ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 614
ร่วมมือกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 6
คิ้วกู่ฉานโม่ขมวดแน่น ชัดเจนยิ่งนัก คนชุดขาวผู้นี้คิดไม่ซื่อ แต่ว่าเขา (หรือนาง) เป็นใครกันแน่?
มุ่งหมายสืบถามข่าวคราวของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เช่นนี้มีจุดประสงค์ใด? เกี่ยวข้องอะไรกับคนเป่าขลุ่ยชุดเขียวที่ระเบิดตัวเองวันนั้น?
ปมเรื่องนับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่ในสมองของฝูงชน แต่กลับคลี่คลายไม่ได้ในทันที
คดีนี้มองเผินๆ เหมือนจะกระจ่างแล้ว แต่ก็ยังลากตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาไม่ได้ แถมยังทำให้ให้เรื่องราวยุ่งเหยิงกว่าเดิม
แต่ก็โชคดีที่ไส้ศึกในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ถูกลากออกมาแล้ว และเชียนหลิงอวี่ก็หายเป็นปกติแล้ว นี่นับเป็นเรื่องมงคล…
….
ยามที่กู้ซีจิ่วตามท่านเทพศักด์สิทธิ์กลับไปยังเรือนตน ฟ้าก็สางแล้ว
เธอวิ่งไปวิ่งมาทั้งคืน ค่อนข้างจะง่วงอยู่บ้าง แต่เธอก็อยากถามสิ่งที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เก็บเกี่ยวได้ ถึงอย่างไรท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็อ่านความทรงจำของผู้อื่นได้โดยตรง น่าจะมองเห็นแจ่มแจ้งชัดเจน ส่วนเธอยังมืดแปดด้านอยู่เลย
แต่เห็นได้ชัดว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากบอก เมื่อกลับถึงเรือนก็โบกมือ ให้เธอกลับไปพักผ่อนที่เรือนหลัง ส่วนเขาก็เดินกลับเรือนกลางของตน
กู้ซีจิ่วไม่ยอมให้จากไปง่ายๆ เช่นนี้ ด้วยเธอร้อนใจ จึงดึงแขนเสื้อของเขาไว้ทันทีพลางซักถาม “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านเห็นอะไรในความทรงจำของเขาหรือเจ้าคะ? สรุปแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือใคร? มีจุดประสงค์อะไร? ยังมีพรรคพวกคนอื่นอยู่ในสำนักศึกษาอีกหรือไม่?”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หลุบตามองมือน้อยๆ ของนาง สาวน้อยคนนี้ปฏิบัติกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ กล้าดึงแขนเสื้อเขาแล้ว…
เมื่อกู้ซีจิ่วมองตามสายตาของเขาก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วปล่อยมือออก
เธอไม่ใช่คนที่ชอบแตะเนื้อต้องตัวบุรุษ อย่างมากก็แค่สัมผัสมือหรือไหล่ของอีกฝ่าย แถมยังอยู่ในสถาการณ์ที่เธอมองอีกฝ่ายเป็นเพื่อนพ้องหรือน้องชายเท่านั้น
สำหรับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เธอเคารพนับถืออย่างยิ่งมาโดยตลอด ถึงแม้ยามพบเขาจะไม่ได้กราบกราบบูชาเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ทำความเคารพตามที่สมควรทำ ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายมาก่อน
ครั้งนี้เธอดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายไว้ แถมยังดึงอย่างเป็นธรรมชาติถึงเพียงนี้ ท่าทางนี้คล้ายกับหลานสาวตัวน้อยที่ร้องขอลูกกวาดจากผู้เป็นปู่ยิ่งนัก…
น่าอายนัก! เอาเถอะ คงเป็นเพราะตนขาดแคลนความรักของบิดา จึงมองหาส่วนที่ขาดหายจากร่างเขา
สายตาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ร้ายกาจยิ่งนัก กู้ซีจิ่วถูกเขาแวบเดียว หัวใจพลันเต้นแรงเล็กน้อย
เพียงแต่นิสัยของเธอไม่รู้จักคำว่าถอย ดังนั้นถึงแม้เธอจะปล่อยมือแล้ว ทว่ายังเงยหน้ามองเขาอยู่เช่นเดิม ราวกับถ้าไม่ได้คำตอบจะไม่ยอมเลิกรา
“อยากรู้หรือ?”
“อยากเจ้าค่ะ!”
“ได้ ตามเปิ่นจุนมาสิ” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตวัดแขนเสื้อ กุมมือเธอไว้ทันที จูงเธอเดินเข้าไปในเรือนตน
มือใหญ่ของเขาสะอาดอบอุ่น มือน้อยๆ ของเธอเรียวเล็กราวกับกุมเท่าไหร่ก็ไป ยามที่เกาะกุมกันไว้รู้สึกว่าเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
หัวใจของกู้ซีจิ่วมีแนวโน้มว่าจะเต้นเร็วขึ้นอีก เธอคิดจะสลัดออกตามสัญชาตญาณ แต่อีกฝ่ายกุมเธอไว้แน่น เธอชักกลับมาไม่ได้
และเธอไม่สามารถโคจรพลังยุทธ์มาขัดขืนได้ แบบนั้นจะเห็นได้ชัดเกินไปว่าจงใจทำ แถมเธอยังพอเดาออกว่าวรยุทธ์ของตนไม่มีทางประมือกับอีกฝ่ายได้…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลากเข้ามาในเรือนแล้ว
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลากเข้ามาในห้องนอนด้วย
ยามที่มองเห็นเตียงใหญ่หลังนั้น เรื่องอุบัติเหตุอันน่าละอายบนเตียงของเขาเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในสมองเธออย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ใบหน้าเธอร้อนผ่าว
โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นโครงเตียงที่ว่างเปล่านั้น ก็นึกถึงม่านเตียงนั้น ใบหน้าเธอเห่อร้อนยิ่งกว่าเดิม!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่หยุดเท้า เดินตรงไปที่เตียงใหญ่หลังนั้น
กู้ซีจิ่วร้อนรนแล้ว!
รีบยั้งฝีเท้าไว้พลางเปิดปากเอ่ย “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าคะ ท่าน…ท่านคุยตรงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ”
ด้วยเกรงว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะลากเธอไปอีก จึงรีบฝังก้นลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่เดินผ่าน ปรารถณาจะหยั่งรากลงไปยิ่งนัก