงไท่โจวแล้วเขาเองกลายมาเป็นแบบนี้เสีย เกรงว่าจะปกป้องนางไม่ได้ สถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้ ทำได้เพียงรอเฉินยางกลับมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปไท่โจว หากประเมินสถานการณ์เขาตอนนี้แล้ว ฝืนร่างกายอีกสักสองสามชั่วยามรีบไปให้ถึงไท่โจวน่าจะพอไหว
บนเขาทั้งลูกนั้นก็มีพื้นที่เพียงแค่นี้ ใบไม้ล้วนร่วงลงมาหมดแล้ว จึงมองไปได้ไกลสุดสายตา เฉินยางเดินมุ่งหน้าตรงไปตามทางที่เดินมา เมื่อเลี้ยวตรงจุดใดก็ทำหินมากองไว้เป็นสัญลักษณ์ว่าเลี้ยงตรงจุดนี้ นางไม่ใคร่มีความสามารถในการจำทางนัก จึงต้องทำสัญลักษณ์ให้ชัดเจน อีกประเดี๋ยวจะได้ไม่ต้องคลำทางกลับ
ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งเจอความมืดครึ้ม ด้านในพบเจอต้นไม้สูงระฟ้าเต็มไปหมด มีต้นไม้ที่เขียวตลอดปียืนต้นตระหง่านบดฟ้าบังสวรรค์อยู่ อย่างน้อยเดินมาเสียไกลก็ยังเจอสีเขียวอยู่บ้าง เฉินยางฝืนกัดฟัน อย่าไปสนใจว่ามันจะมืดครึ้มหรือไม่ บุกเข้าไปก่อนค่อยว่ากันอีกที
ตอนที่ 714 พบคุณหนูเจียงโดยบังเอิญ
เฉินยางบุกเข้าไปในป่าลึกมืดครึ้มตามลำพัง ลมเย็นพัดผ่านไปทีนางก็หนาวเย็นไปคราหนึ่ง นางผูกอาภรณ์ของตนให้แน่น กัดฟันแน่น เดินเหยียบเข้าไป ก้าวนี้ที่เดินเข้าไป มิใช่พื้นที่มั่นคงนัก กลับเป็นหลุมที่นิ่มนัก นางไม่ทันระวัง เมื่อเหยียบลงไปได้ยินเสียงแตกหักหนึ่งที หลุมไม่ลึกนั้น ด้านในมีกับดักสัตว์อยู่ นางเหยียบไปตรงกลางเข้า ฟันเหล็กที่แหลมคมทั้งสองด้านนั้นงับเข้าที่น่องนางพอดี
กับดักสัตว์นี้เดิมทีใช้ดักสัตว์ประเภทเสือดาว ตัวหนีบจึงมีแรงมาก สองด้านเมื่อประกบเข้าด้วยกันจึงแทงลึกถึงกระดูกนางพอดี ตอนนั้นจึงเลือดไหลออกมาไม่หยุด เฉินยางนั้นทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด ในใจนั้นสิ้นหวังเหลือประมาณ ใช้มือแยกก็แยกไม่ออก นางแรงไม่มากพอ ง้างออกได้นิดหน่อยก็เด้งกลับไปดังเดิม ทั้งยังเพิ่มแผลเข้าไปที่จุดเดิมเพิ่มอีก นางเจ็บเสียจนหนังศีรษะชาไปหมด อย่างอื่นไม่กลัว กลัวแต่ในป่านี้จะมีหมาป่า เมื่อได้กลิ่นเลือดแล้วจะตามกลิ่นมา หากถึงตอนนั้นนางคงต้องสิ้นชีวิตอย่างมิต้องสงสัยเลย
เรื่องเจ็บนั้นยังเป็นเรื่องรอง นางตอนนี้ในหัวสมองคิดแค่เรื่องของเฝิงเยี่ยไป๋ นางเองก็ได้รับบาดเจ็บเข้าเสียแล้ว ไร้หนทางออกไปหาสมุนไพรแล้ว ทางที่เดินกลับไปก็ไม่ใกล้เลย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ในใจนั้นร้อนรนยิ่งนัก ด้วยความรีบร้อนจะยืนขึ้นมา ขายังยืนไม่มั่นคงนัก ขาที่บาดเจ็บจึงเคล็ดทันที นางตะโกนไปสุดเสียง ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปหลั่งน้ำตาออกมาเสียสิ้น
“มีผู้ใดหรือไม่ ช่วยข้าด้วย” นางลากขาที่บาดเจ็บเดินไปข้างหน้าทีละนิดๆ เดินไปด้วยตะโกนไปด้วย ตอนนี้หวังเพียงว่าในป่าแห่งนี้จะมีคนได้ยินเสียงนาง ต่อให้เป็นโจรภูเขาก็ดีกว่าไม่มีใครเลย อย่างน้อยโจรป่าก็เป็นคน นับเป็นสิ่งมีชีวิต นางให้เงินเขาได้ ขอให้เขาช่วยเหลือ เขาอาจจะไม่นิ่งดูดายก็ได้ ใครจะไม่สนใจเงินเล่า แต่ปัญหาคือตอนนี้ในป่าแห่งนี้แม้แต่เงายังไม่มีเลย นางตะโกนให้เสียงหายสิ่งที่นำมาอาจจะมิใช่คนแต่เป็นหมาป่าก็เป็นได้
เสียงผู้หญิงนั้นแหลมนัก เมื่อมีแรงมากพอ ตะโกนออกไปก็ส่งเสียงออกไปได้ไกล
ภูเขาใหญ่เพียงนี้ หากบอกว่าแม้แต่คนยังไม่มี ก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่นั้นนางไม่กล้าตะโกนเรียกคน แต่บัดนี้กลับตะโกนออกไปไม่หยุด พอได้ฟังแล้วคลุมเครือไม่เหมือนจริง แต่หากตั้งใจฟังอย่างดีแล้ว ก็ชัดเจนขึ้นทุกที
“คุณหนู ท่านฟังสิเจ้าคะ มีคนกำลังตะโกนขอความช่วยเหลือใช่หรือไม่”
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคุณหนูจึงรีบยืนขึ้น เงี่ยหูฟังอยู่พักใหญ่จึงพยักหน้า “เหมือนว่ามีคน” นางสะพายตะกร้าขึ้นมา ในตะกร้านั้นมีหน่อไม้ฤดูหนาวอยู่ นางใช้ผ้าคลุมไว้ ยกกระโปรงขึ้นพลางยื่นมือไปยังสาวใช้ตน “พวกเราไปดูกันเถิด”
สาวใช้คนนั้นรับตะกร้าที่นางคล้องแขนมา พลางพยุงนาง “รุ่งเช้าออกเพียงนี้ผู้ใดจะขึ้นเขาเล่า”
“ไปดูก่อนเถิด คิดว่าน่าจะโดนกับดักที่นายพรานนั้นใช้ดักสัตว์ก็เป็นได้ เจ้านำเสียมไปด้วย ไม่แน่อาจจะได้ใช้ประโยชน์”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” สาวใช้นำเอาเสียมที่พวกนางใช้ขุดหน่อไม้วางไว้ในเข่ง นางประคองคุณหนูเดินตามเสียงไป
เฉินยางลากขาข้างที่บาดเจ็บเดินไปด้วยตะโกนไปด้วย นางเดินออกไปไกลอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่อมาเมื่อเดินไม่ไหวแล้ว ก็พิงตัวกับต้นไม้ต้นหนึ่ง ระหว่างนั้นนางลองมาหลายวิธี ใช้กิ่งไม้ ใช้ก้อนหิน ล้วนไร้หนทางที่จะอ้าฟันเหล็กนี้ออกได้ แต่กลับยิ่งแทงยิ่งลึกลงไปอีก สุดท้ายเจ็บจนทนไม่ไหวจึงทำได้เพียงยอมแพ้ ความหมายของนางนั้นคืออย่างนั้นก็รอให้ฟ้าดินชะตากำหนดชะตานางแล้วกัน
“ท่านพี่….” นางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา “ล้วนโทษข้าที่ใช้ไม่ได้ ข้ามันไร้ค่า ทุกคราล้วนแต่ต้องให้ท่านปกป้อง ท่านทำเพื่อข้ามากมายขนาดนั้น แต่ข้ากลับช่วยท่านไม่ได้”
ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ น้ำตาก็ทะลักออกมาราวกับน้ำในคูเมืองมิปาน ไหลอย่างไรก็ไหลไม่หมด ขานางนั้นตอนนี้เจ็บจนไม่มีความรู้สึกแล้ว ตลอดทางที่เดินมานี้ เลือดไหลมาตลอดทาง เฉินยางก้มหน้ามองรอบตัว เห็นกอหญ้าสีเขียวข้างกาย ในตานางนั้นราวกับมีความหวังลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง